HomeFeaturedGig Economy เทรนด์แรงรับยุคดิจิทัล ตามไม่ทันธุรกิจอาจพังได้ !!

Gig Economy เทรนด์แรงรับยุคดิจิทัล ตามไม่ทันธุรกิจอาจพังได้ !!

แชร์ :

ในยุคที่เทคโนโลยีรอบตัวเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้สิ่งต่างๆรอบข้าง ทั้งการใช้ชีวิต และพฤติกรรมของผู้คนในยุคนี้ปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง ในโลกธุรกิจก็เช่นกัน หากไม่สามารถปรับตัวให้เท่าทันปัจจัยความท้าทายที่แปรผันเหล่านี้ได้ ก็อาจจะหลุดออกจากวงโคจรในตลาดได้ไม่ยากนัก

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

นายสิริเกียรติ์ บุญวรเศรษฐ์ (Sirikiat Bunworaset) กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริดจ์ คอนซัลติ้ง จำกัด (Bridge Consulting Co., Ltd.) หนึ่งในบริษัทที่ปรึกษาด้านการวางแผนด้านการพัฒนาองค์กรของประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปัจจุบันโลกกำลังก้าวเข้าสู่ Gig Economy หรือเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยรูปแบบการทำงานประเภทงานชั่วคราวเพิ่มขึ้น เช่น งานพาร์ทไทม์ ฟรีแลนซ์ หรืองานเอาท์ซอร์สต่างๆ ซึ่งจะส่งผลให้รูปแบบการทำงานเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ตัวอย่างเช่น จากเดิมงานส่วนใหญ่ที่เป็นแบบงานประจำก็จะเปลี่ยนแปลงสู่รูปแบบใหม่หรือเป็นงานย่อยๆ และเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีลักษณะการทำงานระยะสั้น (Micro Work) หรือเมื่อเสร็จจากงานๆหนึ่งแล้วก็สามารถเริ่มทำงานใหม่ รวมถึงทำงานได้หลายอย่างในเวลาเดียวกัน

นอกจากนี้ จากปัจจัยเทคโนโลยีและเครื่องมือต่างๆ เช่น Social Media, Virtual Reality หรือ Augmented Reality ที่เข้ามามีอิทธิพลต่อการทำงานมากขึ้น โดยรูปแบบการทำงานจะเริ่มผสมสานกับเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ตลอดจนรูปแบบการทำงานที่สามารถทำร่วมกันได้จากหลากหลายมุมทั่วโลก โดยที่ไม่จำเป็นต้องจำกัดสถานที่ทำงานเฉพาะที่ใดที่หนึ่ง หรืออยู่แต่ในออฟฟิศ ตลอดจนการประชุมคอนเฟอร์เรนซ์ระหว่างประเทศ เพื่อดำเนินงานและติดตามความคืบหน้าของงานระหว่างกัน เป็นต้น

ทั้งนี้ จากสาเหตุต่างๆข้างต้นนี้จึงทำให้แนวโน้มการทำงาน รับงาน หรือว่าจ้างงานขององค์กรในอนาคตไม่จำเป็นต้องจ้างพนักงานประจำ หรือไม่จำเป็นต้องจ้างพนักงานให้เข้ามานั่งทำงานในออฟฟิศเดียวกัน แต่อาจปรับเปลี่ยนรูปแบบสู่การค้นหาผู้ที่มีความสามารถทำงานตอบโจทย์ตามความต้องการของผู้ว่าจ้างได้ ซึ่งผู้ว่าจ้างก็มีแนวโน้มที่จะมองหาผู้ที่มีทักษะการทำงานเฉพาะด้านและตรงกับโจทย์ความต้องการองค์กร โดยสามารถจ้างงานผ่านออนไลน์ หรือออนดีมานด์จากแหล่งงานทั่วโลกได้

ธุรกิจเปลี่ยนไวรับมือวงจรเทคโนฯสั้นลง

ขณะเดียวกัน ในปัจจุบันเทคโนโลยีใหม่ๆถูกนำมาปรับใช้โลกธุรกิจอย่างรวดเร็ว ทำให้ทุกอย่างสามารถเปลี่ยนแปลงได้ภายในเวลาเพียง 2-3 ปี เนื่องจากวงจรเทคโนโลยี (technology cycle) ในยุคนี้นั้นมีระยะวงจรที่สั้นลงมาก เมื่อเทียบกับในอดีตที่ต้องใช้ระยะเวลาเปลี่ยนแปลงค่อนข้างนาน โดยเห็นได้จากตัวอย่างการให้บริการของหลายธุรกิจที่ดึงเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยเสริมการบริการเพื่อให้ก้าวทันคู่แข่ง หรืออีกนัยหนึ่งคือ ปรับตัวให้เท่าทันเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ให้ธุรกิจต้องถูกปั่นป่วน หรือหยุดชะงักด้วยเทคโนโลยี (digital disruptive) เสียเอง เช่น การปรับตัวของธนาคารผ่านระบบ e- banking และการปรับตัวของสื่อสิ่งพิมพ์ที่เริ่มปรับทิศทางก้าวสู่แพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น

นอกจากนี้ เศรษฐกิจจะถูกขับเคลื่อนด้วยองค์กรที่รู้จักปรับตัวนำเทคโนโลยีนวัตกรรมสำคัญมาเสริมประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น  Artificial Intelligence ซึ่งจะมาแทนที่การทำงานแบบ repetitive ในภาคบริการ ตลอดจนเทคโนโลยี Robot และ 3D หรือ 4D Printing ที่จะมาแทนแรงงานในภาคผลิต โดยเศรษฐกิจที่จากเดิมถูกขับเคลื่อนโดยองค์กรขนาดใหญ่จะมีทิศทางกลายเป็นเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนจากเครือข่าย (network) ของผู้บริโภคผ่านเทคโนโลยีมากขึ้น ผ่านการสะท้อนฟีดแบ็กในสังคมออนไลน์ โดยที่ผู้บริโภคจะมีบทบาทกำหนดแนวทางการทำสินค้าให้ออกมาตอบสนองความต้องการของพวกเขามากขึ้น

ดังนั้นจากภาพการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและธุรกิจข้างต้น ก็จะส่งผลเชื่อมโยงต่อลักษณะงานที่จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากเดิมที่ค่อยๆ สร้างความก้าวหน้าในอาชีพการงาน (Climbing career ladder) กลายมาเป็นการเปลี่ยนประเภทงานบ่อยๆ ทุก 2-3 ปีหรืออาจเร็วกว่านั้น ตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยน (Surfing career waves) ซึ่งธุรกิจและความต้องการด้านทักษะจากบุคลากรจะเปลี่ยนอย่างรวดเร็วเช่นกัน ทั้งนี้ การทำงานในลักษณะที่ใช้ระยะเวลาค่อยๆสร้างประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในสายงานจึงอาจไม่สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในยุคนี้มากนัก เพราะต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน อาจไม่ทันกับโลกเทคโนโลยี

ทั้งนี้ ในมุมมองของ“บริดจ์ คอนซัลติ้ง”จึงอยากแนะนำให้องค์กรทั่วประเทศเห็นถึงความสำคัญของทิศทางการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ รวมถึงเตรียมรับมือและปรับตัวตามกระแส Gig Economy อย่างรวดเร็วตั้งแต่ตอนนี้ โดยต้องพร้อมปรับตัวในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นด้านองค์กรต้องปรับปรุงระบบการดำเนินงานภายในองค์กรให้มีความสามารถนำเอาเทคโนโลยีมาปรับใช้อย่างรวดเร็วทุกๆ 2-3 ปี

ปรับโครงสร้างองค์กร – กระจายอำนาจ

นายสิริเกียรติ์ กล่าวถึงคำแนะนำอีกว่า จากความท้าทายการดำเนินงานข้างต้น องค์กรจึงต้องปรับตัวและเห็นถึงความสำคัญเรื่องการกระจายอำนาจการสั่งการมากขึ้น (Decentralized) จากเดิมที่เป็นแบบรวมศูนย์ (Centralized) เพื่อให้มีหน่วยองค์กรเล็กๆและย่อยลงสามารถตัดสินใจดำเนินงานในเรื่องต่างๆได้ตามความสามารถและการพิจารณางานตามความเหมาะสมโดยที่ไม่ต้องรอให้ผู้บริหารสูงสุดเป็นผู้ตัดสินใจเอง รวมถึงมุ่งเน้นการใช้ Outsource เข้ามาช่วยแบ่งเบางานต่างๆ มุ่งเน้นการจ้างงานแบบสัญญาว่าจ้าง (Contract-based) มากขึ้นแทนที่จะเป็นแบบพนักงานประจำ (Full- Time) ทั้งยังต้องปรับโครงสร้างองค์กร รวมถึงรูปแบบการจ้างแบบยืดหยุ่น

สำหรับในด้านบุคลากรหรือทรัพยากรบุคคล โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ จะต้องมีทักษะด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่สำคัญในอนาคต เช่น Blockchain, Artificial intelligence, Robot, IoT (Internet of Things) และต้องสร้างทักษะในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ (Life-long learning) รวมถึงต้องสร้างทักษะด้าน Project management และCollaboration skill หรือทักษะการร่วมทำงาน -ผนึกความร่วมมือมากขึ้น เพราะงานของโลกอนาคตจะเปลี่ยนไปเป็นงานระยะสั้น เป็นแบบรายโครงการ และต้องอาศัยความร่วมมือจากบุคลากรจากหลากหลายพื้นฐาน เพื่อผลักดันให้งานประสบความสำเร็จเร็วขึ้น

“ต้องสร้างความพิเศษหรือความสามารถการทำงานของตนเองให้เด่นชัด (Personal branding) เพื่อให้ง่ายต่อการหางานใน Gig Economy ที่จะเกิดขึ้น เช่น เมื่อใครสักคนอยากจ้างหรืออยากมอบหมายให้ทำงานต่างๆ ก็จะนึกถึงความสามารถของเราเป็นคนแรกๆและไว้วางใจให้ทำงานนั้นๆ”

ทางด้านสถาบันการศึกษาก็ควรจะต้องสร้างนักเรียน และนักศึกษาประเภทใหม่ เลิกใช้การสอนแบบป้อนสู่ยุคอุตสาหกรรมแบบเดิมๆที่ใช้กันมาหลายปีแล้ว แต่มุ่งสร้างนักศึกษาเพื่อส่งต่อ หรือพร้อมรับมือกับการเข้าสู่งานในระบบ Gig Economy โดยที่ต้องสร้างให้นักเรียน นักศึกษา มีความคิดเสมือนพวกเขาเองเป็นผู้ประกอบการ (Digital Entrepreneur) เปลี่ยนจากการเน้นสอนทฤษฎีและการท่องจำ เป็นการสร้างโลกเสมือนจริงแห่งอนาคตและสอนจากประสบการณ์จริงจากการลงมือทำแทน

ทั้งนี้ บริษัท บริดจ์ คอนซัลติ้ง จำกัด ก่อตั้งขึ้นในปี2548 ดำเนินธุรกิจที่ปรึกษาวางแผนด้านการพัฒนาองค์กรของประเทศไทย โดยมุ่งเน้นการปรับตัวองค์กรลูกค้าให้พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจยุคใหม่ที่เน้นนวัตกรรมและเทคโนโลยี โดยในปัจจุบันดำเนินงานร่วมกับลูกค้าองค์กรชั้นนำต่างๆไทย ในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งอุตสาหกรรมค้าปลีกและการบริการ อุตสาหกรรมการบิน สถาบันการเงิน ฯลฯ ทั้งยังมุ่งมั่นในปรัชญาการดำเนินงานรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าผู้ใช้บริการระยะยาวผ่านคุณภาพการดำเนินงานที่มอบให้ลูกค้า

สำหรับนายสิริเกียรติ์ บุญวรเศรษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริดจ์ คอนซัลติ้ง จำกัด มีประสบการณ์ด้านการเป็นที่ปรึกษามากว่า 15 ปี ผ่านการร่วมงานกับองค์กรชั้นนำต่างๆ ทั้งในไทย ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลีย ทั้งการเป็นที่ปรึกษาด้านการพัฒนาองค์กรโดยรวม การวางแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจ การจัดตั้งธุรกิจประเภท Startup การทำ Digital Transformation การบริหารจัดการความเสี่ยงกิจการ เป็นต้น

 


แชร์ :

You may also like