HomeBrand Move !!“ขายตรง”ระทึกโตต่ำสุดรอบ10ปี รื้อแผนรับม็อบ-มิสทินผุดช็อป”ปารีส”ยกอิมเมจ

“ขายตรง”ระทึกโตต่ำสุดรอบ10ปี รื้อแผนรับม็อบ-มิสทินผุดช็อป”ปารีส”ยกอิมเมจ

แชร์ :

 

direct sale thai marketing

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

 

ยักษ์ขายตรงฮึดออกแรงเร่งปลุกมู้ดจับจ่าย-ตั้งรับการเมืองลากยาว อัดฉีดนักขายเต็มที่ สร้างบรรยากาศคึกคัก มิสทินอัดโฆษณาสินค้าถี่ยิบ-เปิดช็อป “ปารีส” ยกระดับแบรนด์อิมเมจ แอมเวย์เน้นยืดหยุ่นปรับตัวเร็ว จับมือเซเว่นฯชูกลยุทธ์ซินเนอร์ยี่ ย้ำผู้นำ กิฟฟารีนขยับโฆษณา-โรดโชว์เร็วขึ้น ด้านอาวียองซ์-เอวอนเพิ่มความถี่อีเวนต์

ความเคลื่อนไหวของธุรกิจ “ขายตรง” ปีนี้แต่ละค่าย “ออกสตาร์ตแรง” ตั้งแต่ต้นปีเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ยังคงไร้ปัจจัยบวกอารมณ์การจับจ่าย ของผู้บริโภคที่ยังคงชะงักงัน สภาพตลาดที่ส่งสัญญาณซึมยาวทำให้ธุรกิจขายตรงมูลค่า 70,000 ล้านบาทซึ่งปกติเป็นธุรกิจ “สวนกระแส” หรือไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจมากนัก ก็หลีกเลี่ยงไม่พ้นกับสถานการณ์ ณ ชั่วโมงนี้

ขายตรงปาดเหงื่อเหนื่อยทั้งปี 

นาย กิจธวัช ฤทธีราวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะนายกสมาคมการขายตรงไทย กล่าวกับว่า ถือเป็นอีกปีที่ไม่ง่ายและต้องออกแรงมากขึ้น เพราะมีหลายปัจจัยที่ไม่เอื้อ ทั้งในแง่การลงทุนของภาครัฐ ภาคเอกชน ธุรกิจเอสเอ็มอี กำลังซื้อของผู้บริโภค ซึ่งส่งผลมาตั้งแต่กลางปีที่แล้ว ขณะที่ยังไม่เห็นปัจจัยบวกอาทิ การลงทุนของต่างชาติ จึงมีแนวโน้มว่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจตลอดทั้งปีนี้ โดยเฉพาะในแง่ของเม็ดเงินที่จะหมุนเวียนเข้าสู่ระบบและกำลังซื้อในประเทศ

ขณะที่ผู้บริโภคไม่มีอารมณ์การจับจ่ายก็จะส่งผลต่อยอดขายสินค้า ดังนั้นเชื่อว่าผู้ประกอบการทุกรายต้องเร่งปรับกลยุทธ์รอบด้าน การแข่งขันขึ้นอยู่กับศักยภาพของแต่ละค่าย โดยรายใหญ่หรือที่มีความมั่นคงและสายป่านยาวจะได้เปรียบ เพราะในช่วงที่คนต้องการทำธุรกิจขายตรงเพื่อเป็นรายได้เสริม แนวโน้มจะเลือกสินค้าที่ขายง่าย แบรนด์เป็นที่รู้จัก และบริษัทมีความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะสินค้าไม่ดี ก็จะทำให้ผู้บริโภคไม่กลับมาซื้อซ้ำ

“ปีก่อนเจอตอนปลายปีถือเป็นช่วงเริ่มต้น แต่ปีนี้น่าจะกระทบเต็มปี ไม่สามารถประเมินได้ว่าการเมืองจะคลี่คลายเมื่อไหร่ แต่การตั้งต้นเริ่มตั้งทีมรัฐบาลใหม่ต้องใช้เวลา จัดโครงการ ทำนโยบาย สิ่งที่หายไปแน่ ๆ คือ เมกะโปรเจ็กต์ต่าง ๆ การใช้จ่ายของภาครัฐ เงินหายไปทั้งระบบ ขณะที่กำลังซื้อของผู้บริโภคหายไปตั้งแต่กลางปีที่แล้ว”

ปี 2556 โตต่ำสุดรอบ 10 ปี 

นายกิจธวัชกล่าวต่อว่า หากสถานการณ์การเมืองลากยาว หรือโครงสร้างเศรษฐกิจสั่นคลอน มีคนว่างงานหรือต้องการรายได้เสริม ก็จะเอื้อให้ธุรกิจขายตรงที่มีมูลค่า 70,000 ล้านบาท โดยปี 2556 โต 2-3% จากคาดการณ์ว่าจะโต 7% ถือเป็นตัวเลขต่ำสุดในรอบ 10 ปี

สอดคล้องกับ นายพงศ์พสุ อุณาพรหม ผู้อำนวยการใหญ่สายงานการตลาด บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด ระบุว่า บรรยากาศไตรมาสแรกไม่เอื้อในการทำธุรกิจ แต่โดยรวมยังนิ่ง ไม่โตมาก แต่ไม่ถึงกับติดลบ ซึ่งหากไตรมาส 2 บรรยากาศการเมืองคลี่คลาย ก็เชื่อว่าทิศทางจะกลับมาดีขึ้น ซึ่งในสถานการณ์ขณะนี้เชื่อว่าทุกค่ายพยายามรักษาฐานลูกค้าของตัวเองโดยการ นำเสนอโอกาสใหม่ ๆ ให้กับลูกค้า เพื่อรักษายอดขาย

มิสทินยกระดับเปิดช็อป “ปารีส”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความเคลื่อนไหวล่าสุดของขายตรงชั้นเดียว “มิสทิน” ยังคงอัดโฆษณาทางโทรทัศน์ถี่ยิบ พร้อมเปิดตัวสินค้าใหม่ รวมถึงแคมเปญรีครูตนักขาย ล่าสุดได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาแป้งวิงส์ที่นำ “พลอย-เฌอมาลย์” นางเอกสุดฮอตมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ และที่ฮือฮาคือการอวดโฉมร้าน “มิสทิน โชว์เคส ช็อป” สาขาแรกที่ปารีส ฝรั่งเศส โดยเป็นพ็อปอัพสโตร์ 3 เดือน จำหน่ายแป้งวิงส์ในราคา 13 ยูโร ทั้งนี้เพื่อต่อยอดการสร้างแบรนด์อิมเมจ คุณภาพสินค้าที่มีความพรีเมี่ยม แต่ราคาสมเหตุสมผล ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่มิสทินพยายามตอกย้ำมาโดยตลอด

แหล่งข่าวจากบริษัท เบตเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงมิสทินระบุว่า หลังจากเปิดตัวช็อปที่ปารีส ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดี ขณะเดียวกันก็เป็นการต่อยอดภาพลักษณ์ของมิสทินให้มีความพรีเมี่ยมมากขึ้น รวมถึงสร้างกระแส “ทอล์กออฟเดอะทาวน์” และเพิ่มความเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้า ขณะเดียวกันถือเป็นการขยับไปอีกก้าวบนเวทีโลกของมิสทิน หลังจากก่อนหน้านี้ได้รางวัลชนะเลิศในหมวดของแป้งรองพื้นกับรางวัล “Cosmetics & ToiletriesR&D”

แอมเวย์รื้อแผนรอบใหม่รับม็อบ 

นายกิจธวัชกล่าวต่อว่า ในส่วนของแอมเวย์ไม่มีแผนตายตัว ค่อนข้างยืดหยุ่น ทั้งเรื่องแผนธุรกิจและเป้าการเติบโต มองว่ากลยุทธ์ที่สำคัญที่สุดของผู้ประกอบการคือ ต้องปรับตัวให้เร็ว (Flexible Plan) จับตาดูว่ากิจกรรมอะไรจะเหมาะสมกับสถานการณ์ โดยหลังจากได้ปรับแผนต่าง ๆไปในปีที่แล้วเพื่อให้สอดคล้องกับกำลังซื้อลดลง ล่าสุดก็ได้ปรับอีกครั้งในต้นเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อรองรับการชุมนุมทางการเมือง โดยให้น้ำหนักไปที่การสนับสนุนนักขาย อาทิ รางวัลพิเศษต่างๆ

“ปีที่ผ่านมาปิดยอด 16,800 ล้านบาท ลดลง 1% ส่วนปีนี้ไม่กล้าตั้งเป้าเติบโต สถานการณ์ต้องยอมรับว่าไม่ง่าย ธุรกิจขายตรงหลัก ๆ มาจากการแนะนำ ดังนั้นถ้าอัดฉีดไปที่ตัวนักขายก็ยังสามารถดึงยอดขายขึ้นมาได้ แต่แผนนี้คงอยู่ได้ระยะเดียวเท่านั้น แต่ในระยะยาวก็ต้องกลับไปผลักดันการใช้จ่าย แต่เรื่องสำคัญที่สุดก็คือจังหวะเวลา เมื่อผู้บริโภคยังไม่ได้อยู่ในอารมณ์จับจ่าย ใส่ไปเท่าไรก็ไม่ซื้อ”

ปีนี้จึงได้เพิ่มกลยุทธ์ “ซินเนอร์ยี่” มากขึ้น โดยใช้ศักยภาพเบอร์ 1 ในแต่ละธุรกิจ เริ่มจากเซเว่นฯที่มีสาขากว่า 7,000 แห่งทั่วประเทศ ใช้เป็นจุดรับสินค้า และเดือนหน้าจะเริ่มบริการรับชำระค่าสินค้ากับเคาน์เตอร์เซอร์วิส อำนวยความสะดวกให้ทำงานได้ตลอด 24 ชม. เป็นทางเลือกให้นักธุรกิจโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ภายใต้แนวคิดใครก็สามารถเข้ามาทำธุรกิจได้ ทำเมื่อไหร่ก็ได้ และทำที่ไหนก็ได้ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำ

กิฟฟารีนเร่งปลุกมู้ดนักขาย 

นายพงศ์พสุกล่าวเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่ต้นปีได้ทำการตลาดมากขึ้น ทำให้ยังรักษาการเติบโตได้ แต่ความจริงน่าจะเติบโตได้มากกว่านี้ โดยปีนี้เตรียมงบฯการตลาดไว้ 100 ล้านบาท ในสภาวะการเมืองปัจจุบันต้องเปลี่ยนรูปแบบหันมาทำตลาดในองค์กร หรือสนับสนุนนักขายโดยตรง เน้นเพิ่มเครื่องมือในการอำนวยความสะดวกให้นักธุรกิจ และให้ใช้สื่อที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์สูงสุด อาทิ กิฟฟารีนแชนนัล ทำให้ต้นทุนการเดินทางลดลง สมาชิกก็มีมาร์จิ้นมากขื้น ขณะเดียวกันก็เพิ่มรายการใหม่เกี่ยวกับสินค้าการเกษตร มาช่วยเพิ่มยอดขายสินค้ากลุ่มนี้และสร้างเครือข่ายได้ง่ายขึ้น

นอกจากนี้ ยังเร่งสร้างบรรยากาศให้คึกคัก สร้างแรงจูงใจในการทำงาน อาทิ โรดโชว์ในเดือนพฤษภาคม ขยับเร็วขึ้นจากเคยจัดในเดือนกันยายน และตั้งใจจะเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาทีวีให้เร็วขึ้นจากปกติเปิดตัวเดือนกรกฎาคม

“ปัจจัยน่ากังวลก็คือ คนมีเงิน แต่ไม่มีอารมณ์จับจ่าย โจทย์คือทำอย่างไรที่จะนำเสนอให้รู้สึกคุ้มค่า เพราะราคาก็มีผลต่อการตัดสินใจ เมื่อได้ทดลองใช้ก็จะเริ่มมองหาโอกาสทางธุรกิจ ปีที่แล้วปิดยอดขายเฉียด 6,000 ล้านบท ทรงตัว ปีนี้ยังตั้งเป้าโตตามปกติ 10%”

เพิ่มอินเซนทีฟ-อัดอีเวนต์ถี่ยิบ 

ด้านนางสุชาดา ธีรวชิรกุล ประธานบริหารอาวียองซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังไม่ดีขึ้น ทำให้ยอดใช้จ่ายต่อคนลดลง ดังนั้นจึงต้องเพิ่มความถี่ในการจัดกิจกรรม เน้นการออกบูทตามห้างให้มากขึ้นหรือทุกเดือน เพื่อเพิ่มโอกาสในการขยายฐานสมาชิกใหม่ๆ

นอกจากนี้ ยังหันมาให้น้ำหนักดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง อาทิ ทำภาพยนตร์โฆษณาบนยูทูบ แนะนำแคมเปญ I am Beautiful IN & OUT เปิดตัวชุดผลิตภัณฑ์อาวียองซ์ เพอร์เฟค เรเดียนซ์ เซต เพื่อผิวแลกระจ่างใสและอาวียองซ์ คอลลาเจน แมทริกซ์ เซต เพื่อผิวกระชับ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้ปรับสูตรใหม่ สร้างความต่างจากตลาด พร้อมสร้างบรรยากาศให้นักขายรู้สึกตื่นตัวและสนุกสนาน อาทิ โรดโชว์ต่างจังหวัดโดยสเกลงานใหญ่กว่าทุกปีพร้อมเพิ่มโบนัสพิเศษ ปรับอินเซนทีฟทริปให้ไปเที่ยวได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังได้ลงทุนเรื่องการสร้างแบรนด์มากขึ้น ผ่านสื่อแมกาซีนและเป็นครั้งแรกที่มีการซื้อสื่อโฆษณาบิลบอร์ด

เช่นเดียวกัน ขายตรงเอวอน ซึ่งนางศุภราภรณ์ เอสซี เปา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอวอน คอสเมติคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เอวอนปรับแผนเชิงรุกมากขึ้น อัดฉีดงบฯให้นักธุรกิจและทำตลาดอย่างเข้มข้น เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพตลาด กำลังซื้อลดลง และสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้น เพื่อรักษาฐานสมาชิกเดิมรีครูตนักขายใหม่ และรักษาการเติบโตของบริษัท อาทิ อินเซนทีฟเพิ่มขึ้น 20% จากปกติ เพิ่มกลุ่มสินค้าหมุนเวียนเร็ว หรือมีราคาต่ำกว่า 300 บาท เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ และเพิ่มความถี่ในการจัดอีเวนต์ทุก 2 สัปดาห์

 

Partner : ประชาชาติธุรกิจ


แชร์ :

You may also like