เป็นอีกหนึ่งเซสชั่นในงานสัมมนา ESGniverse 2025: Real – World of Sustainability : From Reports to REAL IMPACT ที่ได้รับความสนใจอย่างมากกับการเปิดภาพความยั่งยืนของนิคมอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ WHA Group โดยคุณจรีพร จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
ส่วนหนึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า ในภาพจำของผู้คน การเป็น “นิคมอุตสาหกรรม” มักถูกเชื่อมโยงกับปัญหามลพิษ ปัญหาสิ่งแวดล้อม และการใช้ทรัพยากรจำนวนมาก ซึ่งสวนทางกับแนวคิด “ความยั่งยืน” ที่เน้นเรื่องการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การดูแลชุมชน และการสร้างเศรษฐกิจภายใต้ความรับผิดชอบ อีกทั้งการจะเปลี่ยนโรงงานหรือทั้งนิคมไปสู่แนวทาง “Green Industry” หรือ “Carbon Neutral” ก็พบว่า มีงบประมาณและสิ่งที่ต้องลงทุนไม่น้อยเลย ทั้งด้านเทคโนโลยี พลังงานทางเลือก และการจัดการของเสีย ทำให้หลายบริษัทเลือกที่จะชะลอ หรือไม่เร่งลงทุน
แต่ภาพที่กล่าวมาอาจไม่ใช่สำหรับ WHA Group โดยคุณจรีพรได้เผยถึงแนวทางต่าง ๆ ของทั้ง 5 กลุ่มธุรกิจ ซึ่งจุดที่น่าสนใจอาจเริ่มตั้งแต่การบริหารจัดการน้ำ
“เราใช้น้ำเยอะมาก ปีหนึ่ง ๆ เราต้องจัดการเรื่องน้ำ 100 กว่าล้านลูกบาศก์เมตร เราสร้างน้ำเสียขึ้นมา 30-40 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ทำอย่างไรที่จะเอาน้ำนี้มา Recycle ซึ่งจะ Recycle อย่างเดียวมันก็ธรรมดาเกินไป ทำอย่างไรให้เป็น Value-added Water ขายเป็น Premium Water ได้ด้วย มันต้องมี Incentive แบบนี้ มันถึงจะน่าทำ”
การจัดการน้ำครบวงจรสไตล์ WHA
จากสิ่งที่กล่าวข้างต้น นิคมอุตสาหกรรมของ WHA จึงเลือกที่จะบริหารจัดการน้ำอย่างครบวงจร (Water Conservation Program) ตั้งแต่การจัดหาและพัฒนาแหล่งน้ำดิบเพื่อบริหารความเสี่ยงจากการขาดแคลนน้ำ, การผลิตและจำหน่ายน้ำอุตสาหกรรมหลากหลายประเภท เช่น Clarified Water, Demineralized Water, Water Reclamation การบำบัดน้ำเสียและระบบการนำน้ำเสียกลับมาใช้ใหม่เพื่อผลิตน้ำคุณภาพสูงสำหรับอุตสาหกรรม ซึ่งช่วยลดการใช้น้ำจากแหล่งธรรมชาติ และลดปริมาณน้ำเสียที่ปล่อยสู่สิ่งแวดล้อม

บึงประดิษฐ์เพื่อบำบัดน้ำเสีย ขอบคุณภาพจาก WHA Group
นอกจากนั้น ภายในนิคมยังมีการสร้างระบบบำบัดน้ำเสียแบบบึงประดิษฐ์ ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงการบริหารจัดการน้ำอัจฉริยะ อาทิ การใช้ AI, IoT, SCADA, Smart Meter (OCR) เพื่อควบคุมการบริหารจัดการน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดปริมาณน้ำสูญเสียในระบบ (Water Loss) และลดการใช้พลังงาน
ทั้งนี้ WHA Group ตั้งเป้าบริหารจัดการน้ำรวม 173 ล้าน ลบ.ม. ในปี 2568 และลดการใช้น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ 25 ล้าน ลบ.ม. ต่อปี ภายในปี พ.ศ. 2572 ซึ่งเทียบเท่าการใช้น้ำของประชากรกว่า 685,000 คน พร้อมต่อยอดการบริหารจัดการน้ำในอุตสาหกรรมไปสู่ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม
Green Mobility ขนส่งสีเขียวสู่เป้ารายได้ 2 พันล้านบาท
อีกหนึ่งธุรกิจที่เป็นกระแส และได้รับความสนใจอย่างมาก ก็คือ Mobility หรือการเดินทางขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในรูปแบบ Built-to-Suit (สามารถออกแบบได้ตามความต้องการของลูกค้า) ภายใต้แบรนด์โมบิลิกส์ (Mobilix) ซึ่งปัจจุบันประกอบด้วย
- บริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้า (EV Rental Service) เป็นบริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร
- สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (On Premise & Public EV Charging Solution)
- บริการเครื่องชาร์จและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคลและเชิงพาณิชย์
- โมบิลิกส์ซอฟต์แวร์โซลูชัน (Mobilix Software Solution) แพลตฟอร์มดิจิทัลอัจฉริยะสำหรับจัดการรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่
ทั้งนี้ ข้อมูลจาก WHA Group พบว่า ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 Mobilix ได้ให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้าไปแล้วกว่า 330 คัน ช่วยให้ผู้ประกอบการโลจิสติกส์สามารถเข้าถึงการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าและช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการขนส่งไปได้กว่า 600 ล้านบาท และมีการตั้งเป้าให้บริการรถยนต์ไฟฟ้า 20,000 คัน ภายในปี พ.ศ. 2572 ซึ่งจะช่วยลดก๊าซเรือนกระจก 280,000 ตัน CO₂e ต่อปี
ไม่เพียงเท่านั้น เพราะในแง่ของการมีแพลตฟอร์มยังทำให้ Mobilix สามารถบริหารจัดการเส้นทางเดินรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงสามารถวัดผลการขับรถของคนขับได้ด้วยว่ามีการหลับในหรือไม่ ที่สำคัญ ช่วยให้การจ่ายเงินค่าจ้างทำได้รวดเร็วมากขึ้น
“จริงๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะว่าแบตเตอรี่รถ EV แพงมากนะ ถ้าคนขับรถ ขับไม่ระวัง แบตเตอรี่จะเสื่อมสภาพเร็วมาก แต่พอมีการจัดเรื่องข้อมูล คนที่ควบคุมจะเห็นหมดเลยว่า คนขับรถแต่ละคนเป็นอย่างไร ถ้าเขาขับไม่ดีก็เรียกมาเตือน ซึ่งพอเขาขับดีขึ้น ก็ช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ได้อีก หรือพอเขาส่งงานเสร็จ เงินก็โอนเข้าบัญชีได้เลย”
สำหรับรายได้ คุณจรีพรเผยว่า Mobilix ทำได้ทะลุ 100 ล้านบาทแล้ว และได้มีการตั้งเป้าหมายว่า ในกรณีที่มีรถให้บริการแตะ 20,000 คัน ภายในปี 2029 Bottom line น่าจะทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท พร้อมระบุว่านี่คือ New Business ใหม่ของ WHA Group เลยนั่นเอง
แนวคิด “Win-Win” กับหลังคาโซลาร์เซลล์เพื่อ “ลูกค้า”

ขอบคุณภาพจาก WHA
แนวคิดการทำเพื่อลูกค้าอีกข้อที่น่าสนใจคือการเสนอติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์ให้กับลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรม โดยคุณจรีพรเผยว่า “ลูกค้าของเราส่วนหนึ่งเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ ซึ่งรถเมื่อผลิตออกมาก็ต้องการที่จอดรถจำนวนมาก ทำให้รถส่วนหนึ่งต้องจอดตากแดด นั่นจึงทำให้ทาง WHA เสนอว่า เราจะสร้าง Solar Car Park ให้ เพื่อให้รถที่เตรียมจะขายจะได้มีหลังคา แถมหลังคายังสามารถจ่ายไฟให้คุณได้ในราคา Discount ด้วย มันก็วิน-วิน กันหมดค่ะ เราช่วยให้ลูกค้าประหยัดเงินค่าไฟเยอะมาก”
ทั้งนี้ การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ของ WHA มีทั้งแบบบนหลังคา (Solar Rooftop) แบบทุ่นลอยน้ำ (Floating Solar) และแบบบนพื้นดิน (Solar Farm) ในพื้นที่โรงผลิตน้ำ โรงบำบัดน้ำเสีย อ่างเก็บน้ำ อาคารสำนักงาน ที่จอดรถ
รวมไปถึงติดตั้ง Solar LED สำหรับระบบแสงสว่างถนนภายในนิคม เพื่อเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน และลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล โดยจะเพิ่มกำลังผลิตติดตั้งจากโซลาร์ในปี พ.ศ. 2568 อีก 1.6 เมกะวัตต์ และทำให้ธุรกิจประหยัดค่าไฟได้ 6.2 ล้านบาทต่อปี
เรื่องเล่าของโปรเจ็ค “ขนมครก”
ตัวอย่างของการก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือ Green Construction ที่นำมากล่าวถึงภายในงานสัมมนา มีตั้งแต่ คลังสินค้า WHA Mega Logistics Center เทพารักษ์ กม. 21 (อาคาร B) ขนาดพื้นที่ 27,212 ตร.ม. ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน LEED Gold เวอร์ชั่น 4.1 BD+C ด้วยเทคนิคการออกแบบและพัฒนาอาคารภายใต้แนวคิด Passive Design ที่ช่วยลดการใช้พลังงาน พร้อมกับการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 140,000 กิโลกรัมคาร์บอนต่อปี
เช่นเดียวกับ WHA Tower ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อเดือนมีนาคม 2568 โดยอาคารดังกล่าวได้รับการออกแบบให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กับการสร้างพื้นที่สำนักงานโปร่งโล่งสูง 2.9 เมตร พร้อมกระจก 3 ชั้นที่กันความร้อนได้ 70% ช่วยประหยัดพลังงานจากระบบปรับอากาศ และรับแสงธรรมชาติเข้าสู่ภายในอาคาร ทั้งอาคารติดตั้งหลอดไฟ LED ประหยัดพลังงานได้ถึง 50%
นอกจากนี้ ในการพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรมใหม่ ได้มีการเลือกใช้วัสดุคาร์บอนต่ำในการก่อสร้าง ได้แก่ ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก ซึ่งเป็นปูนซีเมนต์ที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 30% การใช้ โพลิเมอร์เสริมความแข็งแรงด้วยใยแก้ว (Glass Fiber Reinforced Polymer) แทนเหล็กเส้น ซึ่งลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 90%
รวมถึงมีการนำคอนกรีตเหลือใช้มาหล่อบล็อกทางเดินที่สามารถลดปริมาณคอนกรีตเหลือใช้ได้ 191 ตัน โดยนำมาผลิตเป็นบล็อกปูพื้นรีไซเคิลได้ 5,500 บล็อก หรือที่คุณจรีพรเรียกว่าโปรเจ็คขนมครก, โครงการแปรรูปกากตะกอนเป็นปุ๋ยบำรุงดิน และโครงการรีไซเคิลไส้กรองน้ำเป็นตัวกั้นล้อและขอบคอนกรีต, โครงการชลบุรี คลีน เอ็นเนอร์ยี่ (CCE) หรือโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม ที่ในปี พ.ศ. 2567 สามารถกำจัดปริมาณขยะได้ 120,913 ตัน และเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าได้ 54,823 เมกะวัตต์ชั่วโมง เป็นต้น
WeCYCLE หนุนเศรษฐกิจหมุนเวียน
ทั้งนี้ WHA ยังมีโครงการ WeCYCLE ที่ดำเนินตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) โดยเน้นการคัดแยกขยะภายในพื้นที่ดำเนินงานของกลุ่มบริษัทเพื่อเข้าสู่กระบวนการ Recycle และ Upcycle ซึ่งเริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565 และมีความสำเร็จตามมามากมาย เช่น
- การเปลี่ยนขวด PET เป็นกระเป๋านักเรียน โดยสามารถลดขวดพลาสติกได้ 68 ตัน
- การแปรรูปกระดาษใช้แล้วเป็นสื่อการเรียนรู้ ช่วยลดขยะจากกระดาษได้ 176 ตัน
- การเปลี่ยนน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วเป็นเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) สามารถลดของเสียจากน้ำมันใช้แล้วได้ 2 ตัน
โครงการทั้งหมดนี้สามารถช่วยลดปริมาณคาร์บอนในบรรยากาศได้รวมทั้งหมด 378 ตัน CO₂e การมีส่วนร่วมของบริษัทต่างๆ กว่า 126 แห่ง
นอกจากนี้ WHA ยังมีโครงการอื่น ๆ สำหรับชุมชน เช่น การพัฒนาระบบ Smart Traffic เพื่อลดจำนวนอุบัติเหตุในนิคมอุตสาหกรรม, โครงการ Shine Brighter with WHA เพื่อติดตั้ง Solar Rooftop ในโรงเรียน, โครงการ WeCYCLE, โครงการปลูกป่า, โครงการ WHA Clean Water for Planet และการสร้างโอกาสทางอาชีพและเศรษฐกิจชุมชน ผ่านโครงการ WHA E-Job Pool เพิ่มโอกาสการจ้างงาน และพัฒนาศักยภาพแรงงานรองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม ส่งเสริมสินค้าท้องถิ่นผ่านโครงการ WHA ปันกัน เป็นต้น
องค์กรจะเติบโตยั่งยืนได้ต้องมี “ธรรมาภิบาล”
“1 – 2 ปีที่ผ่านมา ใครเล่นหุ้นบ้าง สะบักสะบอมไหมคะ มันคือเรื่อง Governance ซึ่งมีความสำคัญมาก ๆ เลย คนเราต้องเรียนรู้เรื่อง Governance ก่อนที่จะเอาบริษัทเข้าตลาดฯ ใครที่เข้าไปแล้วคิดจะ exit หรือไปทิ้งบอมบ์แบบนี้ก็ทำบาปเกินไป เราเชื่อเรื่องการมี Corporate Governance (CG) เพราะองค์กรที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนได้ต้องมีสิ่งนี้ค่ะ”
ปฏิเสธไม่ได้ว่า CG หรือ Corporate Governance คืออีกหนึ่งประเด็นที่ผู้บริหาร WHA Group ให้ความสำคัญ โดยคุณจรีพรกล่าวย้ำด้วยว่า การตั้งใจทำความดีเป็นสิ่งที่ต้องทำ ไม่ว่าองค์กรจะเจอกับสถานการณ์ที่ท้าทายเพียงใดก็ตาม
“พี่เจอคำถามนี้จากคนรุ่นใหม่เยอะมาก ว่าจะทำอย่างไร จะอยู่อย่างไร คุณไม่ต้องสนใจใคร เราจะทำดี เราจะตั้งใจดีแบบนี้พี่เชื่อว่าเราสามารถเติบโตได้ แล้วพี่ก็ยึดทัศนติแบบนี้มาตลอด พี่ทำอย่างนี้มาตลอด แล้วเราก็มีการเติบโตอย่างยั่งยืน เราก็ได้คนดี ๆ มาทำงานกับเรา ส่วนคนโกงคนทั้งหลายเขี่ยมันออกไปเลยค่ะ อย่าให้ที่ยืนในโลกนี้ เรื่อง Human เรื่องคนต้องสร้างนะคะ องค์กรไปต่อไม่ได้ เรื่องคนก็ไม่มาเช่นกันค่ะ”
ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า “ความยั่งยืน” สำหรับ WHA Group คือสิ่งที่จับต้องได้ ไม่ใช่เพียงแค่คำสวยหรูในรายงานหรือภาพลักษณ์เพื่อการสื่อสาร ที่สำคัญ ยังมีการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมในทุกมิติของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งแวดล้อม สังคม หรือธรรมาภิบาล และนั่นทำให้เราได้เห็นว่า ยักษ์ใหญ่อย่าง “นิคมอุตสาหกรรม” ก็สามารถเป็นต้นแบบของความยั่งยืนได้เช่นกัน










