คามุ คามุ (KAMU KAMU) แบรนด์เครื่องดื่มชานมและกาแฟสัญชาติไทยเผยอินไซท์ใหม่กลุ่ม Gen Z และ Early Working Adults พบมีแนวโน้มบริโภคเครื่องดื่มแบบ Made-to-Order มากขึ้น เฉลี่ย 3–4 ครั้งต่อสัปดาห์ ล่าสุด ประกาศรีเฟรชแบรนด์ครั้งใหญ่ในโอกาสครบรอบ 14 ปี ภายใต้แนวคิด “Spark Joy Everyday เสิร์ฟความฟินทุกวันได้ที่คามุ” เพื่อปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้ทันสมัย สดใสและเข้าถึงง่าย ตั้งเป้าเพิ่มร้านสาขาครบ 300 แห่ง ภายในปี 2571
การรีแบรนด์ครั้งใหญ่นี้เกิดจากการมองเห็นโอกาสทางธุรกิจในตลาดเครื่องดื่มที่มีการเติบโตสูง และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยพบว่าตลาดชานมในประเทศไทยมีมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท และขยายตัวเฉลี่ย 7% ต่อปี ขณะที่ คามุ คามุ ยังคงเติบโต ด้วยยอดขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นกว่า 18% และยอดขายจากสาขาเดิม (Same Store Sales Growth) ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
คุณทินกฤต สินทัตตโสภณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คามุ คามุ จำกัด เผยว่า “ตลอด 14 ปีที่ผ่านมา คามุ คามุ ยึดมั่นในการส่งมอบเครื่องดื่มคุณภาพระดับพรีเมียมในราคาที่เข้าถึงได้ เพราะเราเชื่อว่านี่คือหัวใจสำคัญที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคท่ามกลางการแข่งขันที่เข้มข้น”
คนรุ่นใหม่สนใจเครื่องดื่มแบบ Made-to-Order
นอกจากนั้น จากการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคของคามุ คามุ พบว่า คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z และ Early Working Adults มีแนวโน้มบริโภคเครื่องดื่มแบบ Made-to-Order มากขึ้น เฉลี่ย 3–4 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อเติมพลังและสร้าง “โมเมนต์แห่งความสุขเล็ก ๆ” ระหว่างวัน
“พวกเขามองหาเครื่องดื่มที่มอบประสบการณ์ใหม่ ทั้งในรสชาติ กลิ่น และสัมผัส รวมถึงชื่นชอบเมนูที่มีความแปลกใหม่ ถ่ายรูปสวย และสะท้อนตัวตนของตนเอง ขณะเดียวกันเทรนด์ตลาดยังสะท้อนถึงความนิยมในเมนู ผลไม้ ชาชีส และเครื่องดื่มหลายเลเยอร์ ซึ่งให้ทั้งความสดชื่นและความหรูหราในเวลาเดียวกัน แนวคิด “Spark Joy Everyday” จึงถูกต่อยอดเป็นแรงบันดาลใจให้คามุ คามุ พัฒนาเมนูใหม่ ๆ ที่สะท้อนรสนิยมของผู้บริโภครุ่นใหม่ และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แสวงหาความสุขในทุกแก้วที่ดื่ม”
ภายใต้แนวคิดดังกล่าว คามุ คามุ ได้พัฒนาและสร้างสรรค์เมนูใหม่กว่า 10 รายการ เพื่อตอบโจทย์ทั้งลูกค้าเดิมและกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่แสวงหาความแปลกใหม่และคุณภาพในเวลาเดียวกัน อาทิ Flora Tea ชาดอกไม้อย่าง คามิเลีย และ ออสมันตัส (ชาหอมหมื่นลี้) ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก, มัทฉะชาโดะ เมนูชาเขียวพรีเมียมท็อปด้วยครีมชีสหอมมัน รับเทรนด์มัทฉะฟีเวอร์ และ Chizu Brûlée หอมกลิ่นครีมชีสเบิร์นไฟ กลมกล่อมลงตัว พร้อมเปิดตัว วาราบิโมจิ ท็อปปิ้งใหม่ล่าสุด ทำสดใหม่ทุกวัน มอบประสบการณ์การดื่มรูปแบบใหม่ด้วย (ชื่อ “คามุ” ในภาษาญี่ปุ่นมีความหมายว่า “การเคี้ยว” หรือ ชาที่เคี้ยวได้ สะท้อนเอกลักษณ์ของ คามุ คามุ ที่มอบความสนุกในการเคี้ยวผ่านท็อปปิ้งที่หลากหลาย ให้ลูกค้าได้เลือกจับคู่ตามสไตล์ของตนเองในทุกแก้วได้ด้วย)
ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 10% ต่อปี มีสาขา 300 แห่งภายใน 3 ปี
“การรีแบรนด์เนื่องในโอกาสครบรอบ 14 ปีนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโตระยะยาว โดยมุ่งยกระดับแบรนด์ให้มีความสดใหม่ ทันสมัย และใกล้ชิดผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น เพื่อขยายฐานสู่กลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่อย่าง Gen Z และ Gen Alpha ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพสูงและมีอิทธิพลต่อเทรนด์การบริโภคในอนาคต ขณะเดียวกัน เรายังคงให้ความสำคัญกับลูกค้าเดิมที่เติบโตมากับเรา โดยตั้งเป้าเพิ่มยอดขายสาขาเดิมอย่างน้อย 10% ต่อปี และเดินหน้าขยายสาขาจากกว่า 190 แห่งทั่วประเทศ เพิ่มเฉลี่ยปีละ 30 สาขา เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย 300 แห่งภายใน 3 ปี พร้อมตั้งงบลงทุน 8 หลัก เพื่อขยายสาขาและปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้ คามุ คามุ เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมตอกย้ำความตั้งใจของเราในการเป็นแบรนด์เครื่องดื่มคุณภาพที่อยู่เคียงข้างผู้บริโภคในทุกวันและอยู่ในใจผู้บริโภคทุกเจเนอเรชัน” คุณทินกฤต กล่าวเสริม
การปรับโฉมแบรนด์ คามุ คามุ ครั้งใหญ่นี้ ได้มีการเปิดตัวแฟลกชิปสโตร์ 2 สาขา ได้แก่ สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์การออกแบบเรียบหรู ใช้โทนสีทองเพิ่มความพรีเมียม แต่ยังคงเอกลักษณ์ความอบอุ่นและเข้าถึงง่ายในแบบของคามุ คามุ ภายในร้านยังมีเมนูเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะสาขา เช่น ไอศกรีมและเบเกอรี่ และ สาขาสินธร ทาวเวอร์ ภายใต้ชื่อ “KAMU Coffee Creation” จะเน้นการนำเสนอเมนูกาแฟสเปเชียลตี้เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าออฟฟิศ ใช้การตกแต่งโทนพรีเมียมและเมนูกาแฟที่แตกต่างจากสาขาอื่น แต่ยังคงคอนเซ็ปต์ เครื่องดื่มคุณภาพสูงในราคาที่จับต้องได้ โดยมีแผนต่อยอดเพื่อผลักดันการเติบโตของไลน์กาแฟในอนาคต
เปิดตัวมาสคอต “น้องเลม่อน”
นอกจากนี้ แบรนด์ยังได้เดินหน้าสื่อสารภาพลักษณ์ใหม่ผ่านแคมเปญการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ โดยมีสองหนุ่มตัวแทนคนรุ่นใหม่ เพิร์ธ – ธนพนธ์ สุขุมพันธนาสาร และ แซนต้า – พงศภัค อุดมโภชน์ มาร่วมสร้างสีสันในฐานะแขกคนพิเศษ และมีการเผยโฉมมาสคอต “น้องเลม่อน” เป็นครั้งแรก โดยปรากฏตัวร่วมกับ “น้องคามุ” ไอคอนประจำแบรนด์ เพื่อเพิ่มความสดใสและสร้างการจดจำในหมู่ผู้บริโภครุ่นใหม่ ตอกย้ำภาพลักษณ์ของ คามุ คามุ ในฐานะแบรนด์ที่อยู่ใกล้ชิดและเติบโตไปพร้อมกับคนทุกเจเนอเรชัน





