เป็นที่ทราบกันดีว่า “อาการกลัววันอาทิตย์” ส่งผลกระทบต่อพนักงานหลายคน แต่ดูเหมือนว่า Gen Z จะมีความอ่อนไหวเป็นพิเศษต่อความกังวลนี้ เพราะมีผลการสำรวจของ Resume.io พบว่า พนักงาน Gen Z ประมาณ 1 ใน 5 ลาออกจากงานจากปัญหาดังกล่าว
สำหรับ “อาการกลัววันอาทิตย์” (Sunday Scaries) ได้ถูกบัญญัติไว้ใน Urban Dictionary เมื่อปี 2009 โดยเป็นคำที่ใช้เรียกคนทำงานที่กำลังเผชิญกับความเครียด และภาวะหมดไฟในระดับสูง รวมถึงผู้ที่เกิดความวิตกกังวลในช่วงก่อนเริ่มสัปดาห์ทำงาน ซึ่งมักจะเป็นช่วงเย็นวันอาทิตย์
จากการสำรวจ Resume.io ในกลุ่มชาวอเมริกัน 1,000 คน พบว่า 20.2% ของ Gen Z ระบุว่าพวกเขาลาออกจากงานเพราะอาการกลัววันอาทิตย์ และ 45.9% เคยคิดจะลาออก นอกจากนั้น 1 ใน 7 คนระบุว่า พวกเขาเกิดความวิตกกังวลในวันอาทิตย์ทุกสัปดาห์ และ 11.7% ลาออกจากงานเพราะอาการนี้
ด้านไมเคิล ไรอัน ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและผู้ก่อตั้ง MichaelRyanMoney.com กล่าวถึงอาการดังกล่าวว่า “Gen Z อาจเป็นกลุ่มแรกที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตมากกว่าความมั่งคั่ง โดยจะเห็นได้ว่า พวกเขาไม่ได้เปลี่ยนงานบ่อยเพียงเพราะขาดความมั่นคง พวกเขามองหาความสอดคล้องของงานกับจุดมุ่งหมายของตนเองด้วย ซึ่งหากพบว่าไม่มี พวกเขาก็จะลาออก”
อย่างไรก็ดี ปรากฏการณ์ดังกล่าวทำให้ชื่อเสียงของ Gen Z อาจไม่ดีนักในหมู่นายจ้าง โดยผลการสำรวจของ Intelligent.com เปิดเผยว่า 1 ใน 6 ของบริษัทต่าง ๆ ลังเลที่จะจ้างบัณฑิตจบใหม่ เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับความพร้อมในการทำงาน รวมถึงทักษะการสื่อสารและความเป็นมืออาชีพของพวกเขา และมีนายจ้างถึง 6 ใน 10 ราย ไล่บัณฑิตจบใหม่ที่เพิ่งได้รับการจ้างงานออกในปี 2024
เปิดสาเหตุงานกระทบสุขภาพจิต
เมื่อเปรียบเทียบถึงผลกระทบทางลบที่งานมีต่อสุขภาพจิต ผลการศึกษาพบว่า Gen Z มีแนวโน้มที่จะรายงานว่างานของพวกเขาส่งผลกระทบทางลบต่อสุขภาพจิตมากกว่า โดย 71.6% ระบุว่างานของพวกเขาส่งผลกระทบทางลบต่อความเป็นอยู่ที่ดีอย่างน้อยก็ในระดับหนึ่ง ในขณะที่ กลุ่มมิลเลนเนียล มีเพียง 44.6% ที่ตอบแบบนั้น และ Gen X มีเพียง 37.8%
ส่วนเบบี้บูมเมอร์ พบว่ามีคำตอบแบบนั้นเพียง 27.3%
ทั้งนี้ ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดอาการวิตกกังวลในวันอาทิตย์ ได้แก่ ภาระงานและกำหนดส่งงาน (33.1%) ภาวะหมดไฟและความเหนื่อยล้า (23.6%) ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว พนักงานระดับปฏิบัติการมีความเสี่ยงต่ออาการวิตกกังวลในวันอาทิตย์มากที่สุด (19.6%) นั่นเอง




