HomeBrand Move !!เทรนด์อาหารญี่ปุ่นในไทยยังรุ่ง… เจ้าตลาดของญี่ปุ่น ยังลุยต่อไม่ยั้ง

เทรนด์อาหารญี่ปุ่นในไทยยังรุ่ง… เจ้าตลาดของญี่ปุ่น ยังลุยต่อไม่ยั้ง

แชร์ :

IMG_4023

กลุ่มบริษัท เซนโช ผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจอาหาร เจ้าของร้านอาหารในเครือ 19 แบรนด์ และมีสาขาร้านอาหารรวมเป็นอันดับหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น โดย โนบุยาสุ วาทาดะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซนโช(ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า มูลค่ารวมของร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยมีอยู่ประมาณ 22,000 ล้านบาท ที่สำคัญคือยังมีอัตราการเติบโตถึง 10-15% ต่อปี

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

เหตุผลที่ตลาดอาหารญี่ปุ่นยังเติบโตด้วยดีก็เพราะ “1-2 ปีที่แล้วเป็นช่วงเติบโตของร้านอาหารญี่ปุ่นก็เพราะคนไทยเรียนรู้รูปแบบของอาหารญี่ปุ่นมากขึ้น 3-4 ปีก่อน ผู้บริโภคจะรู้จักแต่ร้านอาหารที่ขายสินค้าครบทุกอย่างในร้านเดียว และเมนูก็รู้จักเพียงเทมปุระ, ซาซิิมิ แต่เดี๋ยวนี้คนไทยรู้จักรู้จักร้านที่เชี่ยวชาญอาหารเฉพาะอย่าง เช่น ร้านราเมน, ซูชิ, อูด้ง หรือแม้แต่ข้าวหน้าเนื้อ(Gyudon)” นี่เองจึงเป็นเหตุผลที่กลุ่มบริษัท เซนโซ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่นอันดับ 1 ในประเทศต้นตำหรับ เฉพาะร้านข้าวหน้าเนื้อแบรนด์สุคิยะก็มี 1,900 สาขาแล้ว เดินเปิดธุรกิจในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ยิ่งเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะพบว่า การเติบโตของธุรกิจในเครือเซ็นโซ ในประเทศไทยเติบโตสุงสุด

เพื่อทำให้การเติบโตยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง เซ็นโซ เดินหน้าเปิดสาขาข้าวหน้าเนื้อแบรนด์ “สุคิยะ” เพิ่มจากเดิมมี 12  สาขา ให้ขยายไปสู่สาขาในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น รวมทั้งปรับปรุงดีไซน์ของร้าน ให้โชว์วัฒนธรรมญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังขยายไลน์สินค้าใหม่ๆ โดยมองไปที่เมนูเครื่องดื่มและของหวาน ทดลองจำหน่าย “สุคิฉะ” ชาเขียวญี่ปุ่นเจาะตลาดวัยรุ่น ซึ่งทางเซ็นโซมองว่า ชาเขียวที่มีอยู่ในประเทศไทยตอนนี้ยังมีช่องว่างที่แบรนด์จะใช้ความเป็นชาเขียว ออริจินัลผสานกับผลไม้ เจาะเข้าทำตลาด แตกต่างจากคู่แข่งชาประเภทอื่นๆ โดยเริ่มต้นทำในลักษณะ Kios หน้าร้านสุคิยะเอง 2 สาขา คือที่ ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต และเดอะพรอมานาด ถ้าหากว่าผลตอบรับดีขึ้นก็จะขยายไลน์สินค้าเครื่องดื่มและของหวานนี้ไปที่สาขาอื่นๆ ที่มีขนาดเหมาะสม

IMG_4039

ปัจจุบันรายได้ของสุคิยะมาจากแบรนด์ร้านอาหารในประเทศญี่ปุ่นถึง 80% แต่ภายใน 3-5 ปี คาดการณ์ว่าสัดส่วนจะเปลี่ยนแปลงไป โดยมีรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้น อันเนื่องมาจากประชากรของญี่ปุ่นที่เข้าสู่กลุ่มคนสูงวัย และเพิ่มจำนวนน้อยลง อีกทั้งกลยุทธ์ของเซ็นโซ ซึ่งเน้นไปที่คุณภาพของวัตถุดิบ รวมกับสูตรอาหารพิเศษ การหาวัตถุดิบที่ดีจากทั่วโลก จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่บริษัทที่ตั้งในต่างประเทศ ต้องทำหน้าที่ทั้งหาวัตถุดิบคสบคู่ไปกับการเปิดสาขาเพื่อหารายได้ เช่น ในประเทศไทยก็ส่งวัตถุดิบ “ข้าวโพด” ให้กับกลุ่มร้านอาหารระดับโลกบริษัทนี้   


แชร์ :

You may also like