HomePR Newsซิกน่า จับมือ ‘นิ้วกลม’ นักเขียนและนักคิดชื่อดัง เผยวิธีเยียวยาความทุกข์ และแนวทางขจัดความเครียด [PR]

ซิกน่า จับมือ ‘นิ้วกลม’ นักเขียนและนักคิดชื่อดัง เผยวิธีเยียวยาความทุกข์ และแนวทางขจัดความเครียด [PR]

แชร์ :

เชื่อว่าขึ้นปีใหม่ 2020 นี้ หลาย ๆ คนคงตั้งเป้าหมายใหม่ ๆ ให้กับชีวิต เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่การผจญภัยของชีวิตในปีใหม่นี้ บริษัท ซิกน่า ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ผู้เชี่ยวชาญด้านประกันสุขภาพระดับโลกจากประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีพันธกิจในการช่วยพัฒนาสุขภาพ ชีวิต และความเป็นอยู่ของลูกค้าให้ดีขึ้น จึงใช้โอกาสนี้ในการแนะนำรายการ Jigsaw For Good Life ที่ดำเนินรายการโดย “นิ้วกลม” หรือ คุณสราวุธ เฮ้งสวัสดิ์ นักเขียนและนักคิดชื่อดัง เพื่อแนะนำวิธีเยียวยาความทุกข์และแนวทางขจัดความเครียด พร้อมวิธีเสริมสร้างคุณภาพชีวิตให้คิดบวกเป็นสองเท่า

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

จากผลสำรวจคะแนนสุขภาพและความเป็นอยู่แบบ 360° ของซิกน่า พบว่า “ความเครียด” คือจุดศูนย์กลางแห่งปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทั้งในด้านสุขภาพกาย และสุขภาพจิตของคนไทย ซึ่งผลกระทบดังกล่าวนั้นสามารถสร้างความเสียหายถึงชีวิต ด้วยพันธกิจหลักในการสนับสนุนให้ผู้คนมีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้นในทุก ๆ ด้าน ซิกน่าจึงได้ร่วมกับคุณ “นิ้วกลม” จัดทำรายการ Jigsaw For Good Life รายการ Podcast ที่พูดคุยเกี่ยวกับประเด็นที่เป็นปัญหาสังคมในปัจจุบันและวิธีการรับมือ อาทิ พูดคุยเกี่ยวกับความคาดหวังของผู้ใหญ่และเด็กในสังคม ในตอน “คนรุ่นใหม่ vs ผู้ใหญ่ เมื่อความดีของเราไม่เหมือนกัน” พูดคุยเกี่ยวกับภาวะเหนื่อย หมดไฟ ไม่มีกำลังใจ เครียด ซึมเศร้า ในตอน “พบจิตแพทย์ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด feat. นพ.ภุชงค์ เหล่ารุจิสวัสดิ์”

ไม่เพียงแต่รายการดี ๆ ที่ซิกน่าจัดขึ้นเพื่อให้ความรู้แก่บุคคลทั่วไปเท่านั้น ซิกน่ายังได้คิดค้น ‘เครื่องมือวัดระดับความเครียด’ เครื่องแรกของโลกขึ้น เพื่อให้คนไทยสามารถเข้าทดสอบวัดระดับความเครียดที่ไม่สามารถมองเห็นได้ ผ่านแคมเปญ “เผยความเครียดที่มีตัวตน” (SEE STRESS DIFFERENTLY) เพื่อสร้างความตระหนักรู้ในตัวตนของความเครียด และพร้อมเตรียมแผนรองรับความเครียด (PLAN) ได้ด้วยตนเองแบบง่ายๆอีกด้วย\

ทั้งนี้ซิกน่ายังได้รวบรวมวิธีสลายความเครียดง่ายๆมาให้ตาม PLAN ดังนี้

1. เลือกช่วงเวลาว่างในแต่ละวันและคิดถึงสิ่งต่าง ๆ ในแง่บวก (P : Period of time to unwind)

หากคุณกำลังตกอยู่ในสภาวะความเครียด ไม่ว่าจะกับเรื่องอะไรก็ตาม อันดับแรกให้นั่งพักสักครู่แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อผ่อนคลายตนเอง แล้วคิดถึงสิ่งต่าง ๆ ในแง่บวก และใช้เวลาหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ในการทบทวนเป้าหมายที่คุณตั้งไว้เพื่อจัดการกับระดับความเครียดของคุณให้ดียิ่งขึ้น

2. ผ่อนคลายตนเองด้วยวิธีง่ายๆ (L : Location that is stress reducing)

การผ่อนคลายเพื่อลดความเครียดนั้นทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการผ่อนคลายทางร่างกาย หรือทางจิตใจ เช่น การฝึกหายใจ การออกกำลังกาย การฝึกเกร็งและคลายกล้ามเนื้อ การนวด การรับประทานอาหาร การอาบน้ำอุ่นหรือ การสร้างอารมณ์ขัน การดูภาพยนตร์ การฟังเพลง การทำสมาธิ หรือ ไปยังสถานที่จะช่วยให้คุณมีสมาธิและสบายใจ เป็นต้น

3. ค้นพบให้เจอว่าแท้จริงแล้ว ความสุขในชีวิตคืออะไร (A : Activity to enjoy)

หากชีวิตของคุณต้องเจอกับเรื่องราวต่าง ๆ มากมายที่เข้ามาบั่นทอนหัวใจจนทำให้เสียทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต ในกรณีที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้คุณลองมานั่งทบทวนตัวเอง หาความสุขที่แท้จริงในชีวิต บางทีสิ่งที่คุณคิดว่าทำแล้วมีความสุข เช่น การทำงานวนลูปติดกันตลอด 24/7 นั้น อาจจะเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดความเครียดชั้นดีเลยทีเดียว หากคุณลองหาอะไรทำที่ไม่ต้องยึดติดกับสิ่งต่าง ๆ เลือกกิจกรรมที่ไม่ต้องลงทุนอะไรมากมายแต่สามารถสร้างแรงบันดาลใจ และทำให้คุณสนุกได้ หรือแม้กระทั่งการมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกับคนรอบตัวก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้คุณสามารถหลุดออกจากวังวนความเครียดนั้นไปได้อีกทางหนึ่ง

4. รับพลังงานบวกจากคนรอบข้าง (N : Name a person to talk to)

ลองนึกถึงชื่อของคนที่คุณสามารถพูดคุยเรื่องต่าง ๆ รวมไปถึงความเครียดของคุณได้ บางทีการได้ระบายเรื่องอึดอัดใจให้คนรอบตัวฟังก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด เพียงแต่ต้องแน่ใจแล้วว่าผู้ฟังสามารถรับฟังและมอบพลังงานเชิงบวกกลับมาให้คุณได้

นอกจากภาวะความเครียดแล้วแล้ว ยังมีอีกหนึ่งอาการยอดนิยมที่กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมากในกลุ่มคนวัยทำงาน ได้แก่ Burnout Syndrome หรือ ภาวะหมดไฟในการทำงาน ซึ่งเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดความเครียดและการขาดแรงจูงใจในการทำงาน ซึ่งหากคุณกำลังสงสัยว่าตัวเองตกอยู่ในภาวะหมดไฟในการทำงานรึเปล่า ควรเช็คให้ชัวร์และหาทางป้องกันแต่เนิ่น ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้คุณรู้สึกว่าขาด Passion ในการทำงานและส่งผลให้เกิดเป็นภาวะความเครียดสะสมนั่นเอง

ภาวะหมดไฟเป็นสิ่งน่ากลัวมากกว่าที่คุณคิด เนื่องจากเป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดและหลอดเลือดหัวใจ เพราะมีความเกี่ยวข้องกับความเครียดและฮอร์โมน Cortisol หากคุณเข้าข่ายการเป็นโรคดังกล่าว วิธีแก้ไขนั้นอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม เพราะสามารถใช้วิธีจัดการกับปัญหาแบบเดียวกับการรักษาอาการเครียดได้เลย โดยคุณสามารถเริ่มต้นด้วยการจัดลำดับความสำคัญในชีวิตเสียใหม่ ด้วยการแบ่งเวลาในแต่ละวันออกเป็น 3 ส่วน คือ ทำงาน 8 ชั่วโมง นอนหลับ 8 ชั่วโมง และพักผ่อนหย่อนใจคลายเครียดอีก 8 ชั่วโมง รวมไปถึงควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 30 นาที 3 วันต่อสัปดาห์ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์นั่นเอง

จากที่ได้กล่าวมาทั้งหมด หากคุณอยากรู้ว่าตัวคุณเองตกอยู่ในสภาวะความเครียดหรือไม่ หรืออยู่ในระดับใด สามารถไปค้นหาความเครียดในตัวคุณได้เลยที่แบบทดสอบออนไลน์ https://www.cigna.co.th/mystressplan


แชร์ :

You may also like