
“ไอพีจี มีเดียแบรนด์ส” เอเยนซีผู้นำด้านการวางแผนตลาดและการสื่อสาร ด้านเทคโนโลยีครบวงจรในเครือไอพีจี กรุ๊ป (IPG) จัดงาน IPG Mediabrands Thought Leadership 2025 ภายใต้ธีมงาน Punch Above the Market: Moves that Outsmart the Slowdown “ปล่อยหมัดฮุก กลยุทธ์เหนือตลาด” เจาะลึกผู้บริโภคกลุ่มใหม่ที่วันนี้ไม่ใช่เพียง “กลุ่มเป้าหมาย” แต่คือ “ผู้เปลี่ยนเกม”
สรุปอินไซต์พฤติกรรม 6 กลุ่มผู้บริโภค ที่เป็นส่วนสำคัญในการผลักดันการตลาดให้ทรงพลัง
IPG Mediabrands เปิดมุมมองใหม่เกี่ยวกับพฤติกรรม 6 กลุ่มผู้บริโภค ที่นักการตลาดและแบรนด์อาจมองข้าม หรือยังรู้จักไม่มากพอ เพราะผู้บริโภคกลุ่มนี้เป็นคำตอบของการเติบโตทางธุรกิจในยุคนี้ เพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรม แนวคิด ความเชื่อและค่านิยมต่างๆ ที่ทำให้ผู้บริโภคกลุ่มนี้ กลายเป็น Game Changer ในปัจจุบัน
1. The Shoptimizer เป็นกลุ่มที่มีจำนวนมากที่สุดในประเทศไทย ไม่ได้ลดการใช้จ่าย แต่ใช้จ่ายแบบฉลาดซื้อมากขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่ซื้อ ต้องคุ้มค่ากับคุณภาพ เป็นกลุ่มกำลังซื้อที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย
2. The Restarters เป็นกลุ่มที่ไม่เคยกลัวเรื่องการเปลี่ยนแปลง ยินดีที่จะล้มและพร้อมลุกเร็ว มีพลังแห่งการเริ่มต้นใหม่ตลอดเวลา ที่สำคัญเป็นแรงบันดาลใจให้คนรอบตัว และเป็นหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงในปีนี้
3. Next- Wave Tourists แม้ปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง แต่คนที่เข้ามากลับมีศักยภาพจับจ่ายมากขึ้น ไม่ใช่นักท่องเที่ยวกลุ่มเดิม โดยมองหาประสบการณ์แปลกใหม่ที่เข้ากับค่านิยมของตัวเอง
4. The Deep Z ในยุคนี้ไม่มีใครไม่อยากคุยกับ Gen Z แต่สิ่งที่ต้องรู้คือพวกเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เป็นกลุ่มที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ต้องการอะไรที่สวยหรู มองหาความชัดเจน ความโปร่งใสจากแบรนด์ ดังนั้นการสื่อสารกับ Gen Z ต้องพูดด้วยความชัดเจนและตรงประเด็น
5. The Edgy Aging ปัจจุบันภาพลักษณ์คนสูงวัยเปลี่ยนไปจากเดิม มีความทันสมัยมากขึ้น เปิดรับประสบการณ์ใหม่ เทคโนโลยีใหม่ และคอมมูนิตี้ใหม่ เพราะอายุไม่ใช่ข้อจำกัดในการใช้ชีวิตอีกต่อไป แต่อยู่ที่ทัศนคติและความมั่นใจ
6. The Rural Gold Class กลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในต่างจังหวัด แต่มีอิทธิพลเชื่อมกับคนในชุมชน และเปิดรับโลกภายนอกชุมชน ที่สำคัญมีอิทธิพลต่อความเชื่อ ความคิด และแรงผลักดันต่อพฤติกรรมผู้คนในชุมชน
พฤติกรรม 6 กลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่นี้กระจายอยู่ในทุก Generation และไม่ใช่ผู้บริโภคธรรมดา แต่เป็นผู้นำเทรนด์ มีอิทธิพลขับเคลื่อนและเป็นแรงผลักดันเศรษฐกิจแบบมีนัยสำคัญ หากนักการตลาดและแบรนด์เข้าใจผู้บริโภคกลุ่มนี้เพียงพอ นอกจากจะขายของได้แล้ว ยังสามารถเป็นผู้นำการตลาดได้อย่างแท้จริง
เจาะลึกอินไซต์ 6 กลุ่มผู้บริโภค “ผู้เปลี่ยนเกม”
1. The Shoptimizer กลุ่มฉลาดช็อปยอมจ่ายเพื่อคุณค่ามากกว่าแค่ส่วนลด
คุณวรรณรัตน์ วิศวสุขมงคล Strategic Planning Director IPG Mediabrands, UM กล่าวว่า The Shoptimizer เป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เป็นกลุ่มที่มีความฉลาดในการใช้เงิน ภูมิใจในการเป็นนักช้อปสายประหยัด มีแนวโน้มระมัดระวังการใช้เงินมากกว่าคนทั่วไป
– เป็นกลุ่มที่มีมากกว่า 76% กระจายตัวอยู่ในทุก Gen จึงถือเป็นกลุ่มใหญ่สุดในประเทศไทย ปี 2026 ไม่ว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้นหรือสงครามจบลง แต่ก็ยังคงคิดก่อนใช้จ่ายทุกครั้ง เพราะ Mindset เปลี่ยนไปเป็นนักช้อปสายประหยัดแล้ว
– แม้ขึ้นชื่อว่าเป็นนักช้อปสายประหยัด แต่ไม่ได้หมายความว่ากลุ่มนี้ไม่มีเงิน เพราะ The Shoptimizer กลุ่ม A B C รวมกันมีถึง 54% ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของนักการตลาด
– พฤติกรรมการกลุ่ม The Shoptimizer 77% ลดการจับจ่าย (อย่างน้อย 10% ในปีที่ผ่านมา) แต่ก็ยังเป็นกลุ่มลูกค้าโอกาสทองของแบรนด์ที่มองข้ามไม่ได้ เพราะมีพฤติกรรม “ช้อปออนไลน์” มากกว่าคนทั่วไป และใช้จ่ายมากกว่า
– สินค้าที่มีโอกาสเจาะกลุ่ม The Shoptimizer เช่น อาหารและเครื่องดื่ม ยารักษาโรค ของใช้ส่วนบุคคล (Personal care) จัดอยู่ในท็อป 3 ที่กลุ่มนี้จะใช้จ่ายมากขึ้นในปี 2026
– นอกจากกลุ่มสินค้าที่จำเป็นพบว่ากลุ่ม The Shoptimizer มีโอกาสที่จะใช้จ่ายมากขึ้นในกลุ่มสินค้าบางอย่างที่ให้ Value
1. กลุ่มรายได้สูง สนใจการท่องเที่ยวต่างประเทศและในประเทศที่ให้ประสบการณ์หรู การลงทุนในอสังหาฯ แม้เศรษฐกิจยังอยู่ในภาวะถดถอย
2. กลุ่มรายได้ปานกลาง สนใจซื้อสินค้าเกี่ยวกับบ้าน (Home Product) อุปกรณ์อิเลคโทรนิกส์ รถยนต์
3. กลุ่มรายได้น้อย สนใจเสื้อผ้าแฟชั่น สินค้าความงาม
– เป็นกลุ่มที่เสพสื่ออย่างหนักและต่อเนื่องในทุกช่องทาง
– มีพฤติกรรมเข้าอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มตลอดทั้งวัน โดย The Shoptimizer 55% เก็บคูปองมากขึ้น, 50% เปรียบเทียบแบรนด์มากขึ้น , 47% กดสินค้าใส่ตระกร้าแต่ยังไม่จ่ายเงิน เพราะเปรียบเทียบโปรโมชั่นที่ดีกว่า หากต้องการเห็นสินค้าก็จะไปที่หน้าร้าน และอาจกลับมาซื้อที่อีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์ม ดังนั้นแบรนด์ที่มีลูกค้าอยู่แล้ว ต้องจูงใจให้กดจ่ายเงินด้วยคูปอง โปรโมชั่นต่างๆ
สรุป 3 กุญแจสำคัญเจาะกลุ่ม Shoptimizer
1. Not broke Just Calculated คนกลุ่มนี้ไม่ใช่ไม่มีเงิน ยังคงจับจ่ายแต่คิดมากขึ้น เพราะฉะนั้น Premium Brand ก็มีโอกาสในการขายคนกลุ่มนี้อยู่
2. Value-Driven โปรโมชันเป็นสิ่งที่ดี แต่คนกลุ่มนี้มองหา Value อะไรบางอย่างเพื่อจ่ายเงินซื้อ
3. Dynamic Basket พฤติกรรมลังเลที่กดเข้าของใส่ตะกร้าแต่ไม่จ่ายเงิน ต้องมีกลยุทธ์จูงใจให้ตัดสินใจซื้อ
2. The Restarters หมดไฟได้แต่ไม่หมดหวัง “พร้อมเริ่มต้นใหม่”
คุณเมธาวี อินอ๊อด Strategic Planning Associate Director IPG Mediabrands กล่าวว่านิยามของกลุ่ม The Restarters คือพวกเขาไม่ได้รู้สึกแย่แต่อยากเริ่มใหม่ เป็นคนที่กำลังมองหาเส้นทางชีวิตใหม่ ค้นหาตัวตน การเป็นตัวเอง ไม่ว่าจะเจออะไรมา ทั้งจากสภาพเศรษฐกิจ สังคม และความไม่แน่นอน
– The Restarters 89% เป็นกลุ่ม Burn out จากสิ่งที่ทำอยู่ แต่ในยุคที่เศรฐกิจชะลอตัว กลุ่มนี้ Move on ไปข้างหน้า
– กลุ่มนี้ 79% เป็นคนที่มองหาสิ่งที่จะพัฒนาตัวเองตลอดเวลา ต้อง Up-skills Re-skills เพื่อทำให้ตัวเองและเติบโต
– โดย 70% เปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ โอกาสใหม่ๆ รวมทั้งเปิดใจรับแบรนด์ใหม่ๆ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ เพราะกลุ่มนี้มีอยู่กว่า 18 ล้านคน ดังนั้นถ้านักการตลาดและแบรนด์ครองใจคนกลุ่มนี้ได้ก็จะมีโอาส
– กลุ่มนี้ 38% อยู่ในกรุงเทพฯ
– ทัศนคติของกลุ่ม The Restarters มีอยู่ในทุก Gen
Gen Y 40% กลุ่มใหญ่สุด เป็นช่วงวัยทำงานที่เหนื่อยที่สุดและอยาก Restart มองหาโอกาสใหม่ สู่อิสระภาพทางความคิด
Gen Z 26% กลุ่มที่เริ่มวัยทำงาน ส่วนหนึ่งคนที่จบใหม่ยังไม่เข้าระบบงานและอยากทำในสิ่งที่สนใจ และเมื่อเห็นว่าไม่เป็นอย่างที่คิด จึงมองหาทางหลีกหนีความวุ่นวาย เพื่อหาจังหวะใหม่ให้ชีวิต จึงต้องการ Restart
Gen X 21% กลุ่มโค้งสุดท้ายของการทำงาน มองหาโอกาส รีสตาร์ทชีวิต
Silver Gen 13% ออกค้นหาตัวเองอีกครั้ง
– ไม่ว่าจะเป็น Gen ไหน แต่ทุกกลุ่มวางเป้าหมายให้ชีวิตเหมือนกัน โดยโฟกัส 3 เรื่อง
1. การดูแลตัวเองและครอบครัว 74%
2. ให้ความสำคัญกับเวลา การทำงานและไลฟ์สไตล์ที่สนใจ (Work-life balance) 59%
3. มองหาความมั่นคง 56% และออกนอกกรอบ 37%
– คอนเทนต์ที่กลุ่ม The Restarters ชอบและต้องการสนับสนุนจากแบรนด์ คือ ความรู้ด้านการลงทุนไม่ใช่แค่การเก็บเงินอย่างเดียว การดูแลสุขภาพจิตใจ ทักษะด้านดิจิทัล AI
– เป็นกลุ่มที่ใช้ Search 54% เพื่อค้นหาข้อมูลที่สนใจและการเพิ่มทักษะด้านต่างๆ ใช้ Social Media 68% มองหาคอนเทนต์สร้างแรงบันดาลใจ และ Social Proof 45% ต้องการประสบการณ์จริง จากคนที่เป็น The Restarters ที่ได้ทำแล้ว
สรุป 3 กุญแจสำคัญเจาะกลุ่ม The Restarters
1. พร้อมเปิดรับแบรนด์ใหม่ เพราะเป็นช่วงเวลาที่กำลังวางเป้าหมายชีวิตใหม่อีกครั้ง
2. มองหาแบรนด์ที่ “เข้าใจ” และสามารถเป็นแรงสนับสนุนสำคัญ ทั้งความรู้เรื่องเงินทุน กำลังใจ และคอนเทนต์ที่สร้างแรงบันดาลให้ลงมือเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
3. คอนเทนต์คือไกด์นำทางของ The Restarters นักการตลาดและแบรนด์ต้องอยู่ให้พวกเขาเจอ ตั้งแต่ Search, Social Media และ Social Proof
3. Next Wave Tourist นักท่องเที่ยวจีนกลุ่มกำลังซื้อที่ต้องจับตา
นักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นอีกกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย แม้ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มลดลงในปีนี้ แต่สัญญาณครึ่งปีแรกกลุ่มที่เข้ามากลับมีศักยภาพในการใช้จ่ายมากขึ้น โดยเป็นกลุ่มที่มองหาประสบการณ์แปลกใหม่ ที่เข้ากับค่านิยมของตัวเอง
– นักท่องเที่ยวจีน ถือเป็นกลุ่มที่น่าสนใจ ตัวเลข เดือนมกราคม – พฤษภาคม 2025 มีจำนวน 1.96 ล้านคน (ลดลง 32.7% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน) เป็นอันดับสองของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทย ปีนี้คาดการณ์มีจำนวน 5 ล้านคน นักท่องเที่ยวจีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากมาตรการฟรีวีซ่าและการเพิ่มเที่ยวบิน
– นักท่องเที่ยวจีน สร้างรายได้ให้ประเทศไทยประมาณ 1.2–1.5% ของ GDP
– ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ปี 2023 รายละเอียดการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีน แบ่งเป็น ที่พัก 36%, อาหารและเครื่องดื่ม 23%, ช้อปปิ้ง 18%, การเดินทางในประเทศ 10% ความบันเทิงและอื่นๆ 23%
– นักท่องเที่ยวจีนคุณภาพ อายุ 25-44 ปี เป็นกลุ่ม Hybrid Travel, Digital Nomads พักระยะยาว 1-3 เดือน สนใจท่องเที่ยว กรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา เชียใหม่ เกาะสมุย กระบี่ หัวหิน
– นอกจากนี้ยังมีกลุ่มคนจีนที่พักอาศัยระยะยาวอยู่ในประเทศไทยประมาณ 60,000–90,000 คน โดยเมืองหลักที่อาศัยอยู่ ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต
– แพลตฟอร์มสื่อสารกับกลุ่มคนจีนและนักท่องเที่ยวจีน
WeChat แชท จ่ายเงิน และโซเชียล
Xiaohongshu โซเชียลมีเดียไลฟ์สไตล์และอีคอมเมิร์ซ
Douyin (TikTok) คอนเทนต์วิดิโอสั้น
KOLs, KOCs และ Influencers
JD.com, Taobao, Pinduoduo แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและไลฟ์ขายของ
4. The Deep Z เจาะลึกค่านิยม Gen Z ยุคใหม่
คุณคมชาญ สุขศรี Strategic Planning Manager, UM กล่าวว่า Gen Z เติบโตเป็นผู้ใหญ่ครั้งแรก จึงถูกคาดหวังให้เป็นอย่างที่โลกต้องการ เป็นกลุ่มคนที่โตมากับโซเชียลมีเดีย โดยกว่า 92% ของ Gen-Z มองหาความหมายของชีวิต การมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ และมองหาอิสระการเป็นตัวของตัวเอง
– ค่านิยมของ Gen-Z เปลี่ยนไป คำว่า Lifestyle หรือวิถีชีวิต เช่น ต้องมีบ้าน มีรถ หน้าตาดี Gen-Z มองว่าเป็นแค่สิ่งที่แบรนด์และโซเชียลสร้างขึ้น “แต่ที่จริงเป็นเรื่องที่ยาก” รวมถึงการมอง Influencer หรือ Celebrity ก็เปลี่ยนไป กลุ่ม Gen-Z เชื่อคำพูดของพวกเขาน้อยลง แต่เชื่อสิ่งที่คนธรรมดาออกมาพูดถึงสินค้ามากกว่า
– จึงเกิดเป็นเทรนด์ที่เรียกว่า N-Po Generation คือปรากฏการณ์ที่คนรุ่นใหม่ในเกาหลีใต้ ออกมายอมแพ้กับการใช้ชีวิตตามกระแสสังคม ล้มเลิกการมีความฝันที่ยิ่งใหญ่ แค่อยากใช้ชีวิตขี้เกียจ ๆ ให้นานขึ้น ซึ่ง Gen Z ในประเทศไทยก็เห็นบริบทที่ไม่แตกต่างกันมากนัก เพราะในยุคนี้ “อย่าว่าแต่ฝันให้ใหญ่ไปให้ถึง แม้แต่ฝันเล็กๆ ไปให้รอดก็ยาก”
– ปรากฏการณ์นี้ส่งผลต่อค่านิยมในการบริโภคของ Gen-Z ดังนี้
Be Unique สนับสนุนแบรนด์ที่เป็นตัวของตัวเอง
Be Kind ชอบแบรนด์ที่ใจดีกับสิ่งแวดล้อม ใจดีกับคนอื่น ๆ
No Stereotype ไม่ต้องการถูกตีความแบบเหมารวม
– การมองและรู้จัก Deep Z ที่แตกต่างออกไป หรือมากกว่าอัตลักษณ์ที่เห็น การเข้าถึง Gen Z จะไม่ตัดสินที่รูปลักษณ์แต่จะคุยในที่ที่พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ ดังนั้นหากบ้านเป็น first place สถานที่ที่สอง คือโรงเรียนและที่ทำงาน third place คือ ที่ไหนก็ได้ ที่ Gen Z ไม่จำเป็นต้องมีบทบาทใดๆ ขอแค่เป็นตัวของตัวเองเท่านั้น จึงมี 3 สถานที่ที่น่าสนใจที่นักการตลาดและแบรนด์สามารถใช้เป็นช่องทางสื่อสารกับ Gen Z ได้
1. Like-Minded Space เป็นที่ที่เราอยู่กับคนที่รู้จัก อยู่แล้วรู้สึกสบายใจ เช่น คอมมูนิตี้ของแฟนคลับศิลปิน ดารา ที่ชื่นชอบ พูดคุยในสิ่งเดียวกัน
2. Delusional Space สถานที่ที่มองหาเพื่อนรวมจิตนาการเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น ดนตรี เกม กีฬา
3. Pause-Space สถานที่ที่อยู่กับปัจจุบันมากขึ้น ได้ออกไปใช้ชีวิตข้างนอกมากขึ้น
สรุป 3 กุญแจสำคัญเจาะกลุ่ม Deep Z
1. Lifestyle is Illusion มองหาการใช้ชีวิตที่ได้เป็นตัวของตัวเอง
– เป็นการโอบกอดความสุขของตัวเองในวัยเด็ก ที่เป็นความสุขง่ายๆ เพื่อเอาตัวเองออกจากความกดดันในการใช้ชีวิต เพื่อทำให้รู้สึกว่าได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น
2. Delusion is the Solution แค่อยากไร้สาระบ้าง
– เมื่อโลกแห่งความจริงไร้ทางออก “การมีความคิดเพ้อฝันอาจเป็นทางออกของ Gen Z” การแสดงความเสียใจ ดีใจจึงอยู่กับตัวเองด้วยการฟังเพลงเพลย์ลิสต์, การตกหลุมรักกับตัวละครที่ไม่มีอยู่จริง อยากเป็นใครก็ได้ที่ไม่ใช่ตัวเองในแพลตฟอร์มเกมออนไลน์ Roblox
3. Time For Boundary สร้างขอบเขต หาพื้นที่ที่แค่จะได้อยู่เฉย ๆ
– การที่ Gen Z เอาตัวเองออกจากความกดดันในการใช้ชีวิต เพื่อทำให้รู้สึกว่าได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น การใช้แพลตฟอร์มที่มีความเป็นส่วนตัว IG X เลือกได้ว่าอยากให้คอนเทนต์ของเราโชว์ไปที่ใคร การพูดคุยกับคนที่มีไลฟ์สไตล์ วิธีคิด และใช้ภาษาเดียวกัน
5. Edgy Aging วัยเก๋ากำลังซื้อสูง เปิดรับแบรนด์-โฆษณาทุกแพลตฟอร์ม
“กลุ่มสูงวัย” ถือเป็นผู้บริโภคที่ถูกมองข้ามมากที่สุด ปัจจุบันประชากรไทยอายุ 55 ปีขึ้นไปมีจำนวนมากที่สุดจากการเข้าสู่ Aged Society นักการตลาดจึงต้องมองให้เห็นโอกาสจากประชากรสูงวัยที่มีจำนวนมากขึ้นทุกปี
– หากดูตัวเลขคนไทยที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป จากปี 2029 มีสัดส่วน 13% ปี 2025 เพิ่มขึ้นเป็น 30% ของประชากรไทย นักการตลาดจำนวนมากไม่อยากให้แบรนด์ดูแก่ จึงไม่ได้มองกลุ่มสูงวัยและโฟกัสไปที่ Gen Z แต่กลุ่มสูงวัยเป็นกลุ่มที่ไม่ควรมองข้ามอีกต่อไป เพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง
– กลุ่มวัยเก๋าอายุ 55 ปีขึ้นไป มี 2 พฤติกรรมและทัศนคติการใช้ชีวิตที่น่าสนใจ
1. เป็นคนที่เปิดรับเรื่องราวใหม่ๆ คนใหม่ๆ (เพื่อน, คอมมูนิตี้ มี 5-10 กลุ่มขึ้นไปต่อการเข้าถึงในแต่ละวัน)
2. เป็นคนที่อยู่กับเทคโนโลยี ออนไลน์และออฟไลน์ แบบ Omni-channel
– เปิด 3 มุมมองวัย Edgy Aging
1. Self Reliance ดูแลตัวเองได้ ไม่ได้รอเงินลูกหลาน
– 71% รายได้ระดับกลางถึงสูง
– 59% ยังทำงานอยู่ (ไม่มีคำว่าเกษียณทำงาน เป็นการทำงานที่รู้สึกสนุก ฝึกสมอง ทำงานฆ่าเวลา)
2. Yet Connected สูงวัยไทยไม่ได้อยู่โดดเดี่ยว เป็นคนที่สุขภาพจิตดี อบอุ่น มีความคิดเชิงบวก
– 93% สูงวัยยังอยู่กับครอบครัว
– 80% เป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยง
3. In-Charge of Wellbeing
– 60% มีโรคประจำตัวกลุ่ม NCDs
– 74% กลุ่มสูงวัยมองตัวเองสุขภาพดี (แม้เจ็บป่วยก็ยังรู้สึกสุขภาพดี จากการเข้าถึงโรงพยาบาลได้ แม้มีโรคตามวัยก็ตาม)
ความฝันของกลุ่ม Edgy Aging ไม่ได้ฝันใหญ่
– อยากแค่มีความสุขในแต่วัน ได้ออกไปดินเนอร์ ช้อปปิ้ง เล่นโซเชียลมีเดีย เจอเพื่อนบ้าง เป็นความสุขง่ายๆ ครอบครัวสนับสนุนถือเป็นรางวัลชีวิต
– แม้เศรษฐกิจชะลอตัว แต่ 66% ของกลุ่มสูงวัยไม่ได้รับผลกระทบ ยังคงซื้อสินค้าที่ต้องการและอยากใช้เป็นปกติ
– ใช้จ่ายสูงในสินค้าที่ต้องการมากกว่ากลุ่มอื่น 2 เท่า
– 78% (Active Share) แชร์ประสบการณ์การใช้สินค้าและบริการที่รู้สึกว่าดีผ่านโซเชียลและคอมมูนิตี้ เรียกว่าเป็นนักรีวิวที่ดี
สินค้าและบริการที่กลุ่มสูงวัยใช้จ่ายมากกว่ากลุ่มอื่นๆ 2 เท่าตัว
สินค้าดูแลสุขภาพ 69%
อาหารและร้านอาหาร 62%
ของใช้ส่วนบุคคล 48%
การเงินและการลงทุน 46%
ของใช้สัตว์เลี้ยง 41%
ของใช้ในบ้าน 34%
แกดเจ็ตและไอที 25%
ท่องเที่ยวในประเทศ 22%
เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน 17%
สินค้า DIY 13%
พฤติกรรมการเสพสื่อของวัยเก๋า
– กลุ่มสูงวัยเสพสื่อตลอดวัน เพราะมีเวลาและไม่มีภาระ สัดส่วนการเสพสื่อของกลุ่มสูงวัยสูงกว่า Gen อื่นๆ และเปิดรับโฆษณาในทุกสื่อ
– ไลฟ์สไตล์วัยเก๋า 75% ตื่นเช้า 4.00-6.00 น. และ 61% นอนก่อน 22.00 น.
5.00 – 6.30 น. ดูสื่อทีวี 61% รายการ “ข่าว” เป็นข้อมูลที่กลุ่มสูงวัยเชื่อข้อมูล ดูการแข่งขันกีฬาแบบ Live จากทีวี
7.30 – 9.00 น. ใช้โซเชียลมีเดีย
– Facebook 65% Line 62% (เป็น 2 โซเชียลมีเดียที่สูงวัยใช้มากที่สุด) เข้าไปอยู่ในคอมมูนิตี้ที่สนใจ
– ใช้เวลากับโซเชียลมีเดีย 1-2 ชั่วโมงต่อวัน
– ติดตามคอนเทนต์และอินฟลูเอนเซอร์ ด้านสุขภาพและอาหาร
10.00 – 11.30 น. ดูยูทูบ 62%
11.30 – 14.30 น. ดูคอนเทนต์บันเทิงผ่านแพลตฟอร์ม OTT 61%
– 64% ดูได้ตามเวลาที่ต้องการ ทุกที่ทุกเวลา
– 56% ง่ายต่อการหาคอนเทนต์ที่เหมาะกับความสนใจ
– 45% มีคอนเทนต์มากกว่าทีวี
ท็อป5 แพลตฟอร์ม OTT ของกลุ่มสูงวัย TrueID แอปไทยรัฐ แอป oneD แอป VIU และ Netflix
14.30 – 16.00 น. กิจกรรมนอกบ้าน 59% ใช้ Line 57%
17.00 – 19.30 น. ดูทีวีพร้อมกินมื้อค่ำ 60%
19.30 – 21.00 น. เวลาครอบครัวดูแพลตฟอร์ม OTT 55% Facebook 50%
– กลุ่มนี้เปิดรับโฆษณาจากสื่อ 70% เพื่อดูข้อมูลซื้อสินค้า มีการคลิกโฆษณามากกว่ากลุ่มทั่วไป 2 เท่า
– เป็นกลุ่มที่ออกจากบ้าน จึงมีโอกาสเห็นโฆษณา OOH 63% สถานที่ที่กลุ่มสูงวัยไปเวลาอยู่นอกบ้าน คือ สวนสาธารณะ ฟิตเนส สปอร์ตคลับ ช้อปปิ้งมอลล์ ร้านอาหาร โรงเรียน(รับหลาน) ตลาดสด โรงพยาบาล และเวลเนส เซ็นเตอร์
3 กลยุทธ์เจาะใจวัยเก๋า
1.วัยเก๋าเป็นกลุ่มกำลังซื้อสูงและพร้อมจ่ายเพื่อสุขภาพ ความสุข และอิสระ
2. เป็นกลุ่มที่มี “ไพรม์ไทม์” ของตัวเอง เปิดรับสื่อทุกแพลตฟอร์ม เเบรนด์ต้องหาช่องทางสื่อสารในช่วงไพรม์ไทม์ของแต่ละสื่อ ไม่จำเป็นต้องเจาะแมสแต่พูดคุยเฉพาะกลุ่ม
3. ต้องสร้างความน่าเชื่อถือ จากสื่อที่วัยเก๋าเชื่อข้อมูลและช่องทางที่น่าเชื่อถือ
6. The Rural Gold Class กลุ่มต่างจังหวัดรุ่นใหม่รายได้สูง-จับจ่ายออนไลน์
คุณภูมิกิติ วันชาญเวช Strategic Planning Director, Mediabrands Content Studio กล่าวว่าประชากรไทยกว่า 63% อาศัยอยู่ต่างจังหวัด และกว่า 8 ล้านคนที่มีรายได้สูง ซึ่งมีขนาดเท่ากับประชากรในกรุงเทพฯ
– 76% คนกลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับคุณภาพของสินค้า
– 70% เชื่อมั่นในการลงทุน
– 56% มั่นใจในการจัดการบริหารจัดการทรัพย์สินของตัวเอง
– ทัศนคติของคนต่างจังหวัด เป็นคนที่ชอบเข้าสังคม ชอบอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ต้องการการยอมรับจากคนรอบข้าง ชอบเสี่ยงโชค เสี่ยงดวง ชอบแบ่งปันข้อมูลสินค้าและบริการให้กับคนในกลุ่มด้วยความคิดเห็นของตัวเอง พวกเขาจึงเป็น Tiny Influencer โดยไม่รู้ตัว
– คนทั่วไปเชื่อว่าคนกลุ่ม Rural Gold Class ในต่างจังหวัดเข้านอนเร็ว แต่จริง ๆ แล้วพวกเขานอนช่วง 21.00-24.00 น. ใช้เวลากับโซเชียล มีเดีย ดูทีวี (69% ใช้ทีวีรับข่าวสารและบันเทิง) ช้อปปิ้งออนไลน์ ชอบค้นหาและซื้อสินค้าหลังสามทุ่มถึงเที่ยงคืน
– ช่องทางจับจ่ายที่สำคัญของคนกลุ่มนี้คือ Online Chanel 75% โดยสัดส่วน 40% ช้อปออนไลน์คนละ 1,000-3,000 บาทต่อเดือน
– ส่วนช่องทางออฟไลน์ ร้านค้าริมถนน 70% ร้านสะดวกซื้อ 63% โชห่วย 62% ไฮเปอร์มารเก็ต/ซูเปอร์มาร์เก็ต 55% และช้อปปิ้งมอลล์ 54%
– 3 คอนเทนต์ที่โดนใจคนกลุ่ม Rural Gold Class
1. เรื่องจริงประสบการณ์จริง 59%
2. สรุปข่าว 49%
3. การ Live ขายของ 26%
– Solution สำคัญของกลุ่ม Rural Gold Class คือ Sellfluencer = Seller+Influencer โดยใช้คนดังประจำจังหวัด นักร้องท้องถิ่น (Local Influencer) ซึ่งมีอิทธิพลในการกระตุ้นและโน้มน้าวให้คนซื้อสินค้า
สรุป 3 กุญแจสำคัญเจาะกลุ่ม Rural Gold Class
1. 020 media การสื่อสารออนไลน์และออฟไลน์ยังสำคัญและใช้ได้ดี แบรนด์ต้องอยู่ในไพรม์ไทม์ที่แตกต่างกันในแต่ช่วงเวลา
2. Community Trust ให้คนดังในท้องถิ่นมาขายของ คนที่ผูกพันธ์กับพวกเขา สร้างให้เกิด Brand Love ได้
3. Share-Worthy Content คอนเทนต์ปังยังสำคัญ ต้องแชร์ได้แบบไม่เขิน ต้องสนุกและน่าติดตาม
“การทำความเข้าใจผู้บริโภคยุคใหม่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักการตลาด เพราะพฤติกรรม ค่านิยม และแรงจูงใจของผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างมากจากยุคก่อน โดยเฉพาะในโลกที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและข้อมูลอย่างทุกวันนี้ โอกาสทางธุรกิจ แบรนด์ที่เข้าใจอินไซต์ลูกค้าจะสามารถสร้างสินค้าและบริการที่ตรงใจ และวางกลยุทธ์การตลาดได้จากการเข้าใจข้อมูลพฤติกรรม ช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน” ดร.ธราภุช จารุวัฒนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารไอพีจี มีเดียแบรนด์ส (ประเทศไทย) กล่าว
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE





















