HomePR Newsสนพ. เผยผลการรณรงค์โครงการ “รวมพลังหาร 2 เปลี่ยนใหม่ ประหยัดชัวร์” [PR]

สนพ. เผยผลการรณรงค์โครงการ “รวมพลังหาร 2 เปลี่ยนใหม่ ประหยัดชัวร์” [PR]

แชร์ :

%e0%b8%94%e0%b8%a3-%e0%b8%97%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%90สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน เผยผลการดำเนินงานโครงการ “รวมพลังหาร 2 เปลี่ยนใหม่ ประหยัดชัวร์” ส่งเสริมตลาดอุปกรณ์ประหยัดไฟเบอร์ 5 ที่เติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดหลอดไฟ LED และ เครื่องปรับอากาศที่มีค่า SEER ที่มีการขยายตัวสูงขึ้น พร้อมตั้งเป้าปี 2560 คาดว่าเทคโนโลยีประหยัดพลังงานเข้าถึงประชาชนมากขึ้น สอดรับนโยบาย Energy 4.0

ดร.ทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และโฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงสถานการณ์พลังงานของประเทศไทย ยังคงมีแนวโน้มการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจของประเทศไทย ในขณะที่ปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีค) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 8 อยู่ที่ 29,619 เมกะวัตต์ เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดสะสมต่อเนื่องยาวนาน ส่งผลให้มีความต้องการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อทำความเย็นเพิ่มมากขึ้น

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

“สำหรับโครงการ รวมพลังหาร 2 เปลี่ยนใหม่ ประหยัดชัวร์  ได้ดำเนินงานภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2558 – 2579 (EEP 2015) ที่ตั้งเป้าหมายว่าจะลดความเข้มของการใช้พลังงานลงร้อยละ 30 ในปี พ.ศ.2579 และได้ดำเนินการรณรงค์ต่อเนื่องระยะเวลา 2 ปี ในการสนับสนุนและส่งเสริมให้ภาคประชาชน ภาคเอกชน ผู้ประกอบการ เปลี่ยนมาใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดพลังงานและส่งผลให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีค) ของประเทศลดลงได้ โดยในปี 2559 สนพ. ได้ร่วมมือกับผู้ประกอบการชั้นนำ 10 ราย ที่มีสาขารวมมากกว่า 650 แห่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ ในการส่งเสริมตลาดอุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าเบอร์ 5 โดยเฉพาะหลอดไฟ LED และเครื่องปรับอากาศที่มีค่า SEER สูง ให้เติบโตขึ้นในระยะยาวและมีความยั่งยืนในอนาคต”

สำหรับผู้ประกอบการชั้นนำทั้ง 10 รายที่เข้าร่วม ประกอบด้วย

1. บริษัท เมธีกุลวิศวกรรม จำกัด6. บริษัท เพาเวอร์บาย จำกัด
2. บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)7. บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)
3. บริษัท เมกา โฮม เซ็นเตอร์ จำกัด8. บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน)
4. บริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น   ซิสเทม จำกัด9. บริษัท ตลาด ดอท คอม จำกัด
5. บริษัท เดอะมอลล์กรุ๊ป จำกัด10. บริษัท สรรพสินค้า ตั้งฮั่วเส็ง จำกัด

ผลจากการรณรงค์โครงการ “รวมพลังหาร 2 เปลี่ยนใหม่ ประหยัดชัวร์” ได้กระตุ้นให้มีการเปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์ประหยัดไฟเบอร์ 5 อย่างเป็นรูปธรรม สะท้อนจากตลาดเครื่องปรับอากาศที่มีค่า SEER และหลอดไฟ LED ที่คึกคักขึ้นพร้อมกับยอดการเติบโตที่ต่อเนื่อง โดยตลาดหลอดไฟ LED ในปี 2559 มีอัตราเติบโตขึ้นร้อยละ 33  มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 4,960 ล้านบาท ขณะที่เครื่องปรับอากาศที่มีค่า SEER ในปีนี้โตขึ้นถึงร้อยละ 59 และมูลค่าตลาดอยู่ที่ 7,000 ล้านบาท จากเดิมอยู่ที่ 4,400 ล้านบาท

%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%97%e0%b8%a3%e0%b8%a7%e0%b8%87%e0%b8%9e%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99-2

ดร.ทวารัฐ ยังได้กล่าวถึงทิศทางของเทรนด์ประหยัดพลังงานในปี 2560 ว่าจะเป็นเรื่องเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เข้ามาช่วยทำให้ประหยัดพลังงานได้มากขึ้น ขณะที่แนวโน้มประสิทธิภาพการใช้พลังงานของไทย หรือ ดัชนี Energy Intensity ดีขึ้นต่อเนื่อง และเทรนด์ของการประหยัดพลังงานที่จะเกิดขึ้นในปี 2560 จะเป็นเรื่องเทคโนโลยี นวัตกรรมที่จะเข้ามาช่วยทำให้ประหยัดพลังงานได้มากขึ้น สอดรับกับนโยบาย Energy 4.0 ที่มีเป้าหมายสำคัญในการขับเคลื่อนคือ การยกระดับประสิทธิภาพของระบบพลังงานในปัจจุบัน และการนำนวัตกรรมที่เหมาะสมมาใช้ในการพัฒนา และสามารถลดการใช้พลังงานลงได้ สำหรับเทคโนโลยีประหยัดพลังงานที่เข้าถึงภาคประชาชนผ่านอุปกรณ์ประหยัดไฟฟ้าอย่างหลอดไฟ LED และเครื่องปรับอากาศที่มีค่า SEER จะช่วยให้เกิดการประหยัดไฟฟ้าได้ถึง 85% และ 30% ตามลำดับ”

นอกจากนี้ สนพ. ยังได้คาดการณ์สถานการณ์ไฟฟ้าปี 2560 ว่าจะมีการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 3.8 อยู่ที่ 189,258 กิกะวัตต์-ชั่วโมง ตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศที่ สศช. คาดการณ์ว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.0-4.0 และในส่วนความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีค) คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 31,365 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 1.3 ใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ไว้ในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (Power Development Plan : PDP) โดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน จะยังคงเดินหน้ารณรงค์ภาคธุรกิจ ประชาชนถึงเรื่องการตระหนักรู้คุณค่าของพลังงาน และมอบองค์ความรู้ด้านนวัตกรรม-เทคโนโลยีประหยัดพลังงาน ในอุปกรณ์ไฟฟ้าเบอร์ 5 เพื่อใหเกิดการตัดสินใจลงทุนเปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์ประหยัดไฟเบอร์ 5 อย่างต่อเนื่อง ทำใหลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน สร้างความคุ้มค่าระยะยาว ทั้งสานต่อการดำเนินนโยบาย Energy4.0 ของกระทรวงพลังงาน สร้างความมั่นคงและยั่งยืนด้านพลังงานให้เกิดขึ้นได้ในอนาคต

นอกจากนี้ ดร.ทวารัฐ  สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน และโฆษกกระทรวงพลังงาน ยังเผย 7 เทรนด์ใหม่ในปี 2017 ในการประหยัดพลังงานที่ “รู้งี้เปลี่ยนนานแล้ว” ดังนี้

อันดับ 1 > Solar PV Rooftop ลดหน่วยไฟฟ้า :

เทคโนโลยีเต็งหนึ่งที่ผมมั่นใจว่าต้อง “ปัง” ปีนี้แน่ๆ คือ โซลาร์รูฟ ถึงแม้ว่าจะไม่ใหม่ในเชิงเทคนิค แต่ที่จะ “ปัง” ก็เพราะเรื่องความคุ้มค่าที่มาจากต้นทุนที่ลดลงต่อเนื่อง ผนวกกับการแข่งขันที่เข้มข้น กระแสแรงส่งจากขาใหญ่ในต่างประเทศ เช่น Teslas Appleและ Google ที่ออกตัวเชียร์พลังงานโซลาร์แบบออกนอกหน้า แถมด้วยนโยบายรัฐบางเรื่องที่จะมาช่วยเสริมแรง เช่น นโยบาย DR (อ่านว่า ดี-อาร์) เป็นต้น … ประเด็นความคุ้มค่าจะขยายผลมากหากผู้ใช้ไฟรายนั้นเป็นผู้ใช้ไฟรายใหญ่และมีโปรไฟล์การใช้ไฟช่วงตอนกลางวันมากกว่ากลางคืน แถมหากใช้อัตรา ToU อยู่ด้วยล่ะก้อ ยิ่งคุ้มทุนเร็ว…. ผมรับประกันว่า โซลาร์รูฟที่ติดตั้งเพื่อใช้เอง เน้นลดหน่วยไฟฟ้าตัวเอง ไม่ต้องง้อขายคืนกริดของการไฟฟ้า จะเป็นเทคโนโลยีเต็งหนึ่งที่นอกจากจะประหยัดแล้วจะได้รับความนิยมในหมู่สังคมไทยในปี 2017 นี้แน่นอนครับ

อันดับ 2 > Smart Home :

กระแสที่ฉุดไม่อยู่ของเทคโนโลยี อินเทอร์เน็ต หรือ Internet of Things (IOT) ได้ลามไปถึงเทคนิคการจัดการพลังงานแล้วครับ ทำให้ต่อไปเราจะสามารถจัดการและบริหารการผลิตและใช้พลังงาน (โดยเฉพาะไฟฟ้า) ของเราผ่านโทรศัพท์มือถือและแอพต่างๆ ได้ไม่ยาก เช่นการสั่งเปิดไฟ-ปิดแอร์ ตั้งเวลา/ไทม์เมอร์ต่างๆ เป็นต้น อันนี้รวมไปถึงหากอีกหน่อยบ้านหลายๆหลังก็จะมี รถยนต์ไฟฟ้าและแผงโซลาร์รูฟติดตั้งในบ้าน ท่านเจ้าของบ้านก็สามารถบริหารจัดการได้ทั้งสิ้นจากเพียงปลายนิ้วสัมผัส ระบบแบบนี้ล่ะครับที่เขาขนานนามกันว่า “ระบบสมาร์ทโฮม” มาแรงแน่นอน

อันดับ 3 > Plug in Hybrid Pick-up Truck:

พวกเราคงคุ้นกันแล้วเรื่องรถยนต์ไฮบริดและปลั๊ก-อินไฮบริดที่เติมได้ทั้งน้ำมันและไฟฟ้า แต่ส่วนใหญ่จะเป็นรถเก๋ง รถปิคอัพยังไม่มีค่ายไหนออกมาเปิดตัวและโปรโมทอย่างจริงจัง จนกระทั่งปี 2017 นี่ล่ะครับ ที่ผมพอระแคะระคายมาว่าจะมีค่ายรถใหญ่ค่ายหนึ่งที่จะเข็น “ปิคอัพไฮบริด” มาแข่งเดือดในไทยแน่นอน ขอเรียนย้ำว่ารถไฮบริดเป็นรถที่มี Fuel Economy และ Energy Efficiencyสูงมาก ประหยัดชัวร์ครับและรอดูการเปิดตัวนะครับ

อันดับ 4 > คอนโดริมรถไฟฟ้า :

เทรนด์ใหม่สำหรับ หนุ่ม-สาว Gen X-Y-Z ที่ทำงานแล้วและกำลังหาบ้านเป็นของตัวเองสักหลัง กระแสตอนนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่า “คอนโดริมรถไฟฟ้า” ตอบโจทย์หนุ่มสาวเหล่านั้นมากกว่าบ้านเดี่ยวชานเมือง(บวกต้องถอยรถส่วนตัวมาด้วย) แน่นอน อีกทั้งก็ยังตอบโจทย์แนวทางการพัฒนาเมืองแบบใหม่ที่เรียกว่า Smart Growth อีกด้วย เมืองแบบนี้จะพัฒนาในแนวสูง (ไม่ราบแบน) เล็กกระชับ (ไม่กว้างใหญ่มโหฬารเหมือนบางเมืองในประเทศสารขันธ์) และที่สำคัญต้องเชื่อมต่อกันด้วยระบบรางและเส้นทางสีเขียว (ทางเดินเท้าและจักรยาน) เทรนด์เมืองใหม่แบบนี้ล่ะครับกำลังจะปฏิรูปชีวิตประจำวันพวกเราและหนุ่ม-สาวเหล่านั้นโดยไม่รู้ตัว….. หรือจะเรียกว่าเทรนด์นี้ว่า Smart City นั้นเองครับ

อันดับ 5 > Solar PV Air-con :

ขอทำนายว่าจะมาแรงไม่แพ้ “Solar-สูบน้ำ” ที่ถือว่าเป็นกระแสแรงมากในปี 59 ที่ผ่านมา แต่ปีนี้ผมว่ากระแสเห่อพลังงานแสงอาทิตย์ในเมืองไทยน่าจะยังไม่ซาลง ผมเลยอยากจะขอแนะนำว่าหากเอาระบบพลังงานจากแสงอาทิตย์มาใช้ตรงที่เครื่องปรับอากาศได้นอกจากจะประหยัดแล้วยังจะช่วยระบบไฟฟ้าของประเทศได้ด้วย เพราะการใช้ไฟฟ้าในภาคอาคารและครัวเรือนในเมืองไทยเกือบๆ 2 ใน 3 ใช้ในเครื่องปรับอากาศ แถมมีการแข่งขันการมากในตลาด ทั้งเครื่องนำเข้าและที่ผลิตในประเทศเลยครับ หากสนใจลองดูนะครับ น่าจะหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตไม่ยาก

อันดับ 6 > Inverter :

หลายท่านอาจจะเห็นว่าเครื่องปรับอากาศ หรือแอร์ รุ่นใหม่ที่ประหยัดพลังงานเยอะๆ นั้นล้วนแต่เป็น “แอร์อินเวอร์เตอร์” ทั้งสิ้นเพราะเป็นเทคโนโลยีที่จะควบคุมรอบการหมุนของมอเตอร์ในเครื่องแอร์นั้นเอง แต่หลายท่านอาจไม่ทราบว่าไอ้ “อินเวอร์เตอร์” ที่ว่ากำลังจะไปแพร่หลายใช้ในอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ด้วย ตัวหลักที่ใช้ในบ้านเลยก็คือ ตู้เย็นและเครื่องซักผ้า และในโรงงาน ได้แก่ ปั๊มน้ำ/ปั๊มลม ดังนั้นหากเห็นโฆษณา “ตู้เย็นอินเวอร์เตอร์” หรือ “เครื่องซักผ้าอินเวอร์เตอร์” ล่ะก้อ เชื่อได้ว่าประหยัดกว่าเทคโนโลยีเดิมอย่างน้อย 30% แน่นอนครับ

อันดับ 7 > หลอด LED :

แม้ไม่ใช่เทรนด์ใหม่ เพราะปี 58-59 ยอดขายหลอด LED ทุบสถิติขยายตัวร่วมๆ 200%/ปี ภายในสองปีติดต่อกัน แต่ที่จะเริ่มเห็นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี LED ใหม่ๆมากขึ้นไปอีก ได้แก่ การตบแต่งให้สถานที่ท่องเที่ยว หรือบางแห่งทำ Light & Sound ด้วยเพราะ LED เป็นหลอดไฟที่เปลี่ยนสีได้นั้นเอง นอกจากนี้เราจะเริ่มเห็นการใช้ LED-ภาคเกษตร มากขึ้น ทั้งที่ใช้ LED-ปลูกผัก LED-เลี้ยงปลาและ LED-ไล่แมลง/ไล่ยุง เทรนด์ LED ยังแรงครับ …บอกได้คำเดียวว่า แรงจนทำให้หลอดประเภทอื่นรอวันตายครับ


แชร์ :

You may also like