
1. คุ้มค่า–พิสูจน์ได้–ไม่ซับซ้อน คือมาตรฐานใหม่ของผู้บริโภค
การเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคปัจจุบัน ทั้งเรื่อง Gen สังคมสูงวัย (Aging) ส่งผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงชัดเจนใน 3 ประเด็นสำคัญที่จะส่งผลต่อการทำตลาดในปี 2026
– Smart Spending ผู้บริโภคมองหาความคุ้มค่า ไม่ได้มองแค่ราคาอย่างเดียว แบรนด์และนักการตลาดต้องหา Value ของสินค้าและบริการให้โดดเด่นและสื่อสารให้ชัดเจน เมื่อแสดงออกมาได้ชัดเจนผู้บริโภคพร้อมจ่ายหากรู้สึกคุ้มค่าและมั่นใจในแบรนด์ ดังนั้นการสื่อสารทุกอย่างจึงเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้บริโภคเห็นถึงความคุ้มค่า
– Trust ไม่ใช่ภาพลักษณ์ แต่คือ Conversion Driver เดิมการสร้างแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ จะทำให้ “แบรนด์” แข็งแรง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแบบนั้นอีกต่อไป เพราะ “ความเชื่อมั่น” ในปัจจุบันสามารถกระตุ้นการซื้อได้ โดยมีผลวิจัยว่ากลุ่มลูกค้า 96% พร้อมซื้อซ้ำหากเห็นว่ากระบวนการคืนสินค้ามีความชัดเจน และ 56% ของผู้บริโภค หากคลิกสินค้าลงตระกร้าแล้ว เมื่อถึงขั้นตอนจ่ายเงิน หากมีต้นทุนแอบแฝงจะทิ้งตระกร้าทันที สะท้อนให้เห็นว่าความชัดเจนและความโปร่งใส ส่งเสริมภาพลักษณ์ทุกด้านและทำไปสู่การขายได้
– ความง่าย ไม่ซับซ้อน คือพลังของการขายยุคใหม่ โดยทุกขั้นตอนที่ผู้บริโภคเข้ามามีส่วนร่วมกับแบรนด์ต้องชัดเจน ทุกช่องทางการขายต้องสื่อสารอย่างเรียบง่าย
2. “สื่อ” เปลี่ยนบทบาทจากการสร้างการมองเห็น สู่การขับเคลื่อนการตัดสินใจซื้ออย่างเต็มรูปแบบ
– “วิดีโอ” กลายเป็น Point of sale ปัจจุบันไม่ว่าแพลตฟอร์มใด ก็มีคอนเทนต์วิดีโอจำนวนมาก เพราะเป็น “จุดขาย” กระตุ้นให้ผู้บริโภคซื้อสินค้า คอนเทนต์วิดีโอแบรนด์ต้องชนะตั้งแต่ 6 วินาทีแรกที่จะดึงดูดผู้ชมไปถึงคอนเทนต์ยาวที่จะสร้างอิทธิพล เพื่อขับเคลื่อนยอดขายและการตัดสินใจซื้อ ดังนั้นนักการตลาดและแบรนด์ต้องให้ความเข้มข้นในการวางแผนทำคอนเทนต์วิดีโอ
– “แพลตฟอร์ม สตรีมมิ่ง” คือโอกาสใหมของนักการตลาด ในต่างประเทศแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเริ่มเข้าสู่จุดที่ ผู้ชมเลือกดูโฆษณาได้เพื่อไม่ต้องจ่ายค่าสมาชิก ซึ่งจะทำให้คนที่ไม่จ่ายสมาชิกมีโอกาสเห็นโฆษณา ถือเป็นโอกาสใหม่ของนักการตลาดที่สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ชมผ่านแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งได้เพิ่มขึ้น
ปัจจุบันการทำการตลาดและสื่อสาร แบรนด์มักเลือกทำผ่านโซเชียลเป็นที่แรกเพื่อเข้าถึงผู้บริโภค แต่แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่มีฐานผู้ชมจำนวนมากถือเป็นโอกาสใหม่ ดังนั้นนักการตลาดต้องปรับจาก Social First สู่ Total Video Strategy ต้องไปทุกแพลตฟอร์มวิดีโอ ขณะที่ AI เข้ามามีบทบาทเป็นด่านแรกของการค้นหาและการเลือกข้อมูลของผู้บริโภค
3. ทุกแพลตฟอร์มกำลังกลายเป็น Commerce Platform
การซื้อเกิดจาก Commerce Ecosystem ที่เชื่อม Platform + Content + Creator เข้าด้วยกัน ดังนั้นแบรนด์ต้องวางกลยุทธ์ทั้งระบบไม่ใช่แยกแพลตฟอร์ม
โดยเฉพาะในยุคที่ AI เข้ามามีบทบาทสำคัญ ทำให้ข้อมูลต่างๆ ถูก AI ไปเข้าเจาะ ก่อนที่จะมาเป็นคำตอบในโลกออนไลน์ ปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคถามและอยากได้คำตอบ คำแนะนำจาก AI มากกว่าคลิกค้นหาเอง ดังนั้นแบรนด์ต้องวางกลยุทธ์การสื่อสารเพื่อให้ AI นำข้อมูลของแบรนด์ไปแนะนำหรือเป็นคำตอบให้ผู้บริโภค
4. ครีเอเตอร์และ KOL เปลี่ยนความสนใจให้กลายเป็นความเชื่อมั่น ต่อยอดไปสู่การซื้อจริง
ปัจจุบันแบรนด์ไม่ได้มองช่องทางการขายแยกแพลตฟอร์มอีกต่อไป เพราะทุกอย่างเป็นระบบนิเวศเดียวกัน ดังนั้นต้องทำให้ แพลตฟอร์ม คอนเทนต์ และครีเอเตอร์ ทุกอย่างทำงานร่วมกัน ด้วย 3 ขั้นตอน
– แพลตฟอร์ม : คือจุดเริ่มต้นของการค้นพบและการซื้อ โดยเฉพาะโซเชียลแพลตฟอร์ม ที่พัฒนาระบบเพื่อทำให้เกิดการขาย เช่น TikTok เป็น Shoppertainment มีระบบติดตระกร้า ทำคอนเทนต์และปิดการขาย YouTube ทำคอนเทนต์ได้ดีตั้งแต่ Short-form ไปถึง Long-form ทำให้เกิดการสนใจและปิดการขายที่แพลตฟอร์มอื่น Meta พัฒนาระบบหลังบ้าน Generative AI เพื่อนำไปสู่การปิดการขาย LINE เป็นระบบ One on One จะได้เรื่องความน่าเชื่อถือเพราะคุยกับเจ้าของแบรนด์โดยตรงและปิดการขายได้
– คอนเทนต์ที่ดีเปลี่ยนการดูให้กลายเป็นการตัดสินใจซื้อได้ โดยต้องเปลี่ยนคอนเทนต์จากเดิมที่พูด สื่อสาร ไปจบที่การตัดสินใจซื้อ
– ครีเอเตอร์/KOL คือขั้นของความเชื่อใจ ที่เร่งให้เกิดการซื้อจริง (Trust & Conversion Engine) เพราะผู้บริโภคปัจจุบันต้องการการอธิบายเพื่อความเชื่อมั่น ซึ่งครีเอเตอร์/KOL ทำเรื่องนี้ได้ดี จากการรีวิวใช้จริง
5. การเติบโตอย่างยั่งยืน ต้องเชื่อม Online Decision กับ Offline Connection
เมื่อ AI เร่งให้การตัดสินใจเกิดเร็วขึ้น ขณะที่ประสบการณ์จริงและความเป็นมนุษย์ยังเป็นหัวใจของความผูกพันระยะยาว ความได้เปรียบของแบรนด์ อยู่ที่การออกแบบ Journey โลกออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกันอย่างลงตัว
แบรนด์ที่เติบโตในยุค AI ไม่ใช่แค่แบรนด์ที่เข้าใจผู้บริโภคหรือแพลตฟอร์มได้ดีที่สุดเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเข้าใจทั้ง Commerce Ecosystem และเชื่อม Brand × Human × AI ให้ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ โดย AI ขับเคลื่อนการตัดสินใจ มนุษย์สร้างความเชื่อใจ และแบรนด์ออกแบบประสบการณ์ให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันและการเติบโตอย่างยั่งยืน
Winning Brand สิ่งที่แบรนด์ควรทำในปี 2026
– สร้างความแตกต่างเหนือการแข่งขันด้านราคา
– ขยายศักยภาพด้วย AI ที่เชื่อมการสื่อสาร Brand x Human x AI
– สร้างสมดุล Performance กับ Brand เพื่อสร้างการเติบโตยั่งยืน เพราะแบรนด์ที่มีตัวตนจะสามารถเติบโตได้ท่ามกลางปัจจัยลบและการแข่งขันราคา
อ่านเพิ่มเติม






