ความสุขของมนุษย์เป็นสิ่งที่นักวิจัยทั่วโลกให้ความสนใจมาตลอด เพราะมันสะท้อนทั้งวิถีชีวิต เศรษฐกิจ และความเปลี่ยนแปลงทางสังคมในแต่ละช่วงวัย โดยภาพที่นักวิจัยพบเกี่ยวกับความสุขนั้น ส่วนมากคือภาพของ U-Shape หรือก็คือ คนในหนุ่มสาวหรือวัยเริ่มต้นทำงานมักจะมีระดับความสุขสูงกว่าคนในช่วงวัยอื่น ๆ เนื่องจากยังไม่ต้องเผชิญกับภาระทางการเงิน ปัญหาครอบครัว หรือความกดดันด้านสุขภาพมากนัก จากนั้นความสุขจะค่อย ๆ ลดระดับลง ในช่วงวัยกลางคน และกลับมามีความสุขอีกครั้งเมื่ออายุล่วงเลยเลข 5 ไปแล้ว
อย่างไรก็ดี ผลการศึกษาล่าสุดที่ได้รับการตีพิมพ์ในเว็บไซต์ Plos One (เว็บไซต์สำหรับตีพิมพ์วารสารวิชาการ) กลับพลิกภาพที่นักวิจัยคุ้นเคยไปเรียบร้อย เมื่อพบว่า “Gen Z” ซึ่งควรจะเป็นวัยแห่งการมีพลัง มีความฝัน และการเริ่มต้นชีวิตงานใหม่ ๆ กลับมีระดับความสุขที่ต่ำกว่า “กลุ่มวัยกลางคน” อีกทั้งการศึกษาดังกล่าวยังพบด้วยว่า Gen Z มีปัญหาด้านสุขภาพจิตสูง เมื่อเทียบกับคนที่มีอายุมากกว่า
สำหรับการศึกษาดังกล่าว เป็นการสำรวจกลุ่มตัวอย่างในสหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร ร่วมกับฐานข้อมูล Global Minds ครอบคลุมใน 44 ประเทศระหว่างช่วงปี 2020–2025 โดยนักวิจัยพบว่า กลุ่ม Gen Z (วัยรุ่นและกลุ่มผู้ใหญ่ตอนต้น) มีอัตราการใช้ยาต้านซึมเศร้าเพิ่มขึ้น โดยตัวเลขนี้พบตั้งแต่ก่อนเกิด Covid-19 โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิง
นอกจากนั้นยังพบว่า Gen Z เข้ารับการรักษาทางจิตเวชพุ่งสูง และที่น่ากังวลที่สุดคืออัตราการฆ่าตัวตายในกลุ่มเยาวชนที่เพิ่มขึ้นถึง 70% (ข้อมูลในสหรัฐอเมริกา ระหว่างปี 2008–2020) ขณะที่วัยกลางคนและผู้สูงอายุซึ่งเคยถูกมองว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง กลับพบตัวเลขที่น้อยกว่า (ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่นี่)
สำหรับผลการศึกษาชิ้นนี้ พบว่าความเห็นจากสื่อตะวันตกชี้ไปในทิศทางเดียวกันนั่นคือ เป็นความเปลี่ยนแปลงที่น่ากังวลใจ เนื่องจากวัยที่ควรจะสดใส กับการเริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ ได้กลายเป็นวัยที่เปราะบาง และไม่สามารถรับมือกับปัญหาต่าง ๆ ได้ โดยปัจจัยเบื้องหลังอาจเกี่ยวข้องกับสภาพเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน ค่าครองชีพสูง วิกฤติสิ่งแวดล้อม ไปจนถึงแรงกดดันจากโลกออนไลน์ที่ทำให้คนรุ่นใหม่ต้องเปรียบเทียบชีวิตตนเองกับคนอื่นตลอดเวลานั่นเอง
นอกจากนี้ หลายฝ่ายยังได้มองว่า สมาร์ทโฟน และโซเชียลมีเดียคือตัวการที่ชิงความสุขของ Gen Z ออกไปด้วย