HomeBrand Move !!ร้านอาหารแข่งขันสูง MK GROUP ไตรมาสแรกรายได้-กำไร “ลดลง” เปิดแผนปี 68 ลุยโมเดลบุฟเฟต์-เสริมทัพแบรนด์ใหม่

ร้านอาหารแข่งขันสูง MK GROUP ไตรมาสแรกรายได้-กำไร “ลดลง” เปิดแผนปี 68 ลุยโมเดลบุฟเฟต์-เสริมทัพแบรนด์ใหม่

แชร์ :

บมจ. เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป สรุปผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2568  มีรายได้จากการขายและบริการ 3,541 ล้านบาท ลดลง 10.3% มีกำไรสุทธิ 234 ล้านบาท ลดลง 32.6% จากปีก่อนหน้า เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ภาระหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ระดับสูง ส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค รวมทั้งการแข่งขันสูงในธุรกิจร้านอาหาร

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

อีกทั้งกำไรขั้นต้นลดลงจากการทำโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขายและต้นทุนวัตถุดิบบางประเภทปรับตัวเพิ่มขึ้น

โครงสร้างรายได้ของ “เอ็มเค กรุ๊ป” แยกตามแบรนด์ดังนี้  สุกี้เอ็มเค 71%  ยาโยอิ 19%  แหลมเจริญ 6%  อื่นๆ 4%   โดยรายได้มาจากช่องทางรับประทานที่ร้านเป็นหลัก 84%

MK GROUP เปิดแผนปี 68 ชูกลยุทธ์ Value Strategy 

ปัจจุบัน MK GROUP เป็นผู้นำตลาดสุกี้ในประเทศไทยครองส่วนแบ่งกว่า 60% จากมูลค่ารวมตลาดกว่า 23,000 – 25,000 ล้านบาท 

คุณทานตะวัน ธีระโกเมน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าแม้ภาพรวมธุรกิจอาหารในปีนี้จะยังไม่เติบโตเท่าที่ควร โดยเฉพาะร้านอาหารเชนใหญ่  แผนธุรกิจปี 2568  “เอ็มเค” ต้องปรับตัวและวางแผนกลยุทธ์ที่ท้าทายยิ่งขึ้น ด้วย 3 แนวทางหลัก ภายใต้กลยุทธ์ Value Strategy 

– Value Creation: เน้นสร้างความคุ้มค่าและประสบการณ์ใหม่ ผ่าน Customer Insight

– Value Relationship: การทำ Segmentation การตลาดที่ศึกษา วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำมาพัฒนาสินค้าและสร้างประสบการณ์ใหม่ เพื่อรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว

– Value Accessible: เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงความคุ้มค่าและคุณภาพของสินค้าและบริการที่เข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น

ปัจจัยสำคัญของกลยุทธ์ในปีนี้ของธุรกิจร้านอาหารในเครือ คือการทำความเข้าใจความต้องการลูกค้าให้ได้มากที่สุด ควบคู่ไปกับการพัฒนาสินค้าและบริการ เพื่อสร้าง Value Creation เพิ่มประสบการณ์รอบด้านที่ตอบโจทย์ลูกค้า อีกทั้งยังมีเรื่องการปรับรูปแบบการสื่อสารที่สนุกสนาน เพื่อสร้าง Engagement อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับการกระตุ้นยอดขายด้วย Value Promotion ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่าที่สุดในการตัดสินใจซื้อ

ในส่วนของธุรกิจค้าปลีกที่กำลังมาแรง นอกจากน้ำจิ้มสุกี้ MK ยังมีชุดสุกี้ลูกชิ้นรวมมิตร, ชุดบะหมี่หยกลูกชิ้นรวมมิตร ล่าสุดกับบะหมี่เกี๊ยวกุ้งซุปสุกี้ CP x MK เพื่อสร้าง Brand Recall ให้กับแบรนด์ MK Restaurants และเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึง ซึ่งการพัฒนาสินค้าในกลุ่มนี้ยังมีแบบต่อเนื่อง โดยเตรียมออกเมนูน้ำจิ้มรสชาติใหม่ที่ต้องติดตามอัพเดตกันภายในปีนี้อีกด้วย

อีกหนึ่งไฮไลท์ที่จะตอกย้ำด้านการสร้าง Value Relationship อย่างแข็งแรงคือ การทำ Segmentation การตลาดที่ศึกษาและแบ่งกลุ่มลูกค้าอย่างละเอียด เพื่อนำข้อมูลเชิงลึกมาวิเคราะห์และวางแผนการตลาดให้ตรงกับความต้องการของแต่ละกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น (Data Personalization)

เริ่มจาก Group Member ครั้งแรกกับการเชื่อมต่อทุกแบรนด์ในเครือไว้ในที่เดียว ควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบ CEM (Customer Experience Management) เพื่อให้ตลอด Customer Journey สร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดและสิทธิพิเศษที่ตอบโจทย์ลูกค้ามากที่สุด และแบรนด์ยังรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว โดยได้รับประสบการณ์ที่หลากหลายและคุ้มค่ามากขึ้น (เตรียมเปิดตัวภายใน Q3)

รวมถึง Tourist Adaptation ที่จะปรับกลยุทธ์การตลาดและแบรนด์ให้สอดคล้องกับกลุ่มนักท่องเที่ยว เพื่อปรับสินค้าให้เหมาะสม และยังต้องทำความเข้าใจในวัฒนธรรม เพื่อการสื่อสารอย่างตรงจุด

ส่วนของ Local Store Marketing ที่ต้องเข้าถึงลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ด้วยการสำรวจพฤติกรรมและปรับกลยุทธ์ให้เหมาะกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในทำเลนั้น ๆ โดยจะมีการนำข้อมูลมาพัฒนาสินค้า ครีเอทโปรโมชั่น และปรับเมนูให้เข้าถึงมากขึ้น

ปรับโมเดลรูปแบบบุฟเฟต์-เปิดแบรนด์ใหม่

คุณธีร์ ธีระโกเมน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าปี 2568 จะเป็นปีที่สร้างความท้าทายของทาง MK GROUP ทั้งเรื่องการแข่งขันและสภาวะเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามการสร้างความพร้อมและความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของเครือในทุกด้านเป็นสิ่งสำคัญ โดยวางแผนขยายสาขา การพัฒนาระบบการจัดการหลังบ้าน รวมถึงการสร้างโอกาสใหม่ ๆ เพื่อสร้าง Value Accessible ให้มากขึ้น และเสริมความแข็งแกร่งในระยะยาว ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญให้ธุรกิจสามารถเติบโตแบบมั่นคงและยั่งยืนได้

ปัจจุบัน MK GROUP มีร้านอาหารในเครือทั้งหมด 13 แบรนด์ รวม 723 สาขา ทั้งในประเทศและ แฟรนไชส์ต่างประเทศ คือ MK Restaurants, MK Live, MK Gold, YAYOI, แหลมเจริญ ซีฟู้ด, HIKINIKU TO COME, HAKATA Ramen, MIYAZAKI, เลอ สยาม, ณ สยาม, BIZZY BOX (Grab&go), LE PETIT, Multi Brand และสาขาแฟรนไชส์ MK Restaurants สาขาประเทศญี่ปุ่น เวียดนาม ลาว, สาขาแฟรนไชส์ แหลมเจริญ ซีฟู้ด สาขาประเทศมาเลเซีย, MIYAZAKI สาขาประเทศลาว

ปี 2568 วางแผนจะมีขยายสาขาในประเทศ เพิ่มอีก 15 สาขา แบ่งเป็น MK Restaurants 5 สาขา, Yayoi 3 สาขา, แหลมเจริญ 5 สาขา และ HIKINIKU TO COME 2 สาขา

ในส่วนของการขยายแฟรนไชส์ต่างประเทศคือ แหลมเจริญ มีแผนจะเปิดเพิ่มอีก 2 สาขาที่ประเทศมาเลเซีย อีกทั้งยังมองหาผู้ลงทุนรายใหม่เข้ามาร่วมทุน (Master Franchise) เพื่อช่วยขยายธุรกิจร้านอาหารให้มากขึ้น โดยตลาดที่ยังคงให้ความสนใจคือ South East Asia เป็นหลัก

นอกจากนี้ยังมีแผนปรับโมเดลธุรกิจใหม่ โดยจะมี Store Conversion จาก MK Restaurants ปรับเป็นโมเดลรูปแบบบุฟเฟต์แทน (MK Buffet) และ แหลมเจริญ เตรียมปรับโมเดลให้ทันสมัยและเข้าถึงการทานอาหารทะเลได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

ในส่วนธุรกิจค้าปลีก นอกจากเรื่องพัฒนาสินค้าแล้ว ยังมีแผนขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า จากร้านสะดวกซื้อไปยังซูเปอร์มาร์เก็ตและไฮเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่มากขึ้น

การลงทุนธุรกิจใหม่และแบรนด์ใหม่ MK GROUP ยังคงมองหาบริษัทและสินทรัพย์ที่น่าสนใจอย่างต่อเนื่อง โดยคำนึงถึงความต้องการของผู้บริโภคเป็นหลักและแนวคิดในการดำเนินธุรกิจที่ไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อเข้ามาเติม Portfolio ให้แข็งแกร่งมากขึ้น 

ติดตามพวกเราได้ที่ LINE


แชร์ :

You may also like