ตลอดหลายปีที่ผ่านมาตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ EV มีบทบาทสำคัญมากขึ้นในวงการยานยนต์ในประเทศไทย ไม่เพียงแต่ความนิยมในกลุ่มผู้ใช้งานทั่วไปเท่านั้น หากแต่กำลังขยายเข้าสู่การใช้งานในภาคอุตสาหกรรม-ขนส่ง-บริการต่างๆ เพิ่มมากขึ้น
บริษัท บาฟส์ อินเทค จำกัด หรือ BI คือบริษัทสัญชาติไทยในเครือของกลุ่มบริษัทบาฟส์ (BAFS Group) ผู้ให้บริการออกแบบ ผลิต ประกอบรถเติมน้ำมันอากาศยานแบบ Hydrant Dispenser, Refueler และ Refueling Cart และระบบให้บริการน้ำมันอากาศยาน ที่ปรับแผนการดำเนินงานพร้อมต่อยอดนวัตกรรมเพื่อรองรับเทรนด์สิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะเรื่องของ “รถเติมน้ำมันอากาศยานพลังงานไฟฟ้า EV” ออกมาอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดได้เปิดตัว รถเติมน้ำมันอากาศยานพลังงานไฟฟ้า EV Hydrant Dispenser แบบ High Flow คันแรกของอาเซียนออกมา มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้วยอัตราการเติมน้ำมันอากาศยาน ลดการปล่อยคาร์บอนในอุตสาหกรรมการบิน
ไม่เพียงแต่เป็นรู้จักในอาเซียนเท่านั้น BAFS ยังมองการณ์ไกลในการทำตลาดระยะยาว ที่ไม่ใช่แค่ด้านงานขายแต่คือการสร้างแบรนด์ให้รู้จักและน่าเชื่อถือ ผ่านงานระดับโลกอย่างมหกรรมแสดงสินค้าด้านเทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่ใช้ในสนามบิน ครั้งที่ 24 หรืองาน Inter Airport Europe 2023 ณ เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นครั้งแรกที่รถเติมน้ำมันอากาศยานของไทยถูกนำไปแสดงในเวทีระดับโลกอีกด้วย
จากประสบการณ์ที่ยาวนานกว่า 30 ปี สู่การ Diversify ธุรกิจสร้างความยั่งยืน
หม่อมหลวงณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS กล่าวว่า การระบาดของโควิดทำให้เราต้องมีการปรับแผนงานรองรับสถานการณ์ที่ไม่ปกติขึ้น ด้วยการ Diversify ธุรกิจเนื่องจากต้องการกระจายความเสี่ยงของ BAFS ที่ไม่พึ่งพารายได้จากขาเดียวเกินไป และเพื่อลดการนำเข้าจากต่างประเทศได้ จึงเลือกนำประสบการณ์ที่สะสมมานานอย่างการให้บริการเติมน้ำมันที่มีประสบการณ์กว่า 30 ปี มาต่อยอดศึกษาและจับมือกับพันธมิตร ในการพัฒนารถเติมน้ำมันอากาศยาน EV ขึ้นมาใช้ในสนามบิน ก่อนจะเตรียมพัฒนาไปยังการใช้งานในรูปแบบอื่นๆ ในอนาคต โดยเฉพาะอย่ายิ่งรถพลังงานไฟฟ้าให้บริการเฉพาะกิจ เช่น รถพยาบาล รถดับเพลิง เป็นต้น
หม่อมหลวงณัฐสิทธิ์ ดิศกุล
โดย บาฟส์ อินเทค ได้เปิดตัวรถเติมน้ำมันอากาศยานพลังงานไฟฟ้าครั้งแรกในรุ่น EV-HDC17LPM ซึ่งเป็นรถเติมน้ำมันอากาศยานแบบ Electric Hydrant Cart ที่ทำงานด้วยไฟฟ้าทั้งระบบ 100% ขึ้นในปี 2563 ก่อนที่ในปี 2564 เปิดตัวรถเติมน้ำมันอากาศยานขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า 100% หรือ EV Hydrant Dispenser แบบ Low Flow คันแรกในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยสามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 170 กิโลเมตร และให้บริการเติมน้ำมันได้เฉลี่ย 8 เที่ยวบินต่อการชาร์จไฟฟ้าเต็มหนึ่งครั้ง สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้สูงสุด 90% เมื่อเทียบกับรถเติมน้ำมันอากาศยานที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันดีเซล
และในปี 2565 ลงนามในสัญญาร่วมมือกับ บริษัท ITURRI ผู้นำการผลิตรถเติมน้ำมันอากาศยานระดับโลกจากประเทศสเปน ในการส่งชิ้นส่วนฯ มาประกอบรถเติมน้ำมันอากาศยานขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าประเภท EV DISPENSER ในไทย โดยมีเป้าหมายเจาะตลาดทั้งไทยและประเทศในอาเซียน ทั้งนี้เพื่อรองรับธุรกิจการบินฟื้นตัวและช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน
โดยในปี 2566 ได้เปิดตัวรถ EV Hydrant Dispenser แบบ High Flow คันแรกในประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียน ที่จัดแสดงในงาน Inter Airport Europe 2023 มิวนิก ประเทศเยอมนี ก่อนนำไปใช้ ณ สนามบินสุวรรณภูมิ
รถเติมน้ำมันอากาศยานพลังงานไฟฟ้า EV ของไทย กับจุดแข็งถูกกว่านำเข้าถึง 40%
สำหรับรถเติมน้ำมันอากาศยานพลังงานไฟฟ้า EV Hydrant Dispenser แบบ High Flow ของ BAFS คันล่าสุดนี้เป็นรถเติมน้ำมันอากาศยานที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% นี้ สามารถเติมน้ำมันอากาศยานด้วยอัตราการไหล 3,400 ลิตรต่อนาที (Flow Rate 3,400 LPM) ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงสุดถึง 90% เมื่อเทียบกับรถเติมน้ำมันอากาศยานที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันดีเซล มีขนาดเล็ก กะทัดรัด มีความคล่องตัวในการใช้งาน เสียงรบกวนต่ำ สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 244 กิโลเมตร เติมน้ำมันเฉลี่ยได้ 15 เที่ยวบินต่อการชาร์จไฟฟ้าเต็ม 1 ครั้ง และยังมีการผลิตที่สอดคล้องตามมาตรฐานสากลโดย Joint Inspection Group (JIG)
“สิ่งที่ทำให้รถของ บาฟส์ อินเทค ได้เปรียบคือ ราคาที่ถูกกว่ารถนำเข้ามากกว่า 40% หรือราคาเฉลี่ย 8-16 ล้านบา นอกจากนี้ยังมีระยะเวลาการผลิตเพียง 7 เดือน ซึ่งน้อยกว่าการสั่งจากรถยุโรปที่ใช้เวลาทั้งกระบวนการนานกว่า 1 ปี และมีราคาสูงถึง 30 ล้านบาท”
ทั้งนี้ปัจจุบัน บาฟส์ อินเทค ส่งมอบรถเติมน้ำมันอากาศยานไปแล้วกว่า 20 คัน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และมีกำหนดส่งมอบภายในปี 2567 จำนวน 8 คัน ตั้งเป้ารุกตลาด EV ในธุรกิจ Aviation ศึกษาและพัฒนาการผลิตรถเติมน้ำมันอากาศยาน EV Refueller โดยวางแผนขยายบริการไปยังธุรกิจ Airport Ground Support Equipment (GSE) อาทิ EV Airport Shuttle Bus, EV Baggage Tractor, EV Service Pickup โดยตั้งเป้าหมายภายในปีนี้ บาฟส์ อินเทค จะสามารถสร้างรายได้ราว 200 ล้านบาท
ขณะที่แผนงาน 3-5 ปี นับจากนี้บริษัทได้โฟกัสการทำตลาดไปที่ภูมิภาคอาเซียน ทั้งในเวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และวางเป้าหมาย 5 ปี บริษัทจะต้องมีส่วนแบ่งในภูมิภาคอาเซียนอย่างน้อย 50% (ในตลาดรถเติมน้ำมันอากาศยานพลังงานไฟฟ้า) และมีรายได้ที่ 800 ล้านบาท