HomeInsight“ไม่แย่ แต่ไม่พอ และน่ากังวล” ให้ 3 คำ สำหรับศักยภาพแรงงานไทยในปัจจุบัน พร้อมแนวทางเพิ่ม Labor Productivity จาก EIC

“ไม่แย่ แต่ไม่พอ และน่ากังวล” ให้ 3 คำ สำหรับศักยภาพแรงงานไทยในปัจจุบัน พร้อมแนวทางเพิ่ม Labor Productivity จาก EIC

แชร์ :

เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์วันแรงงาน มาดูสถานการณ์ด้านแรงงานของตลาดแรงงานในประเทศไทยดูบ้าง ว่าศักยภาพและทักษะของแรงงานไทยในปัจจุบันอยู่ในระดับใดบ้าง รวมทั้งปัญหาต่างๆ ที่พบในตลาดแรงงานส่งผลต่อการเติบโตและพัฒนาชาติอย่างไร พร้อมแนวทางในการขับเคลื่อนเพื่อพัฒนาศักยภาพแรงงานไทยให้ทัดเทียมกับต่างประเทศและมีทักษะที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดในปัจจุบัน

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

จากการวิเคราะห์ด้านผลิตภาพแรงงานของไทย (Labor Productivity) โดย คุณ​พนันดร อรุณีนิรมาน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส และ คุณจิรายุ โพธิราช นักวิเคราะห์ จากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (Economic Intelligence Center : EIC) หรืออีไอซี ให้ข้อมูลว่า Productivity ของแรงงานไทยยังไม่ถือว่าแย่ เมื่อสะท้อนจากอัตราการเติบโตของ Labor Productivity ในช่วงปัจจุบัน (ตั้งแต่ปี 2554-2558) ที่มีระดับใกล้เคียงกับช่วงก่อนหน้า (ระหว่างปี 2546-2550) ที่ประมาณ 4ต่อปี

แต่ระดับการเติบโตดังกล่าวยังถือว่าไม่เพียงพอ เนื่องจากแรงงานไทยกำลังลดจำนวนลงจากการเข้าสู่สังคมชราภาพ โดยอีไอซีประเมินว่า หากยังไม่ปรับปรุง Labor Productivity ให้ดีขึ้น เศรษฐกิจไทยอาจต้องใช้เวลา 30 ปี หรือมากกว่า ในการก้าวพ้นกับดักประเทศที่มีรายได้ปานกลางเพื่อก้าวไปสู่การเป็นประเทศที่มีรายได้ในระดับสูง

ทักษะแรงงานไทย ประเมินสูงเกินจริง

นอกจากนี้ สถานการณ์ผลิตภาพแรงงานของไทยยังมีข้อน่ากังวลหลายประการ เริ่มจาก ระดับการคำนวณ Labor Productivity ทั่วๆ ไปอาจเป็นค่าที่สูงเกินกว่าความเป็นจริง เนื่องจากการคำนวณส่วนใหญ่ยังไม่ได้รวมแรงงานต่างชาติเข้าไปในกำลังแรงงาน เพราะหากรวมแรงงานต่างชาติในกำลังแรงงาน จะทำให้ผลิตภาพแรงงานเฉลี่ยต่อคนลดลงถึง -4.1% รวมถึงอัตราเติบโตของผลิตภาพแรงงานก็จะลดลงเช่นเดียวกัน

และหากพิจารณาเชิงลึก ยังพบว่าสาเหตุสำคัญในการเติบโตของ Labor Productivity ในช่วงที่ผ่านมาเกิดจากการเคลื่อนย้ายแรงงานจากสาขาการผลิตที่มีผลิตภาพแรงงานต่ำไปยังสาขาผลิตที่มีผลิตภาพแรงงานสูง แต่อัตราการเติบโตของผลิตภาพแรงงานในแต่ละสาขาการผลิตกลับมีทิศทางลดลง สะท้อนว่าแรงงานในแต่ละสาขาการผลิตไม่ได้มีการพัฒนาเท่าที่ควรในช่วงที่ผ่านมา

จึงเป็นข้อน่ากังวลต่อการพัฒนา Productivity ของแรงงานโดยภาพรวมในระยะต่อไป เนื่องจากแนวโน้มการเคลื่อนย้ายแรงงานเพิ่มเติม โดยเฉพาะจากภาคเกษตร จะมีข้อจำกัดมากขึ้นในระยะข้างหน้าจากปัญหาต่างๆ เช่น การที่แรงงานมีทักษะต่ำ ทำให้ไม่สามารถย้ายไปยังสาขาการผลิตที่ต้องใช้ทักษะสูงกว่าได้ เป็นต้น

นอกจากนี้ หากเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ นอกจากศักยภาพแรงงานไทยจะมีระดับต่ำกว่าประเทศพัฒนาแล้วอย่างชัดเจน ยังพบว่า เศรษฐกิจไทยมีแรงงานที่มีศักยภาพสูงเป็นส่วนน้อยของกำลังแรงงานทั้งหมด โดยแรงงานส่วนใหญ่ของไทยมีการกระจุกตัวอยู่ที่ระดับผลิตภาพแรงงานในระดับต่ำ ต่างจากประเทศพัฒนาแล้วที่ระดับผลิตภาพแรงงานมีการกระจายตัวได้มากกว่า ซึ่งลักษณะดังกล่าวอาจสะท้อนว่าแรงงานส่วนใหญ่ของไทยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีทักษะต่ำ จึงอาจปรับตัวช้าและเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาในอนาคต

สำหรับข้อกังวลสุดท้ายคือ ทรัพยากรแรงงานและทุนของไทยมีการจัดสรรอย่างไม่มีประสิทธิภาพในหลายสาขาการผลิต โดยพบว่า สาขาเกษตรมีประสิทธิภาพการใช้แรงงานต่ำกว่าสาขาอื่น ขณะที่สาขาสาธารณูปโภค และสาขาขนส่งและโทรคมนาคมมีประสิทธิภาพการใช้ทุนต่ำกว่าสาขาอื่น ดังนั้น หากใช้เกณฑ์การผลิตตามประสิทธิภาพ สาขาการผลิตข้างต้นก็ควรใช้ทรัพยากรแรงงานและทุนลดลง และนำทรัพยากรไปจัดสรรให้สาขาอื่นที่มีประสิทธิภาพมากกว่า ทั้งนี้ การจัดสรรทรัพยากรใหม่ตามหลักประสิทธิภาพ จะทำให้ระดับผลิตภาพโดยรวมทั้งประเทศ (Total Factor Productivity :TFP) เพิ่มขึ้นได้ทันทีถึง 20%​ ซึ่งหมายถึงระดับ GDP หรือการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจของประเทศที่ดีขึ้น และจะทำให้ประเทศไทยหลุดพ้นกับดักรายได้ปานกลางได้เร็วมากกว่าเดิม

แนวทางพัฒนา Labor Skill ให้ตอบโจทย์ตลาด

ขณะที่การเพิ่ม Labor Productivity ในอนาคตต้องอาศัยความร่วมมือทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชนผ่านนโยบายระดับประเทศและบริษัท โดยในระดับประเทศ รัฐควรมีการลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะด้านสาธารณูปโภคน้ำและการขนส่งทางราง ตลอดจนการลงทุนด้าน ICT นอกจากนี้ ยังควรปรับปรุงระบบการศึกษาให้มีคุณภาพและสามารถนำไปใช้งานได้จริงมากขึ้น โดยควรเน้นผลิตนักศึกษาตามสายที่ตลาดแรงงานต้องการ (Demand-driven) เพื่อแก้ปัญหา Skill Mismatch หรือการมีทักษะกับความต้องการในตลาดที่สวนทางกัน  รวมทั้งต้องลดการผูกขาด และส่งเสริมให้มีการแข่งขันที่เป็นธรรมและเสรีมากขึ้น เนื่องจากระดับการแข่งขันที่เหมาะสมจะช่วยพัฒนาผลิตภาพแรงงาน ผ่านทั้งการจัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่

ส่วนการดำเนินนโยบายช่วยเหลือระยะสั้นของภาครัฐ (เช่น การให้ soft loan กับ SMEs) จะต้องมีความระมัดระวังเนื่องจากอาจทำให้เกิดการกระจุกตัวของทรัพยากรในธุรกิจที่มีประสิทธิภาพต่ำ ​จึงควรดำเนินนโยบายยกระดับความสามารถการแข่งขันในระยะยาวควบคู่ไปด้วย

ส่วนด้านนโยบายในระดับบริษัท อีไอซีมองว่า บริษัทควรเพิ่มการลงทุนที่มีคุณภาพ โดยเป็นการลงทุนทั้งในส่วนของเครื่องมือเครื่องจักรและระบบ ICT และยังรวมถึงการให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา (R&D ) เพื่อสร้างนวัตกรรมในอนาคต ตลอดจนการฝึกอบรมแรงงานที่มีคุณภาพและสม่ำเสมอ เพื่อให้แรงงานมีความรู้เท่าทันเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ บริษัทยังควรใช้การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) เพื่อเสริมสร้างผลิตภาพแรงงานผ่านการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ เช่น การเสนอขายสินค้าได้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น (Customized Product) หรือจะเป็นด้านการลดต้นทุนจากการใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มาช่วยในการจัดการ เช่น การใช้ Chatbot เพื่อทำงานด้านตอบคำถามลูกค้า เป็นต้น

เครดิตภาพเปิด  : NUMBER 24 – Authorized Shutterstock Partner in Thailand


แชร์ :

You may also like