HomeBrand Move !!รู้จัก “FireFly” หิ่งห้อยแห่งวงการ F&B เบื้องหลังความปังของ “HAAB-Layers-YogurBara” เพราะคุณภาพไม่ต้องเสียงดังแค่ต้อง ‘สว่างพอ’

รู้จัก “FireFly” หิ่งห้อยแห่งวงการ F&B เบื้องหลังความปังของ “HAAB-Layers-YogurBara” เพราะคุณภาพไม่ต้องเสียงดังแค่ต้อง ‘สว่างพอ’

กางแผน YogurBara สาขา 2 เซ็นทรัลลาดพร้าว พร้อมพิจารณาปักหมุดคาเฟ่ พื้นที่ 800 ตร.ม.ย่านอารีย์

แชร์ :

“อาหารและเครื่องดื่ม” อุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูงในปัจจุบัน หลายเซกเมนต์กลายเป็น Red Ocean ขณะที่อีกหลายเซกเมนต์กลายเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการหน้าใหม่ได้แจ้งเกิดในอุตสาหกรรมมูลค่าหลายแสนล้านบาท

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

“FireFly” คืออีกหนึ่ง SME ด้านอาหารและเครื่องดื่มของคนรุ่นใหม่ ผู้อยู่เบื้องหลังความอร่อยติดเทรนด์ จนสามารถสร้างยอดขายกว่า 200 ล้านบาทต่อปี จากแบรนด์ในเครือไม่ว่าจะเป็น HAAB ขนมไข่สงขลา, Layers หรือ ไก่ทอดเจ้าดังอย่าง ฮาโร่ย จากหาดใหญ่ และล่าสุดกับแบรนด์น้องใหม่ล่าสุดในเครืออย่าง YogurBara ที่ยังเดินหน้าสร้างการเติบโตในระยาว

 

 

BrandBuffet สัมภาษณ์พิเศษ “คุณมอส-จรรยธร บิลพัฒน์” และ “คุณจูเนียร์-ทัพไทย ฤทธาพรม” สองคนรุ่นใหม่ผู้ก่อตั้งธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มขึ้นมา ผู้ก่อตั้ง FireFly (ไฟเออร์ฟลาย) ขึ้นท่ามกลางความท้าทายและฝันใหญ่ที่ทั้งคู่บอกตรงกันว่า “เราอยากเป็น SME ที่โตอย่างสมูท…ไม่ต้องหวือหวา แต่ต้องยืนระยะ และ ‘มีแสง’ ในแบบของตัวเอง” และกำลังสร้างอีโค่ซิสเต็มของตัวเองขึ้นมา  ปลุกชีพขนมไทย ไก่ทอดหาดใหญ่ และโยเกิร์ตสไตล์เกาหลีให้กลายเป็นไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่

หิ่งห้อยบินจากบรรทัดทอง สู่แบรนด์ที่กำลังขยายสาขาไทย-เทศ

จุดเริ่มต้นของ “FireFly” เกิดขึ้น เมื่อ 5 ปีก่อนในย่าน “บรรทัดทอง” ทำเลธรรมดาในสายตาใครหลายคน แต่สำหรับสองผู้ก่อตั้ง FireFly ที่อยู่เบื้องหลังแบรนด์ดังอย่าง HAAB, Layers, Heroi  กลับใช้พื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ Show Case แบรนด์ที่จะเปิดใหม่ในแต่ละครั้ง เนื่องจากมองว่าเป็นทำเลศักยภาพ มีกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ค่อนข้างมาก ประกอบกับอยู่ใกล้ออฟฟิศ และเป็นทำเลของตัวเอง จึงเลือกใช้เป็นพื้นที่ๆใช้ ‘ทดสอบ’ ไอเดียใหม่ๆ ก่อนจะขยายสู่โลกกว้าง จนสร้างปรากฏการณ์ต่อคิวห้างฯแตกมาแล้วแทบทุกแบรนด์

 

 

การวางโมเดล “โชว์เคส” ของหลายแบรนด์ ทั้ง HAAB, Layers, Heroi ที่ทดลองขายในย่าน “บรรทัดทอง” ประสบความสำเร็จ จนสามารถสร้างยอดขายหลักแสนบาทต่อเดือนสู่อัตราการซื้อซ้ำจนสามารถเปิดสาขาจริงในทำเลใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะในศูนย์การค้าที่กลายมาเป็นทำเลทองของทางค่ายในปัจจุบัน นี่คือสูตรที่ทำให้แบรนด์สามารถขยายตัวได้มากกว่า 200-300% ต่อปี โดยไม่ต้องเบิร์นงบอย่างบ้าคลั่ง

การรุกเข้าไปในตลาดอาหารและเครื่องดื่มของ FireFly ไม่ได้เล่นเกม Mass Market แบบเต็มตัว เพราะรู้ดีว่าแบรนด์ที่ยืนระยะได้ ต้องมี “สตอรี่” และ “เซอร์วิส” ที่ลึกมากขึ้น  นอกจากนี้ยังหยิบสินค้าใกล้มือที่คนไทยคุ้นเคยกันมาปั้นเป็นแบรนด์ใหม่ ที่ทันสมัย เข้าถึงง่าย กับแนวคิด “พรีเมี่ยมแมส” โดยทำให้ของธรรมดาๆ อย่าง ขนมไข่ หรือ ไก่ทอดหาดใหญ่ กลายเป็นของฝากที่ดูแพง กินง่าย และน่าหยิบกลับบ้าน ยกตัวอย่างขนมไข่ HAAB 

 

 

ส่วนวิธีการวัดว่าแบรนด์ไหนควรจะขยายออกนอกพื้นที่ “บรรทัดทอง” เมื่อไหร่ “คุณจูเนียร์” บอกว่า ขั้นตอนการทำงานของแต่ละแบรนด์คือ ต้องเริ่มจากการรีเสิร์ซ ทดสอบสินค้า ทดสอบสินค้า และเปิดหน้าร้านที่บรรทัดทอง  หากประสบความสำเร็จก็จะเริ่มขยายไปยังทำเลอื่นๆ โดยเฉพาะในศูนย์การค้าซึ่งเป็นทำเลหลัก โดยมีจุด Cut Loss คือ สมมุติลงทุนไป 1 แสนบาท หากสามารถคุ้มทุนได้ใน 1 เดือน หรือที่เรีกว่า Honeymoon Period ในช่วง 1 เดือนแรก กล่าวคือการอยู่ในจุดที่ตัวเลขทางบัญชีบอกว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้ซึ่งทางแบรนด์เรียกว่าจุด MVP รและหากสามารถทำรายได้เกิน 4 เท่าของเงินลงทุนขึ้นไปคือผ่านสามารถขยายต่อได้ (ฮันนีมูนพีเรียด 1 เดือน)

“ไม่อยากทำแมส เพราะอยากให้สินค้ามีความเป็นพรีเมี่ยม และเราไม่อยากทำให้ถูกที่สุด แต่อยากให้คุ้มที่สุดในความรู้สึก โดยเน้นเอาการบริการ สินค้าที่ดี รสชาติดี และมีสตอรี่ ในการยืนระยะแบรนด์คือสิ่งสำคัญที่เราต้องการ”  คุณจูเนียร์กล่าวถึงแนวคิดของการทำแบรนด์ในเครือFireFly ให้เติบโต

 

 

YogurBara: จากรสชาติที่ “ไม่เคยกินที่ไหนมาก่อน” สู่เบสไลน์แบรนด์ใหม่ของอาณาจักร F&B

หนึ่งในโปรเจกต์ที่สะท้อนมายเซ็ตของทีม FireFly อย่างชัดเจนคือ YogurBara แบรนด์โยเกิร์ตล่าสุด ที่สร้างปรากฏการณ์ต่อคิวจนห้างแตกมาแล้ว แบรนด์ที่ทั้งคู่บอกว่าไม่ใช่แค่ของกิน แต่คือ “ความรู้สึกแรก” ที่ต้องพาให้ลูกค้าเปิดใจ

จากโจทย์ที่เริ่มต้นที่ต้องการขยายธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มให้เติบโตมากยิ่งขึ้น ทำให้ทั้ง “คุณมอส” และ “คุณจูเนียร์” เลือกมองหาธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต โดยเริ่มจากอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มซึ่งเป็นสิ่งที่ตั้งใจแต่แรกก่อน โดยตอนนั้นเทรนด์สุขภาพกำลังมาแรงทำให้ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสุขภาพเติบโตตามไปด้วยและอยากเริ่มต้นทดลองที่ตลาดประเภทน้ำก่อน จึงตกผลึกมาที่ “โยเกิร์ต” ซึ่งเป็นสินค้าสุขภาพที่สามารถทานได้ทุกวัน แต่โจทย์ใหญ่ครั้งนี้มาพร้อมคำถามที่ว่า “จะทำอย่างไรให้โยเกิร์ตกลายเป็นโปรดักต์ที่กินได้ทุกวัน?”

 

“กลุ่มเครื่องดื่ม ไม่ว่าจะเป็นชานมไข่มุก ชาใส คนทำเยอะแล้ว เราอยากสินค้าใหม่ในกลุ่มเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพ มีอัตราการซื้อซ้ำ คนทานบ่อย ทานได้ทุกวัน จึงกลายมาเป็นโยเกิร์ต แต่จะทำอย่างให้ลูกค้าเข้าทานทุกวัน ทานได้บ่อยนี่คือโจทย์ที่ต้องคิด”

 

กลายเป็นการเดินทางไปเกาหลีเพื่อชิมร้านเจ้าดังที่ถูกลือว่า “อร่อยที่สุดในโลก” และเป็นร้านที่ต้องกินให้ได้สักครั้งในชีวิต  “ครั้งแรกที่ได้ชิม มันคือรสชาติที่เราไม่เคยกินที่ไหนมาก่อน” คุณจูเนียร์ บอกถึงความรู้สึกหลังได้ทดลองบินไปชิมที่เกาหลี จากคำแนะนำของเพื่อนสนิท 

โดยแบรนด์ที่ทั้งคู่เดินทางไปชิมก็คือแบรนด์ของ “Omma Lim” (ออมม่า อิม) คุณแม่ชาวเกาหลีของศิลปิน JayB สมาชิกวง GOT7 ที่เริ่มต้นทุกอย่างจากครัวเล็กๆ อันแสนอบอุ่นในบ้านเมื่อ 7 ปีก่อน ด้วยความรักในการทำอาหารและความปรารถนาที่จะสร้างสรรค์สิ่งที่ดีที่สุดให้ครอบครัว ยังเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ลูกค้า “รู้สึกได้” ไปกับแบรนด์ เมื่อติดใจรสชาติ ทุกอย่างน่าจะตอบโจทย์ลูกค้าชาวไทย

 

 

การดีลครั้งสำคัญของ FireFly จึงเกิดขึ้น แม้ในตอนแรกที่ไปคุยบริษัทแม่ปฏิเสธ เพราะเคยมาเปิด Pop up ที่สยาม กระแสตอบรับดีจากคนรู้จัก แต่ไม่สามารถทำรสชาติสินค้าในไทยให้ดี ด้วยวัตถุดิบในไทยได้และเกาหลีที่แตกต่างกันสภาพภูมิประเทศ  แต่จนแล้วจนรอดทั้ง “คุณมอส” และ “คุณจูเนียร์” ก็สามารถเจรจากับผู้ก่อตั้งทั้งสองได้

เกิดเป็นร่วมมือครั้งใหญ่ขึ้นระหว่างทีมเกาหลีและไทย นำไปสู่ 5 วันแห่งการ R&D โดยให้สอง “คุณลุง-คุณป้า”  เจ้าของสูตรจากเกาหลี มาปรับปรุงพัฒนาสูตรและเทสต์รสชาติกว่า 100 ครั้งภายในห้องแล็บ (ออฟฟิศ FireFly ย่านบรรทัดทอง) เพื่อให้แน่ใจว่า วัตถุดิบไทยก็สามารถทำโยเกิร์ตแบบเดียวกันได้ จนในที่สุดก็คลอดออกมาเป็นแบรนด์ YogurBara ที่รสชาติเท่าต้นฉบับจากเกาหลี

ผุด YogurBara  Flagship Store สาขาแรกที่สยามพารากอน ก่อนสยายปีกเพิ่ม

กลายเป็นร้านโยเกิร์ต YogurBara Flagship Store ที่ สยามพารากอน ขึ้นเป็นสาขาแรกในประเทศไทย ขึ้เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2568 และยังเป็นสาขาแรกที่เปิดนอกประเทศเกาหลีใต้ ที่มาในคอนเซ็ปต์ “Omma-Made Yogurt” 100% Pure Yogurt เนื้อครีมมี่แน่นๆ พร้อมผลไม้จัดเต็ม หมักนาน 150 ชั่วโมง โดยมีให้เลือก 2 แบบ คือ 

  • Drinking Yogurt (โยเกิร์ตพร้อมดื่ม) 8 รสชาติ โยเกิร์ต 100% แบบไม่ผสมน้ำแข็ง สุดเข้มข้น พร้อมเนื้อผลไม้แบบอัดแน่น สดชื่นและดื่มง่าย มาทั้งในรูปแบบแก้ว และถุงดูดพร้อมดื่ม
  • Greek Yogurt (กรีกโยเกิร์ต) 12 รสชาติ เนื้อครีมมี่ เนียนนุ่ม เข้มข้น ทานง่ายเหมือนไอศกรีม มีทั้งรสชาติคลาสสิก และรสชาติสไตล์เกาหลีแท้ๆ ราคาเริ่มต้น 150 บาท
  • เมนูสุดพิเศษที่มีเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น โยเกิร์ตพร้อมดื่มมะเขือเทศ, โยเกิร์ตพร้อมดื่มไรซ์เบอร์รี่, กรีกโยเกิร์ตทุเรียน, กรีกโยเกิร์ตโอมิจา, กรีกโยเกิร์ตช็อกโกแลตจาวา และกรีกโยเกิร์ตมัทฉะ

ส่วนแผนการขยายสาขาของ YogurBara จากนี้ไป “คุณจูเนียร์” บอกว่า ปีนี้จะขยายเพิ่มอีก 2 สาขา โดยในช่วงเดือนกันยายนนี้ จะขยายสาขา 2 ที่ เซ็นทรัล ลาดพร้าว ก่อนจะขยายสาขาลำดับถัดไปในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งมีความเป็นไปได้ทั้งที่ ศูนย์การค้าเมกา บางนา หรืออาจจะเป็น การเปิดรูปแบบคาเฟ่ 800 ตร.ม. ที่อารีย์ เบื้องต้นขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาและศึกษาตลาดในแต่ละทำเล

 

 

กลยุทธ์สร้างแบรนด์: ไม่ใช่แค่ “ทำของอร่อย” แต่ต้อง “เป็นของพรีเมี่ยมที่กินได้ทุกวัน”

คุณจูเนียร์  กล่าวถึงแผนการดำเนินงานในปีนี้ต่อว่า ขณะที่แผนงานในปีนี้เน้นการวางไดเรคชั่นด้านความลึกของแบรนด์ โดยที่มีอยู่ในมือทั้ง HAAB, Layers ,ฮาโร่ย และ YogurBara โดยจะขยายสาขาทั้งในต่างจังวกัดและต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะในต่างประเทศจะได้เห็นความคืบหน้าช่วงครึ่งปีหลัง 2568 มากยิ่งขึ้น

โดยจะเน้นการโมเดลของร้านที่ไม่ใช่แค่เปิดร้าน แต่สร้าง ‘House of Brands’ ให้โตไปด้วยกัน โดยวางแผนเปิดแบรนด์ใหม่ปีละ 2-3 แบรนด์ ด้วยการใช้ “Data” จากแบรนด์เก่าเพื่อขยับแบรนด์ใหม่อย่างแม่นยำ เบื้องต้นปีนี้ FireFly ขยายแบรนด์ HAAB ไปยังมาเลเซีย โดยขยายไปแล้ว 4 สาขา ส่วนอีก 10 จะขยายไปในปีนัง และกำลังศึกษารูปแบบ License เพิ่มในสิงคโปร์ อินโดนีเซีย พร้อมนำแบรนด์อื่นๆ เข้าขยายตลาดตามไปด้วยเมื่อมีโอกาสควบคู่กับการพัฒนาแก้ไขระบบต่างๆ ให้เข้าที่เข้าทางมากขึ้น ตั้งแต่ระดับ “บุคลากร” ไปจนถึง “ระบบภายใน” ให้เข้าที่เข้าทางมากขึ้น 

จากในยุคแรกที่มีเพียง 19 คน ปัจจุบันขยายเป็น 350 คน โดยได้เตรียมแผนการ Reskill ให้บุคลากร และสร้างระบบหลังบ้านที่แข็งแกร่ง ในยุคที่ Gen Z กลายเป็นกำลังหลักของแรงงาน ทั้งคู่ปรับโครงสร้างองค์กรให้ยืดหยุ่น: เลือกเวลาเข้างานได้, ทำงานกลางคืนได้, มีเส้นทางเติบโตแบบไม่ต้องเป็น ‘ผู้จัดการ’ ก็สำเร็จได้ ก่อนพุ่งสู่การเติบโตระยะยาว

 

 

“แผนงานหลักๆ ในปีนี้เราจะเน้นแก้ระบบต่างๆของบริษัท เพราะเราโตไวเกินเราเลยมาซ่อมแซมส่วนที่มองผ่าน หรือโครงสร้างทีมทั้งหมด ตลอดจนการรีสกิลให้น้องๆในบริษัท   เพื่อสร้างคุณภาพที่เกินตัว เพราะ เราไม่ได้อยากดังข้ามคืน แต่อยากโตพร้อมกันทุกคนในทีม การให้ลุกน้องอินไปกับเรา ในแง่มุมสินค้าธรรมดาให้พิเศษ กับทีมงานที่โตมากับสินค้ายุคใหม่ และพรีเมี่ยมคือเรื่องที่เป็นชาเลนจ์ ความท้าทาย  โดยเลือกลงมือทำให้น้องๆในทีมเห็นมากกกว่าแค่การวางนโยบาย”

สุดท้ายเมื่อถามสองผู้บริหารรุ่นใหม่ว่าใครคือ “ไอดอล” ในแวดวงอาหารที่มองเป็นแบบอย่างทั้งคู่ตอบแบบไม่ลังเลว่า มี “พี่ปลา ไอเบอรี่” เป็นไอดอลในการดำเนินธุรกิจ “เรามองคุณปลาเป็นอาจารย์ทางอ้อม” ทั้งการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำ สร้างครัวกลางที่พร้อมสเกล และทำสินค้าให้ ‘มีคุณภาพเกินราคา’ และนี่คือตัวอย่างที่ FireFly ยึดไว้

วันนี้ FireFly กำลังสู่ก้าวใหม่ที่ไม่ใช่แค่ “ธุรกิจอาหาร” แต่กำลังเป็น “แพลตฟอร์ม” ที่สร้างEcosystem ของตัวเอง และวางเป้าจะเป็น House of Brand ที่ไม่ว่าใครพูดถึง ก็ต้องนึกถึง “ของอร่อย ที่มีคุณภาพ”


แชร์ :

You may also like