ปัจจุบันประเทศไทยมี Influencer และ Creator ราว 9 ล้านคน หรือเกือบเท่ากับจำนวนประชากรที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ โดยมีอินฟลูเอนเซอร์ที่ทำเป็นอาชีพหลักราว 3 ล้านคน โดยเม็ดเงินในอุตสาหกรรมโฆษณาสื่อดิจิทัล สัดส่วนส่วนใหญ่ที่สุดราว 1 ใน 3 จะอยู่ที่การใช้ “อินฟลูเอนเซอร์” ในแพลตฟอร์มโซเชียลต่างๆ
สะท้อนให้เห็นว่าเครื่องมือการตลาดทรงพลังวันนี้ ที่เกือบทุกประเภทสินค้าใช้สร้างการรับรู้และยอดขายคือ Influencer Marketing
ในงาน SPLASH – Soft Power Forum 2025 จัดโดยสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB และสำนักงานส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ หรือ THACCA เปิดเวทีเสวนา SPARK Influencer Marketing Power for Event Creators เมืองแห่งเทศกาลผสานพลังอินฟลูเอนเซอร์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
คุณภวัต เรืองเดชวรชัย ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MI GROUP กล่าวว่าปัจจุบันประเทศไทยขับเคลื่อนด้วยโซเชียลมีเดีย ผู้คนจึงมีความสนใจและได้รับรู้ข้อมูลจากอินฟลูเอนเซอร์ที่ติดตามมากกว่าสื่อรูปแบบอื่นๆ โดยเม็ดเงินสื่อสารการตลาดด้าน Influencer Marketing เติบโตต่อเนื่องราว 30%
– พบว่า 67% ของนักการตลาดวางแผนเพิ่มงบประมาณการตลาดอินฟลูเอนเซอร์ และ 80% ของแบรนด์ใช้อินฟลูเอนเซอร์เป็นเครื่องมือหลักทั้งการสร้างการรับรู้และสร้างยอดขาย
– ผู้บริโภค 61% เชื่ออินฟลูเอนเซอร์ แต่เชื่อคอนเทน์ของแบรนด์ 38%
– โดย 70% ของวัยทีน เชื่ออินฟลูเอนเซอร์มากกว่า ดารา เซเลบ
เจาะสูตรสำเร็จ Influencer Marketing
จากจำนวนอินฟลูเอนเซอร์และครีเอเตอร์ที่ทำเป็นอาชีพราว 3 ล้านคน แบ่งเป็น
1. Celebrity & Mega
2. Macro Influencer
3. Mid-tier Influencer
4. Micro Influencer
5. Nano Influencer
– พบว่าเทรนด์การเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์ที่เติบโตสูงอยู่ในกลุ่ม Nano Influencer ผู้ติดตามหลักพันคน และ Micro Influencer ผู้ติดตามหลักหมื่นถึงแสนคน
– ปัจจัยหลักที่กลุ่ม Micro และ Nano Influencer ได้รับความสนใจและถูกเลือกใช้ทำ Influencer Marketing เป็นเพราะเป็นสองกลุ่มนี้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้คนในโซเชียล ปัจจุบันคนไทยเข้าถึงโซเชียลมีเดีย 90% จึงมีพฤติกรรมเชื่อเพื่อน ไม่ได้เชื่อดารา เซเลบ เบอร์ใหญ่ เพราะ Micro และ Nano Influencer มีความเป็นเพื่อนและคนธรรมดามากกว่า
– ในสังคมยุค Subculture ที่มีความเชื่อ ค่านิยม ความสนใจ และรูปแบบการใช้ชีวิตที่แตกต่างหลากหลาย การทำคอนเทนต์ของ Micro และ Nano Influencer ถือเป็นกลุ่มที่สื่อสารตามความสนใจของ Subculture ต่างๆ ได้โดยตรง ทั้งเรื่องเฉพาะกลุ่มและภาษาท้องถิ่น
– ปัจจุบันนักการตลาดและแบรนด์มีงบประมาณจำกัด จึงเริ่มต้นด้วย Micro และ Nano Influencer
– รูปแบบการจ้างงาน Micro และ Nano Influencer ที่มีผู้ติดตามหลักพันคนถึงหมื่นคน นักการตลาดและแบรนด์จะเลือกใช้งานเป็นหลักร้อยคนถึงพันคน เพื่อผลักดันให้แคมเปญเกิดการมีส่วนร่วมของกลุ่มเป้าหมายและสร้างยอดขาย
– หลักสำคัญในการเลือกใช้ Micro และ Nano Influencer และวิธีการนำเสนอคอนเทนต์ คือต้องให้อิสระทางความคิดของแต่ละคน ที่มีฐานแฟนแตกต่างกัน และต้องมีเป้าหมายทางการตลาดที่ชัดเจน
– ส่วนกลุ่มดารา เซเลบ หรือ Maga Influencer เบอร์ใหญ่ มีผู้ติดตามหลักล้านคน แม้คนเชื่อน้อยกว่า Micro และ Nano Influencer แต่ยังมีความจำเป็นในการทำ Influencer Marketing เพราะมีจุดเด่นสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ได้เร็วกว่า
อินฟลูเอนเซอร์ไทยผู้ติดตามเติบโตสูง
คุณกฤต กฤตยาบาล Head of Media & Performance Adapter Digital Agency กล่าวว่าหลักการใช้ Influencer Marketing อย่างมีประสิทธิภาพคือต้องพยายามถอดรหัสว่าอินฟลูเอนเซอร์แต่ละคนมีความเหมาะสมกับงานของเรามากน้อยแค่ไหนและไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว
– จากข้อมูลของแบรนด์ต่างๆ ในการทำ Influencer Marketing พบว่าการใช้อินฟลูเอนเซอร์ จะทำให้กลุ่มเป้าหมายมีเอนเกจเมนต์หรือเข้าถึงแบรนด์ต่างๆ เพิ่มขึ้น 10 เท่า เมื่อเทียบกับช่องทางสื่อสารของแบรนด์เอง
– คนไทยติดตามโซเชียลมีเดีย ทำให้ตลาดอินฟลูเอนเซอร์ ประเทศไทย มีผู้ติดตามเติบโต 30% สูงกว่าหลายประเทศ
– แพลตฟอร์ม Facebook ยังเป็นอันดับ 1 ที่คนไทยใช้งานสูงสุด ตามด้วย TikTok และ LINE
– การใช้ช่องทางทำคอนเทนต์ของอินฟลูเอนเซอร์ 1 คน ใช้อย่างน้อย 3 แพลตฟอร์ม เพราะการเล่าเรื่องราวคอนเทนต์แต่ละแพลตฟอร์มต่างกันและเข้าถึงกลุ่มคนแตกต่างกัน
– เทรนด์ปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสนใจกับคอนเทนต์วิดีโอสั้น ที่สามารถเรียกยอดวิวได้มากที่สุด
ปัจจุบันตลาดและผู้บริโภคกระจายตัว (Fragmentation) การทำตลาดและสื่อสารแบรนด์ที่ต้องการกลุ่มเป้าหมายขนาดใหญ่จึงให้เห็นไม่มากแล้ว วันนี้โจทย์ต้องชัดเจนว่าต้องการกลุ่มเป้าหมายกลุ่มไหน เพื่อเลือกเครื่องมืออินฟลูเอนเซอร์ได้ถูกต้อง ไม่ว่าแบรนด์เล็กหรือแบรนด์ใหญ่ ก็สามารถใช้เครื่องมือ Influencer Marketing ได้เท่าเทียมกัน ทำให้เทรนด์อินฟลูเซอร์และครีเอเตอร์ยังเติบโตต่อได้
อ่านเพิ่มเติม






