
“ภูเก็ต” หนึ่งในจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของประเทศไทยและของโลก ด้วยโครงสร้างเศรษฐกิจที่โดดเด่นจากภาคการท่องเที่ยว โดยมีแหล่งรายได้มหาศาลจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก และมีศักยภาพในการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากวิกฤตการณ์ใหญ่ ๆ ที่สามารถสร้าง New S-curve การเติบโตใหม่ได้ทุกครั้ง
ภูเก็ตมีประชากรประมาณ 460,800 คน เพิ่มขึ้น 7% จาก 5 ปีก่อน ในจำนวนนี้กว่า 430,000 คน อาศัยอยู่ในเขตเมืองและพื้นที่โดยรอบที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ชาวต่างชาติ (Expat) ที่พำนักอยู่ระยะยาวกว่า 115,000 คน
โดยมีนักท่องเที่ยวที่มาพักระยะยาว (long stay) 1-2 สัปดาห์ กว่า 1.2-1.5 ล้านคนต่อปี นอกจากนี้ยังมีแรงงานต่างถิ่นที่มาทำงานในภูเก็ตอีกจำนวนมาก สรุปมีคนอาศัยอยู่ในภูเก็ตราว 2 ล้านคน ถือเป็นกลุ่มกำลังซื้อสำคัญของตลาดอสังหาฯ

คุณภูมิชาย มัธยมภพภิญโญ – คุณสมสกุล หลิมศุทธพรรณ
ต่างชาติหน้าใหม่แห่ซื้ออสังหาฯภูเก็ต
คุณภูมิชาย มัธยมภพภิญโญ กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจพัฒนาโครงการภาคใต้ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าปัจจัยสำคัญขับเคลื่อน “ภูเก็ต” สู่การเป็นศูนย์กลางระดับโลก ได้แก่ การท่องเที่ยวและการบริการระดับพรีเมียม การขยายตัวของสนามบินและโครงสร้างพื้นฐาน การเติบโตของโรงเรียนนานาชาติ การยกระดับเป็นศูนย์กลางการศึกษาและการแพทย์ และการพัฒนาสู่ Sport & Wellness Hub
ปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตเติบโตอย่างก้าวกระโดด ไม่ใช่แค่บ้านพักตากอากาศ แต่รวมถึงโครงการเพื่อการลงทุนและที่อยู่อาศัยระยะยาว โดยเฉพาะโครงการระดับ Ultra Luxury ที่ยังมีความต้องการสูงจากชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยภูเก็ตเป็นที่ต้องการของกลุ่มผู้ที่มีความมั่งคั่งทั่วโลก ติด Top 4 ของโลก รองจากดูไบ ฟลอริดา และนิวยอร์ก มีราคาที่ดินเติบโตอย่างก้าวกระโดดในรอบ 20 ปี เพิ่มขึ้นถึง 700% ทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยมีราคาสูง
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีปัจจัยสนับสนุนการลงทุนอสังหาฯ และการอยู่อาศัยสำหรับชาวต่างชาติ ทั้งความชัดเจนทางกฎหมายในการถือกรรมสิทธิ์ของชาวต่างชาติ และกฎหมายสมรสเท่าเทียมที่ช่วยเพิ่มแรงจูงใจให้กับชาวต่างชาติกลุ่ม LGBTQIAN+ ในการเข้ามาลงทุนและวางแผนชีวิตในประเทศไทย
ภูเก็ตเป็นเมืองที่สามารถสะท้อนความมั่งคั่ง (Wealth) ได้อย่างชัดเจน เป็นแหล่งรวมท่าจอดเรือยอร์ชชั้นนำระดับโลกรวม 5 ท่า รองรับเรือยอร์ชและจอดซ่อมบำรุงได้สูงสุด 700 ลำ รวมถึงมี Private Jet Terminal
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา “แสนสิริ” เห็นการเติบโตของกลุ่มลูกค้าหน้าใหม่ในตลาดอสังหาฯ ภูเก็ต ทั้งกลุ่มนักลงทุนอสังหาฯ และเรียลดีมานด์ชาวไทยและชาวต่างชาติ เช่น กลุ่มนักลงทุนชาวต่างชาติหน้าใหม่ อาทิ อิสราเอล, กลุ่มประเทศที่ใช้ภาษารัสเซีย (เช่น รัสเซีย, คาซัคสถาน, ยูเครน) อินเดีย, บังคลาเทศ รวมถึงกลุ่มยุโรปและสหรัฐ ที่มองหาการกระจายพอร์ตการลงทุนอสังหาฯ กลุ่มเรียลดีมานด์ชาวต่างชาติที่มี Wealth สูง ไม่ว่าจะเป็นอดีตพนักงานจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Ex-Google หรือ Ex-Microsoft ที่เป็นกลุ่ม LGBTQIAN+และวางแผนตั้งถิ่นฐานหรือลงทุนในประเทศที่ให้ความคุ้มครองทางกฎหมายและมีความเปิดกว้าง
กลุ่มนักลงทุนชาวต่างชาติหน้าใหม่ มองโอกาสเข้ามาลงทุนซื้ออสังหาฯ ภูเก็ต เพื่อกระจายพอร์ตฯ ลงทุน จากเมืองหลักอื่นๆ ที่มีราคาอสังหาฯ สูง ขณะที่อสังหาฯ ภูเก็ต ยังเป็นเมืองที่คุ้มค่าการลงทุน และได้ผลตอบแทนปล่อยเช่า 8-12%
กลุ่มอิสราเอล ที่เข้ามาซื้ออสังหาฯ จะเริ่มลงทุนที่ราคา 3-6 ล้านบาทต่อยูนิต ส่วนใหญ่ซื้อครั้งแรก 1-2 ยูนิต ปัจจุบันมีลูกค้าอิสราเอล ซื้อไปแล้วรวม 40-50 ยูนิต กลุ่มนี้เข้ามาลงทุนอสังหาฯ ภูเก็ต เพราะกระจายพอร์ตฯ มาจากดูไบและสหรัฐ ที่ราคาสูง ขณะที่ภูเก็ตราคาถูกกว่า
“สายตาชาวต่างชาติ ภูเก็ตเป็นเมืองน่าอยู่ในราคาที่เข้าถึงได้ เมื่อเทียบกับมาตรฐานเมืองใหญ่ในต่างประเทศ คุ้มค่า และให้คุณภาพชีวิตที่ดี มีปัจจัย 4 ครบ ทั้งแหล่งอาหาร แหล่งช้อปปิ้ง ที่อยู่อาศัยพรีเมียม ศูนย์สุขภาพและ Wellness รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน”
ส่วนกลุ่มลูกค้าชาวไทยในเมืองภูเก็ต มีทั้งกลุ่มนักลงทุนที่ไม่ใช่คนท้องถิ่น และเคยประสบความสำเร็จในการลงทุนในกรุงเทพฯ และเริ่มมองหาแหล่งลงทุนใหม่อย่างภูเก็ต ที่มี Yield สูง กลุ่มนักลงทุนที่เป็นคนภูเก็ต อย่างเถ้าแก่และเจ้าของกิจการในพื้นที่ที่มองเห็นศักยภาพและลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง กลุ่มคนภูเก็ตที่เป็นเรียลดีมานด์ ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง ด้วยเหตุผลด้านส่วนกลางและการดูแลรักษาระยะยาวที่ดี และกลุ่มประชากรแฝงที่เข้ามาทำงานในภูเก็ต ซึ่งถึงเป็น Hub แหล่งงานของภาคใต้ คาดการณ์ว่ามีจำนวนถึง 3-4 แสนคน
พลัสฯ บริการ Plus Concierge ตอบโจทย์ลูกค้า
คุณสมสกุล หลิมศุทธพรรณ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่าภูเก็ตแบ่งออกเป็น 2 โซนหลักที่สะท้อนความต้องการและวิถีชีวิตที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
ได้แก่ โซนในเมือง มีคนไทยอยู่อาศัยประมาณ 60% และชาวต่างชาติ 40% กลุ่มผู้ซื้อส่วนใหญ่เป็น เรียลดีมานด์ เช่น คนทำงานในพื้นที่ ชาวต่างชาติที่พำนักระยะยาว และคนไทยที่มองหาบ้านหลังที่สองในทำเลที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีจุดเด่นคือความสะดวกในการเดินทาง ใกล้แหล่งงาน โรงเรียน และศูนย์การแพทย์ และโซนรอบเมือง เช่น โซนเชิงทะเล ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีชาวต่างชาติอยู่อาศัยมากถึง 70–80% นักลงทุนอสังหาริมทรัพย์คิดเป็นสัดส่วนราว 80% ของผู้ซื้อในโซนนี้ เหมาะกับการลงทุนด้านบ้านพักตากอากาศ วิลล่าหรู หรือคอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ต่างชาติ
โดยพลัสฯ ออกแบบบริการเฉพาะในแต่ละพื้นที่ให้สอดคล้องกับแนวทางการอยู่อาศัยและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในแต่ละโซน พร้อมชูบริการ Plus Concierge ที่ช่วยตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า อาทิ บริการแม่บ้าน ทำสวน ทำความสะอาดสระว่ายน้ำ บริการขนย้ายเข้า-ออกบ้าน บริการรับส่งสนามบิน จัดการชำระค่าน้ำไฟ ดูแลการปล่อยเช่า และช่วยจัดทำเอกสารคนเข้าเมือง (Immigration) ตอบโจทย์ทั้งลูกค้าที่อยู่อาศัยเองและนักลงทุนที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยและปล่อยเช่า
“แสนสิริ” เปิดแผนลงทุน 5 ปี 3.3 หมื่นล้าน
“แสนสิริ” เข้ามาพัฒนาโครงการอสังหาฯ ในภูเก็ตมากว่า 16 ปี โดยมีสำนักงาน 2 แห่งในภูเก็ต และได้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยหลากหลายระดับราคาเจาะกลุ่มลูกค้าทุกเซ็กเมนต์ รวม 28 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมราว 3 หมื่นล้านบาท ปัจจุบัน มี 2 คอนโดมิเนียมสร้างเสร็จและพร้อมโอนล่าสุด ได้แก่ เดอะ เบส บูกิต ภูเก็ต และ เดอะ เบส ไรส์ ภูเก็ต และเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ เศรษฐสิริ เกาะแก้ว รีทรีต บ้านเดี่ยวสไตล์โมเดิร์น ราคา 13-20 ล้านบาท บนทำเลเกาะแก้วในเดือนตุลาคมนี้
“แสนสิริ” วางแผนลงทุน 5 ปี (2568 – 2572) เปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยในภูเก็ต รวม 29 โครงการ มูลค่า 3.3 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น แนวราบ 16 โครงการ มูลค่า 12,000 ล้านบาท คอนโดมิเนียม ก 13 โครงการ 21,000 ล้านบาท
“ภูเก็ตกำลังเผชิญกับตลาดอสังหาฯ ที่การแข่งขันสูงขึ้น ทำให้ผู้ซื้อมีตัวเลือกหลากหลาย แต่หลังจากนี้จะเป็นตลาดของตัวจริง ที่มาครบทั้งคุณภาพ ราคา และบริหารหลังการขาย”
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE






