ผลการศึกษาล่าสุดโดยมาร์เก็ตบัซซ (marketbuzzz) ในกลุ่มคนไทย 500 คนเกี่ยวกับความชื่นชอบกลิ่นหอม พบคนไทยให้ความสำคัญอย่างมากกับ “กลิ่น” และ “สี” และเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดการเลือกซื้อสินค้าในแต่ละประเภท โดยผู้หญิงคือกลุ่มหลักที่ตัดสินใจซื้อสินค้าที่มีกลิ่นหอม
ผลการวิจัยชี้ว่า สินค้าหลายประเภทที่มีกลิ่นเป็นส่วนสำคัญ เช่น ผลิตภัณฑ์อาบน้ำและดูแลเรือนร่าง มีผู้หญิงเป็นผู้ซื้อหลัก โดยแบ่งตามหมวดหมู่ได้ดังนี้
- ผลิตภัณฑ์อาบน้ำและดูแลเรือนร่าง: 84%
- ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม: 76%
- ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว: 73%
- ผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน: 71%
กลิ่นดอกไม้ครองใจคนไทยมากที่สุด
ผลการสำรวจพบว่า กลิ่นหอมที่คนไทยนิยม 5 อันดับแรก ได้แก่
- กลิ่นดอกไม้ 45%
- กลิ่นมัสก์ 38%
- กลิ่นหวาน 37%
- กลิ่นสดชื่นและกลิ่นธรรมชาติ 35%
- กลิ่นซิตรัส 32%
แม้กลิ่นดอกไม้จะได้รับความนิยมสูงสุด แต่ผลการศึกษาพบว่าคนไทยมีความชอบที่แตกต่างกันตามประเภทสินค้า โดยในกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล เช่น ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว (Skincare) คนไทยมีแนวโน้มชอบกลิ่นหวาน ขณะที่ผลิตภัณฑ์อาบน้ำเน้นกลิ่นดอกไม้เป็นหลัก ส่วนน้ำหอมจะขึ้นอยู่กับเพศ โดยรวมแล้วกลิ่นมัสก์ได้รับความนิยมมากที่สุด
ส่วนผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน เช่น ผลิตภัณฑ์ซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่ม กลิ่นดอกไม้ได้รับความนิยมสูงถึง 64% ขณะที่ผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนทั่วไปจะเป็นกลิ่นผลไม้ (51%) และกลิ่นดอกไม้ (50%) ส่วนผลิตภัณฑ์ปรับอากาศในรถยนต์นิยมกลิ่นซิตรัส (49%)
ท้ังนี้ กลิ่นหอมยังกระตุ้นความรู้สึกที่แตกต่างกัน ข้อมูลชี้ว่าคนไทยเชื่อมโยงกลิ่นเฉพาะบางอย่างเข้ากับความรู้สึกผ่อนคลาย ความสดชื่น หรือความสบายใจ ซึ่งสร้างประสบการณ์ที่มากกว่าแค่การสูดดม กลิ่นจึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทรงพลังต่อพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคนั่นเอง
เช่นเดียวกับสี ที่มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มประสบการณ์ของผู้บริโภค โดยมีการเชื่อมโยงสีให้สอดคล้องกับกลิ่น เช่น สีส้มสำหรับกลิ่นซิตรัส สีชมพูสำหรับกลิ่นดอกไม้และกลิ่นหวาน และสีเขียวสำหรับกลิ่นสมุนไพร ซึ่งช่วยเสริมอารมณ์และข้อความที่ต้องการสื่อผ่านกลิ่นได้อย่างสมบูรณ์
คุณเอวา เกรซ ที่ปรึกษาการวิจัยหลักในการศึกษาครั้งนี้ เน้นย้ำว่า “พฤติกรรมผู้บริโภคคนไทยนั้นมีความละเอียดอ่อนกว่าที่คิด ความชอบที่แตกต่างกันในแต่ละหมวดหมู่สินค้าสะท้อนให้เห็นว่าคนไทยตัดสินใจเลือกจากประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสที่เชื่อมโยงกับการใช้งานผลิตภัณฑ์จริง” และเสริมว่าแม้กลิ่นหลักจะยังคงได้รับความนิยม แต่มีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับเปลี่ยนตามเวลา เนื่องจากความชอบในการซื้อของผู้บริโภคมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลง
ด้วยเหตุนี้ หากนักการตลาดสามารถยกระดับและใช้ประโยชน์จากประสาทสัมผัสทั้งหมด ทั้งกลิ่น สี และการเชื่อมโยงทางอารมณ์ ก็อาจเพิ่มโอกาสในการทำตลาดในไทยได้มากขึ้นก็เป็นได้





