หากเอ่ยถึงหนึ่งในศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย “อิมแพ็ค เมืองทองธานี” คงเป็นชื่อที่ทุกคนคุ้นหู และเบื้องหลังความสำเร็จตลอดกว่า 2 ทศวรรษนี้ คือชื่อของ “พอลล์ กาญจนพาสน์” ผู้บริหารที่เข้ามารับไม้ต่อจากผู้ก่อตั้งอย่าง “คุณอนันต์ กาญจนพาสน์” ผู้เป็นพ่อในการทำหน้าที่สานต่อความสำเร็จของอาณาจักร MICE แห่งนี้ให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
BrandBuffet สัมภาษณ์พิเศษ “คุณพอลล์ กาญจนพาสน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) เผยให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ เบื้องหลังการตัดสินใจ และก้าวต่อไปของ “อาณาจักร อิมแพ็ค” ที่ไม่ได้เป็นเพียงศูนย์แสดงสินค้า แต่คือเมืองที่สมบูรณ์แบบซึ่งขับเคลื่อนด้วยอีเวนต์และไลฟ์สไตล์ ที่ครบทั้งศูนย์ประชุม ฮอลล์สำหรับจัดกิจกรรม-คอนเสิร์ต อาคารสำนักงาน โรงแรม คอนโด

คุณพอลล์ กาญจนพาสน์
“เราอยากตั้งชื่อของที่นี่เป็น Thailand International Exhibition Center คุณพ่อ (คุณอนันต์ กาญจนพาสน์ ) บอกว่าชื่ออะไร ไม่เห็นจะดีเลย ตอนหลังเราก็เลยถามว่าแล้วอยากชื่ออะไร คุณพ่อก็บอกว่าอยากชื่อ IMPACT ความหมายก็คือว่าอยากให้เป็นศูนย์ที่แบบ impact กับพื้นที่รอบๆ ตรงนี้ ก็เลยเป็นที่เกิดของชื่อ IMPACT แล้วก็สอดคล้องกับ Branding มาตลอด โดย IMPACT ย่อมาจาก International Multi- Purpose Arena Convention and Trade” คุณพอลล์ กล่าวถึงที่มาของชื่อ IMPACT
จุดเริ่มต้น “อิมแพ็ค” ในยุควิกฤต และชื่อที่มีความหมาย
คุณพอลล์ เล่าย้อนไปถึงช่วงที่กลับมาช่วยธุรกิจครอบครัวในปี 1998 ซึ่งเป็นช่วงหลังวิกฤตต้มยำกุ้งพอดี และเป็นช่วงที่อิมแพ็คกำลังก่อสร้างเพื่อรองรับการแข่งขันเอเชียนเกมส์ ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
“ตอนนั้นทุกคนก็บอกว่าอิมแพ็คสร้างไม่เสร็จแน่นอนสำหรับเอเชียนเกมส์” คุณพอลล์เผย แต่สุดท้ายก็สามารถสร้างเสร็จและจัดงานได้สำเร็จ ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่ทำให้เราเดินหน้าขยายพื้นที่ต่อเนื่องมาเรื่อยๆ”
สำหรับชื่อ “IMPACT” นั้น คุณพอลล์ เล่าว่าเป็นแนวคิดของคุณพ่อที่ต้องการให้ที่แห่งนี้เป็นศูนย์กลางที่สร้างผลกระทบ (Impact) เชิงบวกให้กับพื้นที่โดยรอบ โดยเป็นตัวย่อมาจาก: International Multi-purpose Arena Convention and Trade ผ่านมากว่า 26 ปี วันนี้ IMPACT สร้างการเติบโตจนมีระบบรองรับครบครันมากมายทั้งโรงแรม ฮอลล์ ตลอดจนการเข้ามาของรถไฟฟ้าสายสีชมพู ที่กลายมาเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นใหม่ในการอำนวยความสะดวกสบายแก่ผู้มาใช้บริการ
แม้จะยังไม่มีตัวเลขอย่างเป็นทางการที่ชี้ชัดว่ารถไฟฟ้าเพิ่มทราฟฟิกขึ้นเท่าใด แต่เชื่อว่าโดยรวมแล้วเป็นผลดีอย่างแน่นอน เพราะเป็นการเพิ่มทางเลือกที่สะดวกสบายให้แก่ผู้มาใช้บริการ ตลอดจนรองรับประชากรที่อาศัยอยู่ภายในพื้นที่เมืองทองธานีกว่า 300,000 รายในปัจจุบัน โดยเฉพาะในงานใหญ่อย่าง THAIFEX และ คอนเสิร์ตต่างๆ ที่มีผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก ซึ่งอิมแพ็คมีการประสานงานกับ BTS อย่างใกล้ชิดเป็นรายสัปดาห์ เพื่อเตรียมความพร้อมและเพิ่มความถี่ของขบวนรถให้สอดคล้องกับตารางอีเวนต์ เพื่อรองรับผู้เข้าร่วมงานจำนวนมหาศาล
“การมีรถไฟฟ้ามันก็ช่วยได้ ในแง่ที่คนมี Option เพิ่ม ว่าเข้าออกที่นี่ก็มีอีกทางเลือกหนึ่งและสะดวกสำหรับเขา ซึ่งหลังรถไฟฟ้าแล้วเสร็จ หากวัดตอนจัดงาน thaifex 2025 คนใช้รถไฟฟ้าเข้าพื้นที่ราว 1.6 หมื่นคนต่อวัน สามารถจำนวนลด 4,000 คันต่อวัน เมื่อเทียบกับการนำรถยนต์เข้ามาซึ่งถือว่าสร้างความสะดวกสบายและช่วยได้เป็นอย่างมาก” คุณพอลล์กล่าว
เปิดกลยุทธ์การเติบโต: “สร้างเพิ่ม” เพื่อครองตลาด
ย้อนไปจุดเริ่มต้นของ IMPACT ทุกคนรู้จักกันดีว่าเป็นสถานที่แรกในการจัดเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 13 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ “คุณพอลล์” บอกว่า ตอนนั้นเป็นช่วงที่เข้ามาบริหารใหม่ ซึ่งที่นี่คึกคักมาก เจ๋งอ่ะ มีแบบมีคนเชียร์มวย มีแบบนู่นนี่ มีกีฬาชกมวยที่ Arena มีวอลเลย์บอลยิมนาสติก แข่งเทนนิสอยู่ใน Hall แต่พอกีฬาหมดไปทุกอย่างก็จบ และเงียบทันที ทำให้ตอนนั้นก็ต้องมาคิดต่อว่าจะทำอย่างไร เพื่อสร้างที่นี่ให้คึกคักอย่างที่เป็นมา
“เนื่องจากไม่มีการทำ pre-marketing ไม่มีอะไร พอเราจัดเอเชี่ยนเกมส์เสร็จปุ๊ปก็เงียบไปประมาณ 9 เดือนเลย แบบไม่มีจัดอะไรเลย หยุดไปเลย เพราะก่อนหน้าชื่อก็ยังไม่ใช่เป็น IMPACT โลโก้ก็ยังไม่มี สีก็ไม่มี อะไรก็ไม่มีเลย ก็เหมือนแค่แบบเป็นสถานที่ในเมืองทองธานีที่เขารู้กันว่าจัดเอเชียน แล้วก็ตอนนั้นเราก็เริ่มมองว่า โอเค แล้วเราต้องตั้งชื่ออาคาร เราต้องมีโลโก้ เราต้องมี… การสร้างทีม Branding คือแบบทุกอย่างก็เริ่มหลังจากเอเชียนเกมส์จบ”
ส่วนการสร้างแบรนด์ IMPACT ให้แข็งแกร่ง “คุณพอลล์” บอกว่าในช่วงแรกที่อุตสาหกรรมไมซ์ (MICE) ในไทยยังมีคู่แข่งไม่มาก อิมแพ็คตัดสินใจใช้กลยุทธ์ “สร้างเพิ่ม” เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการพื้นที่จัดงานใหญ่ขึ้น เช่น งาน Bangkok Gems & Jewelry Fair ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้อิมแพ็คตัดสินใจขยายพื้นที่จาก 20,000 ตร.ม. เป็น 60,000 ตร.ม. และกลายเป็นผู้นำในตลาด
“ตอนนั้นเราก็สู้ด้วยว่าเรามีเท่าไหร่ เราก็ทุ่มเทสู้เข้าไปเลย เจ๊งก็เจ๊ง ช่างมัน” คุณพอลล์กล่าวถึงการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวในเวลานั้น
อนาคตของอิมแพ็ค: โรงแรมใหม่และโปรเจกต์ “IMPACT Next”
ปัจจุบันอิมแพ็คไม่ได้หยุดนิ่ง แต่กำลังเดินหน้าโปรเจกต์ใหม่เพื่อเติมเต็มความเป็นเมืองให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
- โรงแรมใหม่ 2 แห่ง: เตรียมเซ็นสัญญากับเครือฮิลตัน เพื่อสร้างโรงแรม Hilton (5 ดาว) 300 ห้อง และ Hilton Garden Inn (4 ดาว) 700 ห้อง ซึ่งจะทำให้มีห้องพักรวมกว่า 2,000 ห้อง เพื่อรองรับงานประชุมนานาชาติขนาดใหญ่
- IMPACT Next: โครงการที่มุ่งสนับสนุน “คอนเทนต์ ครีเอเตอร์” หรือผู้จัดงานรายย่อยที่เติบโตจากโลกออนไลน์ ให้สามารถจัดงานอีเวนต์แบบออฟไลน์ได้จริง โดยอิมแพ็คจะเข้าไปช่วยทั้งในด้านองค์ความรู้ การบริหารจัดการ และการลงทุน เพื่อสร้างอีเวนต์ใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นและเติบโตไปด้วยกัน
“เรามองว่าการสร้างแบรนด์ของเราส่วนหนึ่งมาจากลูกค้าที่มาจัดงานที่นี่ การที่ทำให้คนเห็นว่างานใหญ่ๆ ต้องจัดที่อิมแพ็ค มันก็เป็นภาพที่ติดไปเลย” คุณพอลล์กล่าวถึงแนวคิดที่ทำให้อิมแพ็คกลายเป็นจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งสำหรับทุกอีเวนต์ในวันนี้
แม้ IMPACT วันนี้จะดูสมบูรณ์แบบในสายตาหลายคน แต่ในมุมของ “คุณพอลล์” กลับบอกว่า “ยังไม่ complete” เพราะองค์ประกอบของเมืองที่แท้จริงยังต้องมีโรงพยาบาล, ศูนย์สุขภาพ, พื้นที่สีเขียว และโรงแรมอีกหลายพันห้อง เพื่อรองรับผู้คนและอีเวนต์ที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ “ถ้าเราจะเป็นเมืองจริงๆ เราต้องมีครบทุกอย่าง และเรายังมีพื้นที่ริมทะเลสาบให้พัฒนาได้อีกมาก”





