HomeBrand Move !!“สิงห์” สนใจตลาดเบียร์ซูเปอร์พรีเมี่ยม – ปรับกลยุทธ์น้ำดื่ม ทวงคืนตำแหน่งผู้นำ

“สิงห์” สนใจตลาดเบียร์ซูเปอร์พรีเมี่ยม – ปรับกลยุทธ์น้ำดื่ม ทวงคืนตำแหน่งผู้นำ

แชร์ :

คุณภูริต ภิรมย์ภักดี  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด เผยรายได้บุญรอดเทรดดิ้ง (กลุ่ม Alcohol Beverage, Non-alcohol Beverage, Food-Snack) ปี 2560 ทำได้ 120,000 ล้านบาท โดยรายได้หลัก ยังเป็นเบียร์ ในสัดส่วน 80% ขณะที่อีก 20% เป็นกลุ่ม Non-alcohol และ Food-Snack 

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

เล็งตลาดเบียร์ซูเปอร์พรีเมียม รับดีมานด์คนไทยสนใจ Craft Beer มากขึ้น

สำหรับ”กลุ่มธุรกิจเบียร์” ของสิงห์ (Brand Portfolio ประกอบด้วยเบียร์ที่สิงห์เป็นเจ้าของแบรนด์ ได้แก่ สิงห์, สิงห์ ไลท์, ลีโอ, U Beer, Snowy Weisen by EST.33 และกลุ่มเบียร์ต่างประเทศ ได้แก่ Asahi, Carlsberg, Kronenbourg, Corona) ในปี 2560 มีส่วนแบ่งการตลาดโดยรวม 62% ยอดขายเบียร์ 1,320 ล้านลิตร รั้งอันดับหนึ่งตลาด เบียร์ไทย เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ซึ่งอยู่ที่ 58.5% 

ขณะที่ในปีนี้ตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มเป็น 65% ยอดผลิต 1,400 ล้านลิตร

โดยสถานการณ์ธุรกิจเบียร์ในภาพรวมของไทย พบว่าปัจจุบันคนไทยมองหา “เบียร์ทางเลือก” ซึ่งโดยส่วนใหญ่เป็นเบียร์ระดับซูเปอร์พรีเมียม ทั้ง Craft Beer และเบียร์ต่างประเทศมากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคต้องการประสบการณ์ความแปลกใหม่ในการดื่มเบียร์ 

ดังนั้น แม้ขณะนี้ “เบียร์ซูเปอร์พรีเมียม” หรือเบียร์ทางเลือกใหม่ ยังมีฐานตลาดที่เล็ก แต่สำหรับในมุมมองของ “บุญรอดเทรดดิ้ง” ให้ความสนใจตลาดนี้ เพราะเป็นตลาดศักยภาพที่สามารถเติบโตได้อีกมาก 

ยอมรับถูกโค่นแชมป์น้ำดื่ม – เร่งปรับกลยุทธ์ทวงคืนตำแหน่งผู้นำ !!

ในส่วน “ธุรกิจน้ำดื่ม” ด้วยสถานการณ์การแข่งขันราคารุนแรง แต่สิงห์ไม่ได้ใช้กลยุทธ์ราคาอย่างหนักหน่วง ซึ่งโดยพฤติกรรมการซื้อน้ำดื่มของผู้บริโภค ปัจจัยราคายังมีผลต่อการตัดสินใจซื้อ 

ส่งผลให้ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ส่วนแบ่งการตลาด “น้ำดื่มสิงห์” ตกลงนับตั้งแต่ปี 2558 มีส่วนแบ่งอยู่ที่ 27% จากนั้นในปี 2559 ลดลงมาอยู่ที่ 25% และเมื่อปี 2560 ลดลงมาเหลือ 20% หล่นจากตำแหน่งผู้นำตลาด มาเป็นเบอร์ 2 ส่วนในด้านรายได้ อยู่ที่ 8,000 ล้านบาท

ด้วยเหตุนี้ ทำให้สิงห์ ต้องเร่งปรับกลยุทธ์การตลาดและการขายครั้งใหญ่ ล่าสุดดึง “เจ้านาย” มาเป็นพรีเซนเตอร์ เพื่อกระชากลุคแบรนด์ให้ดูทันสมัยขึ้น และขยายฐานไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ จากเดิมกลุ่มคนดื่มน้ำสิงห์หลัก เป็นคนอายุ 35 ปีขึ้นไป อย่างไรก็ตามยังไม่ทิ้งความเป็นน้ำดื่มสำหรับทุกคนในครอบครัว 

นอกจากนี้จะปรับกลยุทธ์ในด้านอื่นๆ โดยที่ต้องตอบโจทย์ทั้งด้าน “ส่วนแบ่งการตลาด” ที่เพิ่มขึ้น และด้าน “ผลกำไร” ที่ต้องเติบโต โดยตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดน้ำดื่มสิงห์ปี 2561 อยู่ที่ 23% 

ถ้าทำได้สำเร็จตามที่วางไว้ นั่นเท่าว่า “สิงห์” จะกลับมาเป็นผู้นำตลาดน้ำดื่มอีกครั้ง 


แชร์ :

You may also like