ทรู คอร์ปอเรชั่น ภายใต้การนำของ Group CEO “คุณซิกเว่ เบรกเก้” ประกาศปรับทัพครั้งใหญ่ ด้วยแม่ทัพ C-Level ถึง 11 ตำแหน่ง และเป็นครั้งแรกที่แต่งตั้ง “หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ (Chief Data and AI Officer)” โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2568 เป็นต้นไป และไม่มีแผนปรับลดพนักงานจากการนำ AI มาใช้แต่อย่างใด
คุณซิกเว่ เบรกเก้ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการปรับโครงสร้างองค์กร และการจัดทัพผู้นำใหม่ครั้งนี้ว่า จะทำให้ทรู คอร์ปอเรชั่น มีศักยภาพในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า ทั้งในวันนี้ และในอนาคต เนื่องจากทรูคาดการณ์ว่า ความคาดหวังของลูกค้า ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตลาดอุตสาหกรรม และการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและผันผวนอย่างรุนแรงในอนาคตอันใกล้นี้
“คู่แข่งของเราในวันนี้ไม่ใช่บริษัทโทรคมนาคมเหมือนในอดีต แต่เป็น Global Company เช่น Microsoft, Google, Amazon ดังนั้น ทรู ต้องสามารถส่งมอบประสบการณ์ที่สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคให้ได้มากขึ้น ไม่ใช่นำเสนอแค่ Data – Connectivity หากแต่เป็น Solution” ซึ่งการจะทำเช่นนั้นได้ ระดับชั้นภายในองค์กรต้องลดลง เพื่อให้ประสิทธิภาพในการทำงานมีมากขึ้น
5 แนวคิดออกแบบโครงสร้างใหม่
คุณซิกเว่ยังได้กล่าวถึง หลักในการออกแบบโครงสร้างองค์กรใหม่ และการจัดคณะผู้บริหารระดับสูงเอาไว้ 5 ข้อ ประกอบด้วย
- การเป็นผู้นำด้านประสบการณ์ลูกค้า (Customer Champion) : ผู้บริหารต้องมีศักยภาพในการเข้าถึง เข้าใจ และตอบสนองความต้องการของลูกค้าและการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างรวดเร็ว
- ต้องสร้างบริการดิจิทัลเพื่อความสุขในบ้าน (Win the Home) : โดยทรูคาดว่า กลุ่มผู้อยู่อาศัยซึ่งประเทศไทยมี 23 ล้านครัวเรือน (ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ) จะต้องการผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อดิจิทัลไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร ในที่เดียว ทั้งนวัตกรรมสมาร์ทโฮม โซลูชัน ความบันเทิง และบริการบรอดแบนด์
- เร่งการเปลี่ยนผ่านธุรกิจลูกค้าองค์กรสู่ดิจิทัล (Accelerating B2B Digital Transformation) : ในจุดนี้จะเน้นไปที่ธุรกิจ SME และตลาดลูกค้าองค์กร โดยการนำเสนอโซลูชันทางธุรกิจและการเงิน รวมถึงบริการด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับธุรกิจของลูกค้าด้วย
- การขับเคลื่อนอนาคตด้วย AI (Empowering the Future with AI) : ในจุดนี้มาจากการที่ทรู คอร์ปอเรชั่นวางยุทธศาสตร์ขึ้นเป็น AI-First Company หรือก็คือการนำ AI มาใช้ในทุกด้าน ตั้งแต่การทำงาน การวางแผน การจัดการความรู้ ตลอดจนการให้บริการลูกค้า ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถสร้างจุดแข็งทางการแข่งขันได้ในระยะยาว และการให้ความสำคัญกับ Cloud First เพื่อการบริหารจัดการและการดำเนินงานของธุรกิจ
- การมุ่งเน้นการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Sharpened Focus on Digitalization) : เช่น การสร้าง Digital & Omni-channel Customer Journey เพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้าในทุกช่องทาง ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ แอปพลิเคชัน และคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงการขับเคลื่อนองค์กรด้วยระบบ Automation ที่ช่วยลดงานซ้ำซ้อนเพื่อให้พนักงานโฟกัสกับการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้อย่างแท้จริง
เปิดตำแหน่งใหม่ – KPI ใหม่ “แม่ทัพทรู”
คุณซิกเว่ยังได้กล่าวถึงการแต่งตั้งผู้บริหารระดับ C-Level เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเป็นผู้นำด้านประสบการณ์ลูกค้าแบบครบวงจรของ ทรู คอร์ปอเรชั่น พร้อมเปิดเผยรายชื่อทีม C-Level ใหม่ของทรูเอาไว้บางส่วน ดังนี้
- คุณมนัสส์ มานะวุฒิเวช ดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านประสบการณ์ลูกค้าและธุรกิจรีเทล รับผิดชอบดูแลการบริหารจัดการทุกช่องทางการขาย การบริการทุกช่องทางเพื่อให้ทรูสามารถส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าทั่วประเทศ
- คุณชารัด เมห์โรทรา เป็นหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกลุ่มธุรกิจลูกค้าบุคคล ดูแลผลิตภัณฑ์และการส่งมอบคุณค่าสูงสุดเพื่อตอบสนองลูกค้าอย่างเต็มรูปแบบ
- คุณคูรัม อัชฟาค รับหน้าที่หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเครือข่าย พัฒนาเครือข่ายอัตโนมัติด้วย AI เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานบนเครือข่าย (Unmatched Network Experience)
- คุณฐานพล มานะวุฒิเวช ได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านโฮมคอนเนคทิวิตี้ นำเสนอดิจิทัลไลฟ์สไตล์ครบวงจรตั้งแต่บรอดแบนด์ ความบันเทิง ถึงสมาร์ทโฮม ตอบโจทย์ภาคครัวเรือน
- ดร.ธีรเดช ดำรงค์พลาสิทธิ์ ดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกลุ่มธุรกิจองค์กร เร่งการเปลี่ยนผ่านองค์กรธุรกิจสู่ดิจิทัล
ส่วนตำแหน่งหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ (Chief Data and AI Officer) เพื่อขับเคลื่อนการเป็น AI First Company อย่างเต็มรูปแบบ และตำแหน่งหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ คุณซิกเว่เผยว่า มีผู้ที่เหมาะสมแล้ว แต่ยังไม่มีการเปิดเผยในวันนี้
ทั้งนี้ คุณซิกเว่ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในระยะ 6 เดือนข้างหน้า ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้วางเป้าหมายชัดเจนเพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้าในทุกด้าน โดยด้านเครือข่ายเราจะเสร็จสิ้นโครงการ One Network 100% ภายในเดือนกันยายน ซึ่งจะทำให้ลูกค้าได้รับสัญญาณ 5G/4G ที่มีประสิทธิภาพดีขึ้นและครอบคลุมมากขึ้น
ส่วนคลื่นความถี่ 2300 MHz ที่ประมูลมาล่าสุดจำนวน 70 MHz ซึ่งมีความจุเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 10 MHz จะทำให้เครือข่ายของทรูมีประสิทธิภาพดีขึ้น 17% ทันที และคลื่น 2300 MHz จะทำให้ทรูสามารถรองรับการใช้งาน 5G ได้ในอนาคต”
นอกจากนี้ ทรูจะยกระดับประสบการณ์ใช้งาน 5G บนคลื่น 2600 MHz ด้วยการใช้เทคโนโลยี Dynamic Spectrum Sharing (DSS) ที่จะช่วยให้การใช้งานสัดส่วน 5G และ 4G ยืดหยุ่นตามสัดส่วน และ 5G จะสามารถเปิดให้บริการเต็มศักยภาพแบนด์วิดท์ทั้ง 90 MHz และเริ่มใช้คลื่นใหม่ 1500 MHz เพื่อเพิ่มความจุดาวน์ลิงก์ร่วมกับคลื่นย่านความถี่ต่ำแบนด์อื่นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความเร็วเครือข่ายอีกด้วย
ขณะที่ในด้านการบริการดิจิทัล เราตั้งเป้าให้ลูกค้าทุกรายสามารถทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชันได้ครบทุกรูปแบบ ซึ่งตั้งแต่ต้นปีลูกค้าหันมาใช้ช่องทางดิจิทัลแล้ว 19% ด้านประสบการณ์ลูกค้า เราจะมอบการบริการไร้รอยต่อทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นหน้าร้าน คอลเซ็นเตอร์ หรือแอปพลิเคชัน โดยลูกค้าสามารถเริ่มต้นธุรกรรมในช่องทางหนึ่งแล้วไปทำต่อในอีกช่องทางได้อย่างต่อเนื่อง เช่น สอบถามผ่านคอลเซ็นเตอร์แล้วมาดำเนินการต่อที่หน้าร้าน หรือสลับไปใช้แอปได้ทันที เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และตอบโจทย์ทุกความต้องการ”
ส่วนการปรับลดพนักงานจากเหตุของการใช้ AI นั้น คุณซิกเว่เผยว่ายังไม่มีแผนปรับลดพนักงานแต่อย่างใด






