“เอสซีจี” มองครึ่งปีหลัง “ยาก” แต่ยังมีโอกาส ลุยลดต้นทุนแข่งผู้ผลิตระดับโลก หวังดันสินค้าบุกจีน สร้างธุรกิจโตไกลกว่าเดิม

ผ่านมา 6 เดือนแรกของปี แม้ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจจะเปราะบาง ทว่าผลประกอบการครึ่งปีแรก 2568 “บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)” หรือ “เอสซีจี” ยังเติบโตได้ แถมดีขึ้นกว่าเดิม แต่มองครึ่งปีหลังน่า “หนักใจ” เพราะภาพรวมเศรษฐกิจมีความท้าทายสูงจากหลายปัจจัยเหลือเกิน

Brand Buffet ชวนมาฟังวิธีคิดและกลยุทธ์การรับมือกับความท้าทายของ “คุณธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม” กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี ในวันที่สถานการณ์โลกเข้าสู่โหมดลำบาก

ผลงานเอสซีจี ครึ่งปีแรก ทำได้ดี ตุนเงินสดไว้เกินครึ่ง

หลังจากลุยปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่กลางปีที่แล้ว โดยหยุดธุรกิจไม่ทำกำไร ควบคู่กับการลดต้นทุน ผ่านการนำหุ่นยนต์ และ AI มาเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการธุรกิจ ทำให้ผลประกอบการของเอสซีจีค่อยๆ ดีขึ้นมาตลอด โดยไตรมาส 1 ปี 2568 มีรายได้ 249,000 ล้านบาท ส่วนครึ่งปีแรกปี 2568 มีรายได้ 249,077 ล้านบาท กำไรสุทธิ 18,436 ล้านบาท

แต่ที่น่าสนใจคือ กระแสเงินสด (EBIDA) อยู่ที่ 30,320 ล้านบาท ซึ่งดีขึ้นจากครึ่งปีหลังของปี 2567 ถึง 21% และเมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่ EBIDA อยู่ที่ 54,000 ล้านบาท ตอนนี้ถือว่าเกินครึ่งทางแล้ว

“ผมให้คะแนนตัวเองค่อนข้างต่ำ แต่สำหรับทีมงาน ผมให้ A เลย เพราะ Cash Flow ดีกว่าเป้าที่วางไว้” คุณธรรมศักดิ์ ประเมินผลการทำงานในครึ่งปีแรก

แม้ผลการทำงานในครึ่งปีแรกจะออกมาดี แต่คุณธรรมศักดิ์ ยอมรับว่า ครึ่งปีหลังจนถึงปีหน้าน่าหนักใจ เพราะความผันผวนสูงมาก ทั้งจากภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และความผันผวนของราคาพลังงาน โดยเฉพาะภาษีนำเข้าสหรัฐฯ หากปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% จะส่งผลให้ต้นทุนสูงขึ้น แต่หากภาษีใกล้เคียงเวียดนาม ทุกคนก็สบายใจ แต่ถึงกระนั้น เมื่อผ่านไปอีก 2-3 เดือนข้างหน้า ก็ไม่รู้จะโดนอะไรอีก

“มันจะดีใจ และเดี๋ยวก็ตกใจ เป็นอยู่อย่างนี้ เพราะฉะนั้น ใจต้องแข็งแรง”

3 กลยุทธ์ สู้ศึกโลกผันผวน

คุณธรรมศักดิ์ บอกว่า ปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อต้นทุนเศรษฐกิจ ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจโลก และภูมิภาคอาเซียน Slowdown แน่นอน แต่จะ Slowdown หนักหรือเบาแค่ไหนเท่านั้น ส่วนประเทศไทยเชื่อว่า เศรษฐกิจน่าจะ Slowdown กว่าครึ่งปีแรก และสิ่งที่จะเห็นตามมาคือ ทุกคนจะปรับตัวอย่างหนัก “เอสซีจี” เองก็เช่นกัน โดยบริษัทได้เตรียมแนวทางรับมือเพื่อสู้กับทุกความท้าทายไว้ ดังนี้

1.การใช้ฐานการผลิตหลากหลายในอาเซียน เพราะบริษัทมีฐานการผลิตทั้งในเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ซึ่งการมีฐานผลิตหลากหลายทำให้เป็นจุดแข็งในการเป็น Regional Supply chain Operation ที่จะช่วยปรับกระบวนการผลิตเพื่อส่งออกสินค้าไปตลาดสหรัฐฯ ได้ ในต้นทุนที่แข็งขันได้ เพราะฉะนั้น หากไทยได้รับผลกระทบจากภาษีสูง บริษัทจะใช้เวียดนามเป็นหัวหอกในการผลิตเพื่อส่งสินค้าไปสหรัฐฯ

2.ลดต้นทุน เพื่อแข่งขันกับผู้ผลิตระดับโลก

โดยนำเทคโนโลยีอย่างหุ่นยนต์ และ AI มาใช้ในกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง แทนระบบการผลิตปกติ ซึ่งไม่เพียงคุณภาพสินค้าจะดีขึ้น ยังช่วยลดของเสียต่างๆ ให้น้อยลง และทำให้ต้นทุนการผลิตแข่งขันได้ในระดับโลก โดยเฉพาะสินค้าอิมพอร์ตที่มีต้นทุนถูกกว่าเข้ามาตีตลาดสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งคุณธรรมศักดิ์ เชื่อว่า การลดต้นทุนจะช่วยให้บริษัทเข้มแข็งขึ้น และถึงจุดหนึ่งจะแข่งกับใครก็ได้

3.ดันสินค้า Smart value รุกตลาดมากขึ้น   

การปรับพอร์ตสินค้าให้เหมาะสมกับสภาพตลาด เป็นอีกกลยุทธ์สำคัญไม่แพ้กัน โดยทิศทางจากนี้ไป บริษัทจะไม่เน้นขายของราคาสูง แต่จะเน้นขายของในราคาคุ้มค่าหรือมีมูลค่าตรงกับสิ่งที่ลูกค้าแต่ละเซ็กเม้นต์ต้องการ เพราะวิธีนี้จะช่วยขยายตลาดใหม่ๆ และทำให้บริษัทเติบโตได้ในระยะยาว แต่ก็ยอมรับว่าต้องใช้เวลา โดยล่าสุดได้เริ่มพัฒนาปูน ADAMAX มาเจาะตลาดในเวียดนาม, ปูน 5 Star ในกัมพูชา และปูน Bezt ในอินโดนีเซีย รวมถึงหลังคาเซรามิก รุ่น Celica Curve และกระเบื้อง สุขภัณฑ์ SOSUCO เป็นต้น หลังจากนี้วางแผนเพิ่มสินค้าใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดเพิ่มมากขึ้น

“ยาก” แต่ลุยเต็มที่ มั่นใจ EBIDA ปี 68 ต้องสูงกว่าเดิม

ถึงสถานการณ์ครึ่งปีหลังจะเดายาก แต่แม่ทัพ “เอสซีจี” ยังลุยเต็มที่ และคงแผนเดิมไว้ก่อน เพราะมองว่าการปรับแผนตอนนี้ไม่มีประโยชน์ ทั้งยังเชื่อว่าบนความยากของสถานการณ์โลก ยังมี “โอกาส” อยู่เช่นกัน พร้อมกับมั่นใจว่า EBIDA ปีนี้ต้องสูงกว่าปีที่แล้วแน่นอน

โดยโอกาสที่คุณธรรมศักดิ์เห็น ก็คือ การ Clean Up องค์กร จนเหลือเฉพาะแก่นที่แข็งแรง และหากเพิ่ม Competitiveness จนถึงจุดหนึ่ง เขาบอกว่า ต้องการจะนำสินค้าเข้าไปทำตลาดในจีน ซึ่งจะขยายการเติบโตให้บริษัทไปได้ไกลมากขึ้น

“ถามว่าจีนเก่งไหม เก่ง แต่เราก็ทำได้ อย่าไปกลัว มองแต่เกมรับ เพียงแต่เราต้องเลือกเกมเข้าไปบุก และปรับตัวเองให้เข้มแข็ง พอเราค่อยๆ ลดต้นทุน จนแข็งแกร่งขึ้น เราก็สู้ได้ และเราต้องไปให้ถึงจุดนั้น ซึ่งเชื่อว่าจะได้เห็นบางสินค้าเข้าไปบุกจีนได้ในปีหน้า” คุณธรรมศักดิ์ บอกถึงโอกาสและเป้าหมาย

ติดตามพวกเราได้ที่ LINE