ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในปีที่ผ่านมา แต่ “บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)” หรือ “mtl” สามารถทำเบี้ยประกันภัยรับรวมเติบโต 1.76% และเบี้ยรับใหม่เติบโต 13% เช่นเดียวกับปี 2568 นี้ที่คาดว่าจะยังรักษาการเติบโตของเบี้ยประกันชีวิตเป็น “บวก” ต่อไป พร้อมกับปักธงจะเป็น “คู่คิด” เบอร์ 1 ด้านการวางแผนชีวิตและสุขภาพที่คนวางใจ
mtl มีกลยุทธ์อย่างไร ตามมาเรียนรู้วิธีคิดจาก “คุณสาระ ล่ำซำ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) รวมถึงวิธีการที่จะไปให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้
Diversity สร้างเติบโตบนความท้าทาย
“ปีที่แล้วเป็นปีที่ดีของเรา โดยมีฐานลูกค้าทั้งหมด 3.8 ล้านคน เบี้ยประกันภัยรับรวมแตะ 71,800 ล้านบาท เติบโต 1.76% จากปี 2566 และมีเบี้ยประกันภัยรับใหม่เติบโต 13% ซึ่งเป็นการเติบโตในกลุ่ม Shield Life ถึง 42% และแบบประกันคุ้มครองโรคร้ายแรง เติบโต 24%”
คุณสาระเล่าความสำเร็จในปีที่ผ่านมา และบอกว่า Key Success สำคัญของความสำเร็จคือ การโฟกัสชัดเจนในเรื้่อง “Diversity” ทำให้ mtl สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันและบริการได้หลากหลาย ตอบทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่แตกต่างและซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิต ประกันชีวิตแบบบำนาญ ประกันชีวิตควบการลงทุน รวมถึงประกันสุขภาพและโรคร้ายแรง ซึ่งมีให้เลือกทั้งความคุ้มครองแบบเหมาจ่าย และแบบอะลาคาร์ต เช่น การตรวจสุขภาพ และค่าทำฟัน
“ถ้าคนในองค์กรไม่มีความหลากหลายและเจนเนอเรชั่นที่แตกต่าง เราไม่มีทางเข้าใจและพัฒนาโปรดักต์ประกันให้เข้าถึงคนแต่ละกลุ่มได้ เราจึงโอเพ่นในการคิดโปรดักต์เพื่อให้เราเข้าใจคนที่หลากหลายมากขึ้น”
มากกว่ามาร์เก็ตแชร์ ต้องเป็น “คู่คิด” เบอร์ 1
แม้ว่าปีที่ผ่านมา mtl จะทำผลงานออกมาได้ดี แต่คุณสาระ บอกว่า ทุกวันนี้ธุรกิจประกันชีวิตเปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อ 73 ปีที่แล้ว ที่คิดจะขายอะไรก็ผลิตออกมา แต่ในปัจจุบันมีความ Dynamic มาก อีกทั้งลูกค้าก็เข้าถึงข้อมูลรวดเร็ว แถมยังเจอกฎเกณฑ์และมาตรฐานบัญชีใหม่ TFRS17 ทำให้ mtl ไม่ได้โฟกัสแค่ส่วนแบ่งการตลาด แต่ต้องการจะเป็น “คู่คิด” เบอร์ 1 ด้านการวางแผนชีวิตและสุขภาพที่คนไว้วางใจ (Most Trusted Partner InLife & Health Planning) เพราะเชื่อว่า วิธีนี้จะทำให้เกิดความสุขและความพึงพอใจให้กับลูกค้า และนำมาสู่การ “เติบโต” อย่างยั่งยืน
“คุณสาระ ล่ำซำ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)
โดยกลยุทธ์ที่ mtl นำมาใช้ขับเคลื่อนธุรกิจสู่การเป็นคู่คิดในครั้งนี้ก็คือ การสร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับลูกค้า (Boost Your Happiness) เพราะเชื่อว่า ความสุขคือ ทุกอย่าง ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันให้เป็นมากกว่าโปรดักต์เดิมๆ และสามารถเข้าถึงคนได้มากขึ้น พร้อมกับสร้างประสบการณ์แบบไร้รอยต่อ จนทำให้คะแนน NPS (Net Promoter Score) ในปี 2567 ขยับขึ้นเป็น 75 คะแนน จาก 58 คะแนนในปี 2566
Boost Happiness ต้องเริ่มจาก “คน” ข้างใน
มาปีนี้ mtl จึงต้องการ Boost ความสุขและรอยยิ้มให้แรงมากขึ้น แต่การจะ Boost Happiness ให้ลูกค้ามากขึ้น คุณสาระ ยอมรับว่า ต้องเริ่มจาก “คนข้างใน” ก่อน ไม่ว่าเป็นพนักงาน ผู้บริหาร ตัวแทน ต้องมีความหลากหลาย และรอบรู้แบบมืออาชีพ เพราะการขายประกันไม่ใช่ขายแล้วจบ นั่นจึงทำให้ปีนี้ mtl จำเป็นต้องพัฒนาทักษะคนในองค์กรอย่างมาก โดยเฉพาะตัวแทนที่มีกว่า 15,000 คน และปีนี้จะเพิ่มเป็น 20,000 คน
โดยจะเพิ่มทักษะการใช้ข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ในทุกกระบวนการทำงาน รวมถึงทักษะด้านการสื่อสารและการบริหาร (Soft Skill) ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน (Expert Knowledge) และความเชี่ยวชาญในหลายมิติ ควบคู่กับการสร้างความสุขให้กับคนที่มีความหลากหลายให้ทำงานร่วมกันอย่างลงตัว
“วิธีพัฒนาคนของเราไม่ได้เป็นแบบ One Size Standard เราจะแบ่งพนักงานเป็นระดับ A B C D และ F เบื้องต้นจะวัดจากความถี่ในการขายแต่ละเดือน การใช้เทคโนโลยี การร้องเรียนของลูกค้า และจุดอ่อน จากนั้นก็จะเติมเต็มทักษะส่วนที่เขาขาดให้มีความแข็งแรงขึ้น”
คุณสาระ บอกว่า ปัจจุบันพนักงานส่วนใหญ่ยังรู้ในเชิงลึก ทว่าหลังจากนี้ไปคนจะรู้ในเชิงลึกและกว้างมากขึ้น ซึ่งจะทำให้สามารถสร้างความสุขให้กับลูกค้าได้เพิ่มมากขึ้น และทำให้ไม่ว่าจะเจอสถานการณ์อย่างไร แต่ปีนี้ mtl จะยังสามารถรักษาการเติบโตเอาไว้ได้ ทั้งยังจะขยับแบรนด์เข้าใกล้ความเป็นคู่คิดเบอร์ 1 ด้านการวางแผนชีวิตและสุขภาพขึ้นด้วย
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE