แพทยสภา ร่วมกับ ทรู คอร์ปอเรชั่น ทรู ดิจิทัล เอ้ก ดิจิทัล และทรูไอดีซี จัดเวที “Reimagine Healthcare: Connected Health, Empowered Lives” แลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับแพทยสภา นักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์ ปธพ. รุ่นที่ 11 (ปธพ. 11) และหลักสูตรประกาศนียบัตรผู้นำทางการแพทย์ ปนพ. รุ่นที่ 2 แพทยสภา สถาบันมหิตลาธิเบศร และบุคลากรทางการแพทย์หวังยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยอย่างยั่งยืน
งานในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก พลอากาศเอก นายแพทย์อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภาและผู้อำนวยการสถาบันมหิตลาธิเบศร เป็นประธานในงาน ซึ่งได้กล่าวถึง “อนาคตของระบบสุขภาพไทย ในยุคดิจิทัล” ว่า “คลื่นลูกใหญ่” ของเทคโนโลยี กำลัง “เขียนนิยามใหม่” ของการแพทย์ วันนี้ หมอต้องปรับตัว เปลี่ยนบทบาทจาก “ผู้รักษา” เป็น “นักเชื่อมโยง” ที่เชื่อมผู้คน เชื่อมข้อมูล เชื่อมเทคโนโลยี เข้าด้วยกัน เพื่อสร้างระบบสุขภาพที่ดีกว่าเดิม รู้จักใช้ข้อมูลที่มีอยู่มหาศาลอย่างมีคุณค่า เปิดใจใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ
“3 C ที่จะเป็นพลังขับเคลื่อนการแพทย์ไปข้างหน้า ได้แก่ 1. Connect – เชื่อมความรู้ เทคโนโลยี และจิตใจเข้าสู่การพัฒนาระบบ 2. Create – สร้างสรรค์ กล้าคิดใหม่ ทำใหม่ เพื่อประชาชนที่เจ็บป่วยและมีสุขภาพที่ดีขึ้น และ 3. Collaborate – ร่วมมือกันทั้งแพทย์และบุคลากรสาขาอื่น เมื่อ คน + แพทย์ + เทคโนโลยี มาบรรจบกัน ประเทศไทยจะไม่เพียงมีระบบสุขภาพที่มั่นคง แต่ทันสมัย แข็งแรง และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” นพ.อิทธพร กล่าว
เปิดกรณีศึกษานอร์เวย์
ด้านคุณซิกเว่ เบรกเก้ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ถ่ายทอดประสบการณ์จากนอร์เวย์ ภายใต้หัวข้อ “Norway’s Health Care Industry and Leadership Vision” โดยชี้ให้เห็นถึงระบบสาธารณสุขในนอร์เวย์ที่ยึดหลักการเข้าถึงบริการได้อย่างทั่วถึง ประชาชนทุกคนมีแพทย์ประจำตัว โรงพยาบาลส่วนใหญ่เป็นของรัฐ และการรักษาพยาบาลฟรี ส่งผลให้อายุขัยเฉลี่ยสูงถึง 82 ปี แต่ต้นทุนที่พุ่งสูงขึ้น ทำให้รัฐบาลต้องหันมาใช้เทคโนโลยี ตั้งแต่เกือบ 30 ปีก่อนด้วย “ดิจิทัลไอดี” ที่เชื่อมโยงประวัติสุขภาพ การสั่งยาอิเล็กทรอนิกส์ และระบบเวชระเบียนกลาง
นอร์เวย์ก้าวไปอีกขั้นด้วยการนำ 5G และ AI ให้โรงพยาบาลสามารถเชื่อมต่อเครื่องมือแพทย์แบบเรียลไทม์ เกิดการผ่าตัดทางไกล รถพยาบาลส่งข้อมูลทันทีถึงโรงพยาบาล ไปจนถึง AI ที่ช่วยวินิจฉัยมะเร็ง การเคลื่อนไหวของทารกแรกเกิดเพื่อค้นหาความผิดปกติได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และ “สมาร์ทพิลส์” ที่สามารถบันทึกภาพภายในร่างกายแบบเรียลไทม์
“ประเทศไทยมีศักยภาพที่จะสร้างระบบสาธารณสุขดิจิทัลที่ล้ำหน้า ด้วยการใช้ประโยชน์จาก 5G เทคโนโลยี AI และความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่างภาครัฐและเอกชน หากสามารถวางระบบดิจิทัลไอดีที่มั่นคง สร้างเวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์แบบบูรณาการ ควบคู่กับการวางกรอบนโยบายอย่างเหมาะสม และส่งเสริมความร่วมมือที่แข็งแกร่งของพันธมิตร ประเทศไทยจะสามารถสร้างระบบนิเวศสุขภาพดิจิทัลสมัยใหม่ได้รวดเร็วยิ่งกว่านอร์เวย์” คุณซิกเว่ กล่าวเน้นย้ำ
ขณะที่คุณศรินทร์รา วงศ์ศุภลักษณ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคล บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวถึงการเปิดเวที “Reimagine Healthcare: Connected Health, Empowered Lives” ครั้งนี้ ได้นำทีมผู้บริหารทรู คอร์ปอเรชั่น และเครือซีพี ร่วมแบ่งปันองค์ความรู้ ย้ำวิสัยทัศน์ทรู ในการเป็นผู้นำบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีของไทย ที่พร้อมนำองค์ความรู้และศักยภาพด้านเทคโนโลยีดิจิทัลครบวงจร มาร่วมขับเคลื่อนระบบการแพทย์และสาธารณสุขไทย และคุณณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ กรรมการบริหาร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น และประธานกรรมการ บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ได้ยกกรณีศึกษาความสำเร็จ (Healthcare Use) ของ “Intelligent Robot” หุ่นยนต์อัจฉริยะช่วยบริการรักษามะเร็งต่อมไทรอยด์ด้วยสารรังสีไอโอดีน
ที่สำคัญ ช่วยแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ ลดปริมาณรังสีที่จะได้รับโดยตรงในระหว่างให้การรักษาผู้ป่วยลงไปได้มากถึง 25 เท่า เหลือเพียง 4% จึงช่วยลดความเสี่ยงและโอกาสที่อาจจะเกิดโรคจากการได้รับรังสีสะสมเป็นระยะเวลานาน ๆ
ในโอกาสนี้ ดร. ธีรเดช ดำรงค์พลาสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ้ก ดิจิทัล จำกัด บรรยายหัวข้อ “Patient Singularity: Precision Healthcare Through Data, AI & Robotics” ว่า “ความท้าทายสำคัญของระบบสาธารณสุขของไทย คือการที่ข้อมูลสุขภาพจำนวนมากไม่ได้ถูกนำไปใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ดังนั้น เราต้องนำพลัง AI และโรโบติกส์ มาเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพทุกมิติ ตั้งแต่พันธุกรรม พฤติกรรม ไลฟ์สไตล์ ไปจนถึงสิ่งแวดล้อม เพื่อยกระดับจากการรักษาตามอาการ สู่การดูแลสุขภาพแบบเฉพาะบุคคลที่มีความแม่นยำ ปลอดภัย และรวดเร็วยิ่งขึ้น ผ่านกรอบการทำงาน 5C – Connect, Create, Communicate, Convert, Curate ที่ช่วยสร้างอินไซต์เจาะลึก รักษาได้ตรงจุด และสื่อสารได้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย
ขณะเดียวกัน ควรนำโซลูชันด้าน AI & Data-Driven Healthcare มาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานรอบด้าน อาทิ AI Image Recognition, Patient Flow Analytics, Wellness & Prevention Platform และ AI Translation เป็นต้น ซึ่งเราเชื่อว่าแนวคิดและเครื่องมือเหล่านี้ จะช่วยขับเคลื่อนอนาคตระบบสาธารณสุขสู่มิติใหม่ ลดภาระงานของแพทย์ ลดต้นทุนทางการแพทย์ และยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ป่วยได้อย่างยั่งยืน”
นอกจากนี้ คุณเอกราช ปัญจวีณิน หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านดิจิทัล บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป ได้ขึ้นกล่าวบรรยายพิเศษในหัวข้อ “Advancing Healthcare Industry: From Technology to Outcomes” โดยเน้นย้ำถึงบทบาทของเทคโนโลยีในการยกระดับอุตสาหกรรมการแพทย์ เสริมคุณภาพในการดูแลผู้ป่วย “นวัตกรรมที่ตอบโจทย์จะต้องมีความยืดหยุ่นสูง ทำงานผสานกับอุปกรณ์และระบบต่างๆ ได้อย่างลงตัว และนำมาใช้ด้วยความเข้าใจในรูปแบบการใช้งานจริงของบุคลากรทางการแพทย์”
สุดท้ายกับคุณฐนสรณ์ ใจดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทรู อินเทอร์เน็ต ดาต้า เซ็นเตอร์ กล่าวในหัวข้อ “New Era of Cloud and AI Computing Power” ถึงการเลือกโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ไม่ว่าจะเป็น คลาวด์ หรือ ดาต้าเซ็นเตอร์ ที่จะสนับสนุนให้ภาคธุรกิจ Healthcare ทำ AI ได้สำเร็จ โดยแต่ละองค์กรควรเริ่มต้นจากการจัดลำดับความสำคัญ เลือกหนึ่งเป้าหมาย แล้วเลือกแพลตฟอร์มโครงสร้างพื้นฐานที่สอดคล้องกับเป้าหมายที่ต้องการ พิจารณาปัจจัยสำคัญ ได้แก่ ความมั่นคงของระบบ (Reliability) สามารถขยายได้ เชื่อมต่อกับระบบปัจจุบันและใช้ได้จริง ประมวลผลเร็ว มีบริการสำรองและกู้คืนระบบได้อย่างง่ายดาย (Disaster Recovery) รวมถึงการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล PDPA และความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล
อีกทั้งยังควรพิจารณาบริการคลาวด์และดาต้าเซ็นเตอร์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ผู้ให้บริการมีความเชี่ยวชาญด้าน AI และให้ความยืดหยุ่นด้านค่าใช้จ่ายและการลงทุนระบบ อย่างไรก็ตาม เมื่อองค์กรเริ่มใช้ AI แล้ว ควรมีการติดตามและประเมินประสิทธิภาพและความคุ้มค่าต่อการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับปรุงและต่อยอดการใช้ AI ให้ได้ประโยชน์สูงสุด





