HomeSponsoredถอดรหัส NEO : FMCG สัญชาติไทย สู่ผู้เขย่าตลาด Personal Care ด้วย “นวัตกรรม + Insight” สินค้าครอบคลุมทุกเซกเมนต์

ถอดรหัส NEO : FMCG สัญชาติไทย สู่ผู้เขย่าตลาด Personal Care ด้วย “นวัตกรรม + Insight” สินค้าครอบคลุมทุกเซกเมนต์

แชร์ :

 

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ท่ามกลางสนามแข่งขันของตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) ที่ต้องเผชิญทั้งความผันผวนของต้นทุน ความคาดหวังของผู้บริโภคที่เปลี่ยนเร็ว และความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม หนึ่งในแบรนด์ที่ “เติบโตสวนกระแส” อย่างชัดเจน คือ บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ NEO (นีโอ) บริษัทสัญชาติไทยที่ก้าวสู่ความสำเร็จในตลาดสินค้าอุปโภค

ตลอด 35 ปีที่ผ่านมา NEO สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้ต้องเผชิญปัจจัยลบจากสถานการณ์ภายนอกมากมายทั้งการระบาดของโควิด 19 ต้นทุนสินค้า สภาพเศรษฐกิจ สะท้อนจากผลประกอบการตลาดช่วง 4 ปีที่ผ่านมา (2564-2567) ที่สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างสวยงาม โดยในปี 2564 สร้างรายได้ 7,445 ล้านบาท และสามารถทะยานรายได้ 10,062 ล้านบาทได้ในปี 2567 ได้เป็นผลสำเร็จ

จับตาคีย์โปรดักต์ “Personal Care” ปักธงโตไม่หยุดต่อเนื่อง 3 ปีครบทุกผลิตภัณฑ์

ปัจจุบันพอร์ตโฟลิโอ ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Personal Care ของ NEO ยังเป็นจุดแข็ง ที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์โรลออน เติบโต 80% มากกว่าตลาดที่เติบโต 19% สามารถเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดจาก 9.1% เป็น 13.8% เทียบกับสามปีที่ผ่านมา ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์ครีมอาบน้ำเติบโต 46% สูงกว่าตลาดที่เติบโต 25% และยังสามารถเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดจาก 20.3% เป็น 23.6% เทียบกับสามปีที่ผ่านมา

ทั้งหมดสะท้อนการเติบโตที่สูงในตลาดเมื่อเทียบ Top Brand 5 รายในตลาดแล้ว NEO คือแบรนด์ที่มีการเติบโตสูงสุดสวนทางภาพรวมตลาด

ความสำเร็จทั้งหมดนำไปสู่การรุกคืบไปยังกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพในการเติบโตอย่าง “ตลาดครีมบำรุงผิว” มูลค่า 12,000 ล้านบาท กลายอีกหนึ่งตลาดที่ NEO กำลังเร่งขยายสัดส่วนยอดขาย เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตของบริษัท หลังขยับอันดับส่วนแบ่งทางการตลาดขึ้นมา 1 อันดับจากปีที่ผ่านมา

โดยจะเร่งพัฒนาสินค้าผ่านอินโนเวชั่นใหม่ ควบคู่กับการทำ Marketing Insight  เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในทุกเซกเมนต์ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงวัย ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ บีไนซ์ ไบรท์ แอนด์ โพรเทค เกรป เอ็กโซ ไบรท์ บอดี้ เซรั่ม เป็นต้น โดยครึ่งปีหลังจากนี้ NEO จะยังคงโฟกัสการทำตลาดไปยังกลุ่มผลิตภัณฑ์เหล่านี้ซึ่งเป็นสินค้าเรือธงหลัก โดยมีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่รวมทุกกลุ่มมากกว่า 100 รายการ และสินค้าเหล่านี้จะเป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตจนถึงสิ้นปี 2568 นี้

กลยุทธ์ลึก – เจาะตลาดแม่น – พร้อมรุกทุกเซกเมนต์

ขณะที่แผนการขยายธุรกิจของ NEO ที่วางไว้ระยะยาว จะเร่งพัฒนนาผลิตภัณฑ์ภายใต้กลยุทธ์ที่เรียกว่า Innovation-led Premiumization” ซึ่งเป็นการใช้นวัตกรรมนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีคุณภาพสูง เพื่อเจาะกลุ่มตลาดพรีเมียมแมสและพรีเมียม ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการที่ NEO เป็นผู้บุกเบิกและสร้างสรรค์เซกเมนต์ใหม่ๆ (Segment Creator) เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค ซึ่ง NEO ไม่ได้ขายแค่ “สินค้า” แต่ “ขายความเข้าใจในผู้บริโภค” ผ่านนวัตกรรมใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น

– สินค้าใหม่ ที่เจาะตลาดเฉพาะ เช่น กลุ่มผู้สูงอายุ (Aging Society), คนรักสัตว์, คนใส่ใจสุขภาพ และสิ่งแวดล้อม

– กลุ่มสินค้าเช่น ครีมอาบน้ำ โลชั่นลดกลิ่นตัว ผลิตภัณฑ์ซักผ้า ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้น ที่ปลอดภัยต่อทั้งผู้ดูแลสัตว์เลี้ยงและสัตว์เลี้ยง กลายเป็น “เจ้าตลาด” ได้ในเวลาไม่นาน

– สินค้ากลุ่มใหม่บางรายการทำยอดขาย “สูงกว่าเป้า” และเปิดโอกาสให้ NEO บุกตลาดพรีเมียมได้ง่ายขึ้น นั่นกลายเป็นจุดแข็งเชิงกลยุทธ์ของ NEO คือ พร้อมตอบทุกเซกเมนต์ ไม่ว่าจะเป็นตลาดแมสหรือเฉพาะกลุ่ม

ไม่เพียงเท่านี้ หากแต่ในระยะยาว NEO ยังวางหมากทางธุรกิจ ด้วยการวางแผนแบบรอบด้านครบทุกมิติ ตั้งแต่  ขยายช่องทางการจัดจำหน่าย ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง พัฒนากลุ่มสินค้าใหม่ที่เน้นนวัตกรรม เพื่อตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง ตลอดจนการลงทุนในส่วนสำคัญซึ่งถือเป็นหัวใจหลักขององค์กรอย่าง R&D และ ESG อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้าง “แบรนด์แห่งความยั่งยืน”

อย่างไรก็ดีปัจจุบัน สินค้าภายใต้ NEO ประกอบไปด้วย 9 แบรนด์หลักได้แก่ ไฟน์ไลน์ , ดีนี่ , บีไนซ์ , เอเวอร์เซ้นส์ , ทรอส , วีไวต์ , สมาร์ท , โทมิ และเลิฟลี่เทล


แชร์ :

You may also like