ภาพจาก FB : Sirikunya Tansakul
หลังการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา ปรากฏว่า “พรรคก้าวไกล” เป็นพรรคที่ได้จำนวน ส.ส.มากเป็นอันดับ 1 ด้วยจำนวน 151 ที่นั่ง ทำให้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งไม่เพียงจะทำให้ “คุณทิม-พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” กลายเป็นที่จับตามองอย่างมากในฐานะว่าที่นายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในประเทศไทย แต่ “คุณไหม-ศิริกัญญา ตันสกุล” รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจยังเป็นอีกหนึ่งคนที่ได้รับการพูดถึงจากคนในแวดวงเศรษฐกิจไม่น้อยโดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังมีกระแสข่าวว่าเธอเป็นหนึ่งในตัวเต็งที่จะมานั่งเก้าอี้ “ขุนคลัง” ในรัฐบาลของว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทย
และหากไม่พลิกโผ เธอคนนี้จะเป็น “ผู้หญิงคนแรก” ในประวัติศาสตร์ของไทยที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง วันนี้ Brand Buffet จึงพามาทำความรู้จัก “คุณศิริกัญญา ตันสกุล” หนึ่งในผู้หญิงที่กำลังเป็นที่จับตามองมากที่สุดในตอนนี้ให้มากขึ้น
ดีกรี-ความสามารถไม่ธรรมดา
แม้คุณศิริกัญญาจะเป็นน้องใหม่ในแวดวงการเมือง และอายุยังน้อย เพียง 42 ปี เมื่อเทียบกับหัวหน้าทีมเศรษฐกิจคนอื่นๆ แต่หากย้อนดูประวัติและประสบการณ์ทำงาน ก็ต้องบอกว่ามีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ โดยเธอเรียนจบปริญญาตรี ด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และจบปริญาโท สาขา Economics, Market and Organization, จาก Toulouse School of Economics ประเทศฝรั่งเศส และปริญญาโท ด้านเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ภาพจาก FB : Sirikunya Tunsakun
จากนั้นก็ทำงานเป็นนักวิจัยที่สถาบันวิจัยเพื่อการศึกษาพัฒนาประเทศ (TDRI) และสถาบันอนาคตไทยศึกษา พอถึงปี 2560 เธอก็ลาออกไปรับตำแหน่ง Senior Consultant ที่บริษัท ดิแอดไวซ์เซอร์ จำกัด ก่อนจะตัดสินใจก้าวสู่เส้นทางการเมืองจากการชักชวนของคุณชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้มาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายของพรรคอนาคตใหม่ โดยชื่อของเธอเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นหลังจากได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 15 และโดดเด่นขึ้นเมื่อก้าวเข้ามารับตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และล่าสุดเธอกำลังถูกจับตามองอีกครั้ง ในฐานะที่เป็นหนึ่งใน “ตัวเต็ง” ว่าที่ “ขุนคลัง” หญิงคนแรกของไทย
3 นโนยบายเด่น ทำทันทีใน 100 วันแรก
เมื่อส่องนโยบายด้านเศรษฐกิจที่เสนอไว้ระหว่างหาเสียง จะพบว่ามีหลายนโยบายที่สะท้อนความคิดนอกกรอบ และการแหวกข้อจำกัดเดิมๆ ไม่น้อยเช่นกัน โดยนโยบายที่ถูกจับตามองมากที่สุดคือ การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นวันละ 450 บาททันทีภายใน 100 วันแรกหลังตั้งรัฐบาล และจะปรับขึ้นทุกปีตามค่าครองชีพและการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เพื่อให้แรงงานมีรายได้เหมาะสมกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน
อีกหนึ่งนโยบายสำคัญคือ “หวยใบเสร็จ” เป็นนโยบายที่คุณศิริกัญญามองว่าจะเข้ามาเพิ่มความเข้มแข็งให้กับ SMEs ไทย ที่มีกว่า 3 ล้านราย ซึ่งเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญของเศรษฐกิจสามารถแข่งขันกับทุนใหญ่ได้ ทั้งยังจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้คึกคักขึ้น ด้วยการจูงใจให้ประชาชนอุดหนุนสินค้า SMEs เช่น เมื่อซื้อสินค้าครบ 500 บาท สามารถนำใบเสร็จไปแลกรับสลากกินแบ่งรัฐบาลได้ 1 ใบ โดยจำกัดไม่เกิน 2 ใบต่อคนต่อเดือน และกำหนดไม่เกิน 10 ล้านคนต่อเดือน
นอกจากนี้ ยังมีนโยบาย “ค่าไฟแฟร์” ถูกและเป็นธรรม โดยในปีแรกจะลดค่าไฟฟ้าให้อย่างน้อย 70 สตางค์ต่อหน่วย (เฉลี่ยบ้านละ 150 บาท) เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนและธุรกิจที่ต้องแบกรับต้นทุนค่าไฟฟ้าสูง โดยจะเจรจาสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับทุนใหญ่พลังงานใหม่ เพื่อลดต้นทุน พร้อมกับเปิดเสรีโซลาร์เซลล์ (Net Metering) เพื่อให้หลังคาบ้านที่อยู่อาศัยสามารถผลิตไฟฟ้าใช้ได้เอง ขณะที่ส่วนที่เหลือสามารถจะขายกลับเข้าระบบได้ และสร้างรายได้ให้คนไทยได้
ด้วยความรู้ความสามารถด้านเศรษฐกิจที่ครบเครื่อง ทั้งเศรษฐกิจมหภาคและจุลภาค บวกกับนโยบายที่กล้าคิดนอกกรอบจากเดิม จึงไม่ต้องแปลกใจที่ชื่อของเธอจะเป็นหนึ่งในตัวเต็งว่าที่ รมต.คลัง ซึ่งเราต้องจับตากันว่า สุดท้ายแล้ว “คุณศิริกัญญา ตันสกุล” จะถูกเลือกมาเป็นขุนคลังหญิงคนแรกของไทยหรือไม่? ท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้า และเสียงวิพากย์วิจารณ์นโยบายของเธอ ในเวลานี้