HomeBrand Move !!“เบอร์เกอร์คิง” เปิดเกมใหม่ ผนึกพลัง “นารูโตะ” ขยับสู่ Nostalgia Marketing ดึงฐานลูกค้าใหม่ ดันยอดขายโต Double Digit

“เบอร์เกอร์คิง” เปิดเกมใหม่ ผนึกพลัง “นารูโตะ” ขยับสู่ Nostalgia Marketing ดึงฐานลูกค้าใหม่ ดันยอดขายโต Double Digit

แชร์ :

ร้านอาหารบริการด่วน หรือ QSR (Quick Service Restaurant) หนึ่งในเซกเมนต์ แข่งขันกันดุเดือด ทั้งในแง่ราคา ความคุ้มค่า และความเร็วในการให้บริการ ทำให้หลายแบรนด์ดังต่างงัดกลยุทธ์รูปแบบต่างๆ ออกมาใช้ในการดึงดูดลูกค้า 

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

 “เบอร์เกอร์คิง” (Burger King) ภายใต้การบริหารของไมเนอร์ ฟู้ด เลือกเดินเกมตลาดเชิงอารมณ์ คืออีกหนึ่งแบรนด์ที่ปรับตัวด้วยการดึงกลยุทธ์ Nostalgia Marketing ผ่านการคอลแลบกับแอนิเมะระดับโลก “Naruto”  โดยมีเป้าหมายเพื่อเจาะอินไซด์ผู้บริโภค Gen Y – Gen Z ที่เติบโตมากับตัวละครนินจาผู้ไม่ยอมแพ้ และมีความกล้าหาญ พร้อมสร้าง Brand Experience รูปแบบใหม่ที่ไม่ใช่แค่ขายเมนู แต่เชื่อมโยงอารมณ์ ความทรงจำ และความผูกพันในอดีตเข้ากับแบรนด์

 

การขยับหมากใหม่ของ Burger King: เมื่อ Pop Culture + Data + Nostalgia เติบโตแบบมีคุณภาพ

คุณอานัส นลินวิลาวัณย์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เบอร์เกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหารแบรนด์ “เบอร์เกอร์คิง” กล่าวว่า หลังการร่วมงานที่เบอร์เกอร์คิงมาตั้งแต่ปี 2009 ในช่วง 10 ปีแรก (2009–2020) แบรนด์เน้นเรื่องมาตรฐาน คุณภาพ รสชาติ ความปลอดภัย และการเทรนพนักงานอย่างเข้มข้น ซึ่งส่งผลให้ Burger King คว้ารางวัลระดับเอเชีย 3 ปีซ้อน และรางวัลระดับโลกในปี 2016

แต่หลัง COVID-19 พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะกลุ่มเจนวายและเจนแซด ที่ให้ความสำคัญกับความ “สนุก-แตกต่าง-มีความหมาย” ทำให้ Burger King ปรับกลยุทธ์ด้วยการใช้ Data ที่มีอยู่ มาวิเคราะห์ร่วมกับ Pop Culture Insight เพื่อเชื่อมต่อกับพฤติกรรมลูกค้า และพัฒนาเป็นแคมเปญที่ “เข้าใจ-เข้าถึง-และเข้าตา” ผู้บริโภคมากขึ้น

 

 

ทำให้เชื่อมกลยุทธ์การตลาดแบบนอสทัลเจีย (Nostalgia Marketing) หรือกลยุทธ์ทางการตลาดที่ใช้ความรู้สึกคิดถึงอดีตและความทรงจำดีๆ ในอดีตของผู้บริโภค เพื่อสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์และกระตุ้นความรู้สึกเชิงบวกต่อแบรนด์หรือสินค้า โดยมักจะนำเสนอผ่านสินค้า การโฆษณา หรือประสบการณ์ที่ชวนให้นึกถึงอดีตที่ผู้บริโภคเคยสัมผัสและมีความผูกพัน

จากการศึกษาเชิงลึกของเบอร์เกอร์คิง พบว่า “นารูโตะ” เป็นแอนิเมะที่ติด Top 3 ของโลกในแง่ของฐานแฟนคลับ และยังมีการฉายบน Netflix อย่างต่อเนื่อง ทำให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหลักทั้ง Gen Y และ Gen Z ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมสะท้อนตัวตนของแบรนด์ในเรื่อง “ความกล้า” “ความฝัน” และ “ความเป็นผู้นำ” ซึ่งสอดคล้องกับดีเอ็นเอของเบอร์เกอร์คิงและไมเนอร์ฟู้ดอย่างลงตัว

Burger King หยิบอัตลักษณ์ความกล้า ฝันใหญ่ และความเป็นผู้นำของนารูโตะ มาเชื่อมโยงกับแบรนด์ที่ยืนหนึ่งเรื่องการสร้างความแตกต่าง และไม่กลัวที่จะ “เป็นตัวของตัวเอง” ในตลาดเบอร์เกอร์

 

 

“นารูโตะ สามารถต่อยอดและขยายลูกค้าไปได้อย่างไม่มีวันหยุด ซึ่งจะช่วยส่งเสริมแบรนด์ให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ไม่ใช่แค่ใครคนใดคนหนึ่ง แต่ทั้งเจน  x และเจน  y ให้หวนนึกถึงความสุขในวัยเด็กส่วนเจน z ให้หวนนึกถึงเทรนด์หรือ pop culture ได้ดี”

โดยการ Collab ครั้งนี้ทาง Burger King มุ่งสร้างความพิเศษผ่าน 3 ประสบการณ์ใหม่ สร้าง Top of Mind & เพิ่มการเข้าใช้บริการ พร้อมสร้าง Brand Experience ที่ตอบโจทย์ทั้งอารมณ์และเหตุผล ประกอบไปด้วย

   1. เมนูคอลแลบสุดครีเอทในธีมนารูโตะ

  • Naruto Whopper เบอร์เกอร์สูตรพิเศษที่เพิ่มชีส เบคอน เทอริยากิซอส และหอมเจียว บนวอปเปอร์ซิกเนเจอร์ มีให้เลือกทั้งเนื้อวัว และเนื้อหมู  โดยมีให้เลือกทั้ง นารูโตะ วอปเปอร์ ราคา 239 บาท , นารูโตะ วอปเปอร์ จูเนียร์ ราคา 169 บาท และ ดับเบิ้ล นารูโตะ วอปเปอร์ ที่มาพร้อมเนื้อย่าง 2 ชิ้นราคา 409 บาท
  • เมนูขนมหวาน ซันเด ส้ม คาราเมล ไอศกรีมซันเดย์ ราคา 35 บาท , ส้มคาราเมล โอริโอ้ ทอร์นาโด ไอศกรีมส้มปั่น ท็อปด้วยโอรีโอครัมเบิ้ล ราคา 49 บาท,พายส้ม สอดไส้แยมส้มและคาราเมล ราคา 35 บาท และมิลค์เชค ส้ม คาราเมล เครื่องดื่มปั่นผสมผสานระหว่างส้มและคาราเมล ราคาเริ่มต้น 59 บาท

.     2. ฟิกเกอร์ “นารูโตะ” ลิขสิทธิ์แท้ 8 ตัวละครจากญี่ปุ่น แบบลิมิเต็ดคอลเลกชัน  5,000 ชิ้น พร้อมแพ็กเซตสะสม ดึงดูดนักสะสมและแฟนพันธุ์แท้ เพียงซื้อเซตเมนูนักเกต 3 ชิ้น พร้อมเครื่องดื่ม 1 แก้ว คู่กับ นารูโตะ วอปเปอร์ จูเนียร์ ราคาเซตละ 299 บาท / 369 บาท / 599 บาท รับทันทีฟิกเกอร์ 1 ชิ้น หรือจะเลือกสั่ง Toy Set ที่มีจำกัดเพียง 2,000 เซต รับฟิกเกอร์ครบทั้ง 8 แบบทันที (เฉพาะสาขาท่องเที่ยวเท่านั้น) 

3. พลิกโฉม เบอร์เกอร์ คิง สาขารัชดา ให้กลายเป็น Concept Store ธีมนารูโตะ พร้อมมุมถ่ายรูปสุดชิค เปลี่ยนร้านให้กลายเป็นแลนด์มาร์กใหม่ของแฟนๆ นารูโตะ และสายโซเชียล ต่อยอดเป็น User-generated content บนออนไลน์

 

 

การจับมือกันครั้งนี้เบอร์เกอร์คิงตั้งเป้าว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายช่วงแคมเปญ 10-15% (ในช่วงแคมเปญ) และเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ 5-7% ในระยะยาว พร้อมเพิ่ม “Occasion” หรือความถี่ในการเข้าร้านมากขึ้น จากปัจจุบันที่ลูกค้าเข้าร้านเฉลี่ย 2-3 ครั้งต่อเดือน 

นอกจากนี้ยังการสร้างการเข้าถึงผ่านฐานลูกค้าผ่านแฟนคลับของนารูโตะแล้ว การ Collab ดังกล่าวยัง เป็นกลยุทธ์สำคัญในการขยายทางเลือกให้ลูกค้าเห็นภาพของเมนูนอกเหนือจากเบอร์เกอร์ เช่น โจ๊ก ข้าวเหนียว หรือเมนูมื้อเช้า ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 20-30% และหวังว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

 

“การผนึกกำลังนารูโตะเป็นการสร้างการเข้าถึงลูกค้าและเมนูในร้านมากยิ่งขึ้น โดยลูกค้าจะได้เห็น เมนูอื่นๆในร้านที่ไม่คุ้นเคย ตั้งแต่เมนู โจ๊ก ข้าวเหนียวฯลฯ ซึ่งเป็นเมนูที่แฟนๆเบอร์เกอร์คิงรู้จักดีอยู่แล้ว แต่ลูกค้าใหม่จะยังไม่รู้จักมากนัก เป็นการให้ลูกค้าที่ไม่เคยเข้ามาใช้บริการได้เห็น สั่งซื้อ และทดลองมากขึ้น” คุณอานัสกล่าว 

 

ปรับการขยายสาขาเปิดน้อย…แต่โตจริง กลยุทธ์ขยายสาขาแบบแม่นยำ

ด้านภาพรวมการขยายสาขาในปีนี้ “คุณอานัส” บอกว่า ปีนี้จะเป็นปีแรกที่บริษัทที่มีการขยายสาขาน้อยลงเหลือราว 4 สาขาในครึ่งปีหลัง โดยจะโฟกัสการบริหารจัดการภายในสาขาเดิมให้ได้ผลกำไรที่ดี การเติบโตที่เพิ่มสูงขึ้น ให้ครอบคลุมบริการในแต่ละพื้นที่ Trade Zone ให้มากขึ้น

หากมองย้อนกลับไปในช่วงปี 2019-2020 เบอร์เกอร์คิงเปิดสาขาเฉลี่ย 15 แห่งต่อปี แต่ในปีนี้เลือก “เปิดน้อย…แต่คุณภาพสูง” เพียง 5-10 สาขา เพื่อเพิ่มกำไรต่อสาขา โดยตั้งเป้าให้สาขาใหม่สามารถคืนทุน (Payback) ภายใน 2 ปี จากที่เคยใช้เวลานานถึง 7-8 ปีในอดีต ปัจจุบันมีทั้งหมด 102 สาขาทั่วประเทศ

 

มุ่งสู่ Value for Money + กลยุทธ์ Size Down รับกำลังซื้อ

คุณอานัส ยังบอกอีกว่า ภาวะเศรษฐกิจทำให้ผู้บริโภคต้องการความคุ้มค่า เบอร์เกอร์คิงจึงปรับดึงอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญอย่างด้านไซซิ่ง เช่น เบอร์เกอร์ไซซ์เล็ก ราคา 79-89-99 บาท พร้อมเมนูหมวด Value Meals มากขึ้น รวมถึงโปรโมชั่นที่ดึงดูดมากขึ้นผ่านช่องทางต่างๆ โดยเฉพาะโปรโมชั่นให้ลูกค้าสั่งผ่าน BK App ที่ปัจจุบันมีสมาชิก 200,000 คน และแอคทีฟ 50,000 คน โดย Delivery ยังถือสัดส่วน 35% ของยอดขายรวม

แม้จะยังไม่มีแผนเปิดสาขาในโซนท่องเที่ยวมากนักในช่วงนี้ เนื่องจากพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าท่องเที่ยวยังไม่กลับมาเต็มที่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อแบรนด์ที่ต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวแทบทั้งสิ้น แต่เบอร์เกอร์คิงยังคงมุ่งรักษาอัตราการเติบโต 10-12% และเตรียมเปิดตัวเมนูใหม่ในไตรมาส 4 เพื่อดึงกำลังซื้อกลับมาอีกครั้ง โดยวางเป้าหมายการเติบโตแบบดับเบิ้ลดิจิต หรือตั้งแต่ 10-12% ในช่วงสิ้นปี

“ตัวเลขการเติบโตของเรา จนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 10-12% แน่นอนความท้าทายในช่วงครึ่งปีหลังนี้คือการรักษาการเติบโตให้อยู่ในระดับเดิมให้ได้ ท่ามกลางความท้าทายของจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง ซึ่งกระทบต่อ 14 สาขาหลักในทำเลท่องเที่ยวของเรา  ซึ่งยังคงหวังว่ามาข่วงไตรมาส 4 นี้ นักท่องเที่ยวจะกลับมาคึกคักเช่นเดิม”


แชร์ :

You may also like