HomePR News“มาสด้า” ทุ่ม 1.2 หมื่นล้าน ขึ้นไลน์ผลิตรถ “อีโคคาร์เฟส 2” รายแรก [PR]

“มาสด้า” ทุ่ม 1.2 หมื่นล้าน ขึ้นไลน์ผลิตรถ “อีโคคาร์เฟส 2” รายแรก [PR]

แชร์ :

MAZDA 2 ECO 422

มาสด้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น ร่วมกับ โรงงานผลิตรถยนต์มาสด้า ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) ส่งความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจประเทศไทย ด้วยเงินลงทุนหนึ่งหมื่นสองพันล้านบาท เพื่อเริ่มสายการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล ระยะที่ 2 ที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มาพร้อมเทคโนโลยีสกายแอคทีฟเต็มคัน และเครื่องยนต์คลีนดีเซล พร้อมทั้งเริ่มดำเนินการก่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องยนต์ใหม่ โดยสามารถเริ่มสายการผลิตในไตรมาสที่ 4 ของปี พ.ศ. 2558 ส่งเสริมประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์มาสด้าที่ใหญ่สุดในอาเซียน พร้อมส่งออกรถยนต์คุณภาพเยี่ยมจากฝีมือคนไทยไปยังตลาดโลก

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น และ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ร่วมฉลองพิธีเปิดสายการผลิตรถยนต์ในโครงการรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล ระยะที่ 2 หรือโครงการอีโคคาร์  เฟส 2 เป็นรายแรก โดยได้รับเกียรติอย่างสูงจาก ผู้แทนนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช เป็นประธานพิธีเปิดงานฯ อย่างเป็นทางการ ร่วมด้วย ฯพณฯ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย มร. ซิเกะคะสุ ซะโต รวมทั้งแขกผู้มีเกียรติจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงจาก บริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย, มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น และมาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดสายการผลิตรถยนต์นั่งมาสด้า2 อย่างเป็นทางการ ณ โรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย (เอเอที) ในนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด จ.ระยอง

นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้กล่าวว่า  “รัฐบาลทุกสมัยได้มีการวางทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่ชัดเจน และต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมีการพัฒนาสอดคล้องกับทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์โลกที่มุ่งพัฒนาไปสู่ “Sustainable Mobility” โดยอาศัยกลไกของโครงสร้างภาษีและการส่งเสริมการลงทุน เริ่มต้นจากการที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ โดยเปลี่ยนหลักเกณฑ์การให้สิทธิลดหย่อนอัตราภาษีสรรพสามิต จากรถยนต์ที่มีขนาด “ซี.ซี.ต่ำ แรงม้าน้อย” มาเป็นรถยนต์ที่มีคุณสมบัติ “สะอาด ประหยัด ปลอดภัย” แล้วต่อมา กระทรวงอุตสาหกรรมได้เปิดให้มี

การส่งเสริมกิจการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล ระยะที่ 2 ขึ้น เพื่อเปิดโอกาสในการลงทุนให้กับผู้ประกอบการ 5 รายเดิมในการขยายกำลังการผลิตอีโคคาร์ รวมทั้ง เพื่อเปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการทุกรายในการผลิตอีโคคาร์ รุ่นที่ 2 ที่มีคุณสมบัติโดดเด่นกว่าอีโคคาร์รุ่นแรก ทั้งในด้านการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และความปลอดภัยแก่ผู้ขับขี่  นโยบายส่งเสริมการลงทุนอีโคคาร์ ระยะที่ 2 มีผู้ยื่นขอรับการส่งเสริมถึง 10 ราย (ซึ่งรวมถึง บริษัท มาสด้าฯ ด้วย) นับเป็นเครื่องยืนยันถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อประเทศไทยเป็นอย่างดี รวมทั้ง เน้นย้ำให้เห็นถึงความสำเร็จของการดำเนินนโยบายของภาครัฐในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยไปสู่การเป็นฐานการผลิตรถยนต์นั่ง เครื่องยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ระดับโลกที่ครบวงจร”

รถยนต์ “Mazda2” เป็นอีโคคาร์ที่มีลักษณะเด่น 2 ประการ คือ 1) เป็นรถยนต์นั่งเครื่องยนต์ดีเซลคันแรกที่จะใช้เครื่องยนต์ดีเซลที่ผลิตขึ้นในประเทศไทย โดยเป็นทิศทางที่สอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรมยานยนต์โลก ซึ่งพบว่า เครื่องยนต์ดีเซลเทคโนโลยีชั้นสูง (Advanced Diesel) มีแนวโน้มจะเข้ามาแทนที่เครื่องยนต์เบนซินมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และ 2) เป็นรถยนต์นั่งคันแรกที่มาพร้อมกับคุณสมบัติด้านความปลอดภัยเชิงป้องกันก่อนเกิดเหตุ (Active Safety) โดยมีระบบห้ามล้อแบบป้องกันการล็อก (ABS) ซึ่งได้ติดตั้งระบบควบคุมเสถียรภาพแบบอิเล็กทรอนิกส์ (ESC) ตามข้อกำหนดทางเทคนิค UN Reg.13H

“Mazda2”  เป็นอีโคคาร์ รุ่นที่ 2 ซึ่งมีคุณสมบัติโดดเด่นกว่าอีโคคาร์รุ่นแรก และรถยนต์นั่งแบบ B ในทุกด้าน ทั้งในด้านการประหยัดพลังงานที่เหนือกว่า (มีอัตราการใช้พลังงาน 4.3 ลิตร/100 กิโลเมตร หรือ 23 กิโลเมตรต่อลิตร) ด้านการปล่อยมลพิษที่น้อยลง (มาตรฐานมลพิษระดับ ยูโร 5 โดยมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 100 กรัมต่อกิโลเมตร) และด้านความปลอดภัยระดับสากลที่สูงกว่า โดยเป็นมาตรฐานความปลอดภัยในระดับเดียวกับที่บังคับใช้ในสหภาพยุโรป ได้แก่ คุณสมบัติการป้องกันอุบัติเหตุจากการชนด้านหน้าและการชนด้านข้าง รวมทั้ง คุณสมบัติด้านความปลอดภัยเชิงป้องกันก่อนเกิดเหตุ (Active Safety) ดังที่กล่าวมาแล้ว สิ่งเหล่านี้จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า รถยนต์ “Mazda2” เป็นรถยนต์คุณภาพสูงที่สามารถรองรับความต้องการใช้ยานพาหนะส่วนบุคคลของผู้บริโภคในสังคมยุคใหม่ได้อย่างครบถ้วน

มร. ยูจิ นากามิเน่ ผู้อำนวยการและเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ผมและทีมงานมาสด้าทุกคนรู้สึกภาคภูมิใจและมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งในวันนี้ ที่รถยนต์มาสด้า2 ใหม่ ได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการและเป็นรายแรกของโครงการรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล หรือ Eco Car ระยะที่ 2 ด้วยการผ่านข้อกำหนดอันเข้มงวดที่สุดในโลก รวมถึงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับต่ำกว่า 100 กรัม/กิโลเมตร ผมขอถือโอกาสนี้แสดงความขอบคุณทุกท่านเป็นอย่างสูง ทั้งทางสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ (BOI) กระทรวงอุตสาหกรรม รวมทั้งหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ ที่ได้ให้วิสัยทัศน์และมีความพยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี การได้รับอนุมัติโครงการในครั้งนี้จะช่วยให้มาสด้าสามารถนำเสนอรถยนต์นั่งขนาดกะทัดรัดที่อัดแน่นไปด้วยคุณสมบัติต่างๆ มากมายแก่ลูกค้าชาวไทยในอัตราภาษีที่ดีขึ้นได้ การผลิตรถยนต์มาสด้า2 ใหม่ ในประเทศไทยจะช่วยยกระดับมาตรฐานทางเทคนิคของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยด้วยการร่วมมือกับผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ภายในประเทศ นอกจากนี้ เนื่องจากรถมาสด้า2 นั้นเป็นรถยนต์ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ดังนั้นการผลิตรถยนต์มาสด้า2 ใหม่ เพื่อจำหน่ายในประเทศไทยและเพื่อการส่งออกนี้จึงจะมีส่วนสำคัญในการสร้างความเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอย่างมีนัยสำคัญ”

รถยนต์มาสด้า2 ใหม่ รุ่นนี้เพิ่งทำการเปิดตัวแนะนำในประเทศญี่ปุ่น สามารถคว้ารางวัล Japan Car of the Year ของประเทศญี่ปุ่น นับเป็นรถยนต์มาสด้ารุ่นที่ 5 แล้วที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ต่อจาก Mazda CX-5 เมื่อปี พ.ศ. 2555 ซึ่งรถยนต์รุ่นนี้กำลังจะทำการเปิดตัวสู่สาธารณชนเป็นครั้งแรกของโลกในงานมหกรรมยานยนต์ช่วงปลายเดือนนี้ และจะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปีหน้า มาสด้ามีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่ารถยนต์รุ่นนี้จะสามารถเอาชนะใจลูกค้าชาวไทยและทำให้ลูกค้าหันมาเห็นคุณค่าของความสนุกสนานในการขับขี่ได้อีกครั้ง”

มร. ยูจิ นากามิเน่ ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “มาสด้ามีความตั้งใจที่จะแสดงให้เห็นความเชื่อมั่นของมาสด้าที่มีต่อประเทศไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามกาลเวลา โดยเฉพาะในเดือนมกราคมปีหน้า มาสด้าจะเริ่มสายการผลิตระบบเกียร์อัตโนมัติที่โรงงานผลิตเกียร์อันทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของมาสด้า โดยจะผลิตระบบเกียร์อัตโนมัติให้กับทั้งเอเอทีและโรงงานอื่นๆ ทั่วโลก นอกจากนี้ มาสด้ายังได้เพิ่มกำลังการผลิตรถยนต์นั่งที่โรงงานเอเอทีจาก 50,000 คันต่อปี เป็น 120,000 คันต่อปี นอกจากนี้มาสด้ากำลังดำเนินการก่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องยนต์แห่งใหม่ในบริเวณเดียวกับโรงงานผลิตระบบเกียร์อัตโนมัติ ซึ่งโรงงานผลิตเครื่องยนต์แห่งใหม่นี้จะเริ่มสายการผลิตได้ภายในไตรมาสที่ 4 ของปี พ.ศ. 2558 นอกจากนี้มาสด้ายังมุ่งมั่นที่จะนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่เปี่ยมด้วยประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนานในสไตล์ของมาสด้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เราจะเข้ามาเติมเต็มชีวิตของลูกค้าชาวไทย ด้วยการเป็นแบรนด์ที่สามารถสร้างสายสัมพันธ์พิเศษให้กับลูกค้า และไม่มีรถยนต์แบรนด์อื่นใดเข้ามาทดแทนได้”


แชร์ :

You may also like