Appier บริษัทในไต้หวันสร้าง AI ทำผลสำรวจเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้สื่อออนไลน์ผ่านอุปกรณ์ต่างๆ ของคนเอเชีย ซึ่งผลสำรวจที่ออกมาเป็นรายงาน พฤติกรรมการใช้งานแบบ Cross Screen ในช่วงครึ่งหลังของปี 2015 ผลสำรวจดังกล่าวทำให้รู้ว่าเราไม่ได้อยู่ในยุคของ Mobile First อีกต่อไป แต่กำลังก้าวเข้าสู่ “Post Mobile” คืออุปกรณ์อื่นๆ ที่ตามมาหลังจากมือถือยังคงมีบทบาทสำคัญกับการตลาดดิจิตอลของเอเชีย เราจึงควรให้ความสำคัญกับการทำการตลาดแบบ Cross Screen ให้มากขึ้น
ปัจจุบันการตลาดดิจิตอลในเอเชียส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับ Smartphone เป็นอันดับแรก แต่ความจริงแล้วมันค่อนข้างซับซ้อนกว่านั้น Caroline Hsu, Chief Marketing ของ Appier บอกว่า จากผลสำรวจที่พบคนเอเชียใช้อุปกรณ์มากกว่า 1 อย่างในแต่ละวัน ตั้งแต่คอมพิวเตอร์ ไปจนถึงโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ตในรูปแบบที่ต่างกันและวันเวลาที่ต่างกัน ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ ที่เรารู้กันอยุ่แล้ว แต่รายละเอียดของมันต่างหากที่เราอยากให้คุณสนใจ
ผลสำรวจข้ามประเทศ
ผลสำรวจดังกล่าวเก็บข้อมูลจาก 8.5 แสนล้าน Data point ของแคมเปญที่เกิดขึ้นจริงในครึ่งปีหลังของปี 2015 จาก 11 ประเทศในเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย ฟิลิปปิน สิงคโปร์ ไต้หวัน และเวียดนาม
Appier ใช้ AI ในการรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมผู้ใช้งานและประมวลผลออกมาได้อย่างละเอียด เช่น มีอุปกรณ์เครื่องไหนบ้างที่มีผู้ใช้คนเดียวกัน “เรื่องนี้เป็นสิ่งท้าทายมากสำหรับนักการตลาด มีอุปกรณ์เป็นพันล้านเครื่องในเอเชีย คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าอุปกรณ์ 3 – 4 เครื่องในนั้นมีเจ้าของคนเดียวกันหรือเปล่า และยิ่งจำนวนมหาศาลทั่วเอเชียแปซิฟิก เราจึงเลือกใช้ AI เข้ามาช่วย” Caroline กล่าว ด้วยความสามารถในการจดจำข้อมูลจำนวนมาก AI ช่วย Appier ในการรวบรวมข้อมูล insight เหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย
อย่าเพิ่งตัด PC ทิ้ง
ผลสำรวจพบว่าคนจำนวนมากในเอเชียที่ใช้อุปกรณ์มากกว่า 3 เครื่อง โดยมีจำนวนดังต่อไปนี้ ที่ออสเตรเลีย 78% ไต้หวัน 77% ฟิลิปปิน 74% เกาหลีใต้ 70% สิงคโปร์ 69% ญี่ปุ่น 66% อินโดนีเซีย 44% เวียดนาม 43% และอินเดีย 42%
แน่นอนว่าอุปกรณ์ยอดฮิตยังคงเป็น Smartphone นั่นเป็นที่มาของกระแส Mobile First ในเอเชีย แต่ความจริงแล้ว PC และ Tablet ยังคงเป็นอุปกรณ์ที่มีอัตราการใช้งานสูงเช่นกัน ทุกๆ การใช้งาน PC 1 เครื่องจะมีการใช้งาน Smartphone 6.8 เครื่องในช่วงระหว่างสัปดาห์ และ 7.8 เครื่องในช่วงวันหยุด ในขณะที่อัตราการใช้งาน Tablet 1 เครื่องต่อการใช้ Smartphone 17.2 เครื่องในระหว่างสัปดาห์ และ 16 เครื่องในวันหยุด แม้จะดูเหมือนเป็นอัตราที่น้อยเมื่อเทียบกับ Smartphone แต่ก็ยังเป็นอุปกรณ์ที่ยังไม่ควรตัดทิ้ง เพราะการใช้งาน PC 1 เครื่องนั้นถูกใช้งานเป็นเวลานานเมื่อเทียบกับเวลาที่คนจับ Smartphone แต่ละครั้ง
เชื่อมต่อเสมอ
อีกหนึ่งผลสำรวจที่ Appier ค้นพบคือช่วงเวลาที่มีการใช้งานมากที่สุดของแต่ละอุปกรณ์ที่แตกต่างกัน สิ่งที่น่าสนใจอย่างหนึ่งคือช่วงเวลาการใช้ Smartphone ของแต่ละประเทศแตกต่างกัน อินโดนีเซียและฮ่องกงมีอัตราการใช้งานมากที่สุดในช่วงกลางสัปดาห์ ญี่ปุ่นและไต้หวันในช่วงวันหยุด ในขณะที่สิงคโปร์และเวียดนามมีการใช้งาน Smartphone สูงในวันจันทร์ ในขณะที่ Tablet มีการใช้งานสูงที่สุดในช่วงวันหยุดเหมือนกันทุกประทเศยกเว้นเวียดนาม ที่มีการใช้งานสูงในวันจันทร์เช่นเดียวกับ Smartphone หรือนี่จะเป็นข้อสังเกตที่ว่าคนเวียดนามชอบเช็คอีเมล์เมื่อเริ่มต้นสัปดาห์?
PC มีการใช้งานมากในช่วงระหว่างสัปดาห์ แน่ล่ะ คนส่วนใหญ่คงเลือกที่จะปิดคอมพิวเตอร์ของตัวเองในช่วงวันหยุด ทุกประเทศมีการใช้งาน PC สูงที่สุดในช่วงต้นสัปดาห์ ยกเว้นที่ญี่ปุ่นที่การใช้งาน PC สูงที่สุดในช่วงกลางสัปดาห์
ในส่วนการใช้งานระหว่างวัน อุปกรณ์ทั้ง 3 ประเภทมีอัตราการเพิ่มขึ้นของการใช้งานในลักษณะเดียวกันคือค่อยๆ สูงขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ช่วงเช้า ไปจนถึงดึกๆ จุดพีคที่สุดของแต่ละวันคือประมาณ 5 ทุ่ม สมาร์ทโฟนสามารถแบ่งช่วงพีคได้อีก 3 ช่วงย่อยๆ คือ 6 – 8 โมงเช้า (ระหว่างเดินทางไปทำงาน) เที่ยงถึงบ่ายสอง (พักกลางวัน) และตั้งแต่ 6 โมงเย็นเป็นต้นไป (เลิกงานจนกระทั่งหลับ)
เมื่อแบ่งตามเพศพบว่าผู้ชายใช้งาน PC มากกว่าผู้หญิง 3% และ Smartphone มากกว่า 4% ในขณะที่ผู้หญิงใช้งาน Tablet มากกว่าผู้ชายถึง 14%
ผู้ใช้งาน 1 คน ที่ครอบครองมากกว่า 1 อย่าง
ผลสำรวจนี้มีประโยชน์อย่างมากในการช่วยให้นักการตลาดเข้าใจพฤติกรรมการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ของผู้บริโภคในยุคนี้ เพื่อให้เข้าถึงพวกเขาได้ในหลากหลายช่องทางในช่วงเวลาที่ถูกต้องและทำให้พวกเขากลายมาเป็นลูกค้าได้ในที่สุดจากโฆษณาที่คุณลง
สรุปสั้นๆ จากผลสำรวจได้ว่า PC พีคที่สุดในช่วงระหว่างวัน และลดลงอย่างรวดเร็วหลัง 5 ทุ่ม Smartphone พีคที่สุดตอน 1 ทุ่ม และแท็บเล็ตตอน 3 ทุ่ม ดังนั้นนักการตลาดจึงไม่ควรละเลยการทำการตลาดแบบ Cross – Screen เพราะถึงแม้ผู้บริโภคจะมีพฤติกรรมการใช้สื่อในช่วงเวลาที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ แต่สิ่งที่พวกเขามีเหมือนกันคือการใช้อุปกรณ์มากกว่า 1 อย่าง
ผลการสำรวจยังพบว่าแคมเปญที่มีลักษณะเป็น Cross screen (เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายคนเดียวกันในทุกอุปกรณ์ของเขา) นั้นมีประสิทธิภาพมากกว่าถึง 26% เมื่อเทียบกับากรทำแคมเปญแบบ Multi Device (ทำแคมเปญแตกต่างกันบนแต่ละอุปกรณ์)
ดังนั้นนักการตลาดจึงควรทราบว่ามันเร็วเกินไปที่จะตัด PC ทิ้งไปจากการทำการตลาดดิจิตอล และควรจำไว้เสมอว่าหลังจอของอุปกรณ์คนละเครื่องอาจเป็นผู้ใช้งานคนเดียวกันในเวลาที่ตางกันและพฤติกรรมของพวกเขาบนแต่ละอุปกรณ์ก็เปลี่ยนไป โฆษณาจึงต้องรู้เท่าทั้นและปรับตัวเพื่อตามให้ทันอยู่เสมอ
แปลและเรียบเรียงโดย: Prim Meow Meow