นายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส สายงานการตลาดและงานขายกลุ่มลูกค้าทั่วไป เอไอเอส เปิดเผยว่า “ด้วยศักยภาพความพร้อมด้านเครือข่ายของเรา ทั้งด้าน Mobile กับเครือข่าย AIS 4G ที่ใหญ่ที่สุด เป็นอันดับ 1 ของประเทศ ครอบคลุมแล้วถึงกว่า 98% ของพื้นที่ประชากร, ด้าน Fixed Broadband บนเทคโนโลยีไฟเบอร์แท้ 100% ที่ครอบคลุมมากกว่า 5 ล้านครัวเรือน และเครือข่าย 4G Roaming ที่ใหญ่เป็นอันดับ 1 ในเอเชีย รวมทั้งได้รับการรับรองจาก OOKLA Speed test ว่าเอไอเอสเป็นเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เร็วที่สุดในประเทศไทย 2 ปีซ้อน และล่าสุดกับการยกระดับเครือข่ายไปอีกขั้น สู่ Next G Network (Next Generation) ที่รองรับการใช้งานระดับกิกะบิท(Gigabit Network) จากความแข็งแกร่งด้านเครือข่ายดิจิทัลที่มี ทำให้เราก้าวไปอีกขั้น สามารถส่งมอบประสบการณ์การใช้ชีวิตดิจิทัลให้กับลูกค้าได้เหนือระดับยิ่งขึ้นไปอีก
ในแง่พฤติกรรมของลูกค้าเอง ก็มีการใช้งาน DATA และดิจิทัลคอนเทนต์ มากขึ้นอย่างมหาศาล โดยปีที่ผ่านมา ในส่วนของลูกค้าเอไอเอสนั้น มียอดการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านมือถือสูงถึง 24 ล้านราย ในจำนวนนี้ 12 ล้านราย ใช้งานผ่านมือถือ 4G และใช้อินเตอร์เน็ตวันละ 6 ชั่วโมง โดยพบว่ามีการชมวีดีโอถึง 10 ล้านคลิปต่อวัน รวมถึงอัพโหลดภาพวันละ 1.8 ล้านภาพ ตลอดจนการเข้ามาของอุปกรณ์ IoT ทำให้เกิดการใช้งานแบบ Personal use ขึ้นมากมาย
ดังนั้น กลยุทธ์ด้านการตลาด Device ของเอไอเอสในปีนี้ เราจึงไม่ได้ทำเพียงตลาดสมาร์ทโฟนเท่านั้น แต่ยังเน้นนำอุปกรณ์พิเศษ พวก Special Device และ Gadget เข้ามาจัดจำหน่ายและให้บริการ เพื่อขยายประสบการณ์การใช้ชีวิตดิจิทัลให้กับลูกค้าและคนไทยได้อย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ดังเช่น การเปิดขาย “Google Chromecast” อย่างเป็นทางการ รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่า จะได้ใช้สินค้าที่มีคุณภาพ พร้อมบริการหลังการขายที่ได้มาตรฐานจากเอไอเอส
Google Chromecast วางจำหน่ายในราคา 1,490 บาท ผ่านช่องทางต่างๆ ได้แก่
– AIS Online Store ที่เว็บไซต์ ais.co.th ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
– AIS SHOP ทั่วประเทศ (สาขาที่ร่วมรายการ) ตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. 60
– งาน Thailand Mobile Expo ที่บูท AIS PL 3 ณ Plenary Hall ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 9 – 12 ก.พ. 60 พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ ซื้อภายในงาน รับทันที! ดูหนังฮอลลีวู้ดจาก HOOQ ไม่อั้น! นาน 3 เดือน (มูลค่า 357 บาท)
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.ais.co.th/googlechromecast
นายสุวิทย์ อารยะวิไลพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานบริหารผลิตภัณฑ์เอไอเอส กล่าวเสริมว่า “การมาของ Google Chromecast จะเปลี่ยนรูปแบบการดูทีวีของคนไทยไปอีกขั้น โดยจะช่วยสนับสนุนและเพิ่มจำนวนการเข้าชมวิดีโอคอนเทนต์อันเนื่องมาจากมากประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นมากยิ่งขึ้น รวมทั้ง ช่วยต่อยอดการรับชมคอนเทนต์บนแอป AIS PLAY ได้ดียิ่งขึ้นไปอีก โดยครั้งนี้ เราไม่เพียงแต่นำเข้ามาจำหน่าย แต่ยังได้ทำงานร่วมกับ Google อย่างใกล้ชิด เพื่อมอบประสบการณ์การรับชมที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า โดยได้พัฒนาให้แอป AIS PLAY เป็นแอปพลิเคชั่นวิดีโอสตรีมมิ่งรายเดียวของไทย ที่ได้รับการ Certified จาก Google ให้สามารถรับชมบน Google Chromecast ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเฉกเช่นเดียวกับแอปความบันเทิงระดับโลก อย่าง YouTube, HOOQ, NBA ฯลฯ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ลูกค้า”
โดยลูกค้าสามารถส่งภาพและเสียงจากจอบนมือถือ ขึ้นสู่จอทีวีได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็น รายการทีวี ภาพยนตร์ คลิปวีดิโอ เพลง เกม หรือรูปภาพ รองรับการใช้งานทั้ง สมาร์ทโฟน ทั้ง ระบบปฏิบัติการ ios, Android และ Windows โดยมีการใช้งานง่ายๆ เพียงเสียบ Google Chromecast เข้ากับพอร์ต HDMI ของทีวี ก็จะสามารถใช้งานได้ทันที นอกจากนี้ เมื่อทำการส่งภาพจากจอมือถือไปขึ้นบนจอทีวีแล้ว ยังสามารถใช้งานมือถือได้ตามปกติ ทั้งการโทรออก ส่งข้อความ ใช้แอปหรือโปรแกรมอื่นๆ
นายฐิติพงศ์ กล่าวตอนท้ายว่า “ปีนี้ เราเน้นออกโปรโมชั่นแคมเปญราคาพิเศษอย่างต่อเนื่อง โดยแบ่งกลุ่มลูกค้าพรีเพด กับแคมเปญ AIS SUPER COMBO คอนเซ็ปท์คือสมาร์ทโฟนราคาสุดคุ้ม ซื้อเครื่องแถมค่าโทรค่าเน็ต เท่ากับค่าเครื่อง ส่วนกลุ่มลูกค้ารายเดือน กับแคมเปญ AIS HOT DEAL มอบส่วนลดสมาร์ทโฟนยอดฮิต ที่มาพร้อมแพ็กเกจรายเดือนสุดคุ้ม ซึ่งที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากตลาด และมีส่วนช่วยในการเพิ่มยอดลูกค้าใหม่ให้กับบริษัทอีกด้วย นอกจากนี้ ยังร่วมมือกับพารท์เนอร์แบรนด์มือถือชั้นนำ สร้าง Exclusive Deal ใหม่ๆ เพื่อสร้างความแตกต่างและความพิเศษให้กับลูกค้า อย่างที่ผ่านมา ความร่วมมือกับซัมซุงที่ได้ทำงานด้วยกันอย่างใกล้ชิด เช่น Special Limited Edition ออกสีพิเศษ วางจำหน่ายที่เอไอเอสที่เดียว, เอ็กซ์คลูซีฟช่วงเวลาในการขาย จนกระทั่ง บิสิเนสโมเดลล่าสุด กับการจำหน่าย Samsung Galaxy A3 ที่เอไอเอสที่เดียวเท่านั้นในประเทศไทย”