ในสมรภูมิรีเทลไทยที่เต็มไปด้วยความผันผวน ตลาด “ซูเปอร์มาร์เก็ต” กลายเป็นเซกเมนต์เดียวที่ยังคงรักษาการเติบโตในเชิงบวกได้อย่างแข็งแกร่ง ทั้งในเชิงมูลค่าและการขยายสาขา โดยมีอัตราการเติบโตเกือบแตะสองหลัก หรือราว 10% สะท้อนบทบาทใหม่ของซูเปอร์มาร์เก็ตที่ไม่ใช่เพียงร้านซื้อของอุปโภคบริโภค แต่เป็น “จุดศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ใกล้บ้าน” ที่ตอบโจทย์ทั้งความสะดวก คุณภาพ และประสบการณ์
หนึ่งในผู้เล่นที่ถูกจับตาคือ “กูร์เมต์ มาร์เก็ต” พรีเมียมซูเปอร์มาร์เก็ตในเครือเดอะมอลล์ กรุ๊ป ภายใต้ปีกของเดอะมอลล์ กรุ๊ป ที่กำลังเปลี่ยนผ่านจาก “พรีเมียมซูเปอร์มาร์เก็ต” สู่การเป็น “Experiential Supermarket” อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมแผนงานเชิงรุกในไตรมาส 4 และยุทธศาสตร์ปี 2569
“ใครเร็วกว่าในเชิงข้อมูล ความเข้าใจลูกค้า และการตัดสินใจ คือผู้ได้เปรียบ” คุณศุภวุฒิ ไชยประสิทธิ์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริหารสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ตและฟู้ด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป กล่าวถึงทิศทางการแข่งขันของธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตเมืองไทย
ส่องตลาดซูเปอร์มาร์เก็ต เมื่อ “ความเร็ว” สำคัญกว่า “ขนาด”
ขณะที่ “ไฮเปอร์มาร์เก็ต”เริ่มเผชิญภาวะติดลบจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันไปช้อปออนไลน์มากขึ้น แต่ตลาด “ซูเปอร์มาร์เก็ต” กลับขยายตัวได้เกือบ 10% (Double Digit) ปัจจัยหลักเกิดจากการปรับตัวของ “Format” ร้านค้าที่เข้าใกล้ที่อยู่อาศัยมากขึ้น
คุณศุภวุฒิ ไชยประสิทธิ์กุล กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้ CVS (Convenience Store) มีขนาดใหญ่ขึ้นจนเป็น “Compact Supermarket” ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น มีที่จอดรถ และมีสินค้าหลากหลายมากขึ้น ส่งผลทางอ้อมให้ผู้บริโภคเลือกจับจ่ายใกล้บ้านมากขึ้น ลดค่าเดินทางและต้นทุนพลังงาน แม้ความถี่ในการช้อปยังอยู่ที่ราว 3–4 ครั้งต่อเดือน แต่ยอดใช้จ่ายต่อบิลลดลงเพียงเล็กน้อยไม่ถึง 2%
สำหรับ “กูร์เมต์ มาร์เก็ต” ฐานลูกค้าหลักยังคงเป็นกลุ่มกลาง–บน ที่มีความเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้า โดยเฉพาะหมวดอาหารสด ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 50% ของยอดขายรวม และเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของแบรนด์ ขณะที่บางสาขาในย่านรอบนอก เช่น ท่าพระ บางแค และงามวงศ์วาน ยังเติบโตระดับสองหลัก สะท้อนศักยภาพของทำเลชุมชนเมืองขยาย
“วันนี้ไม่ใช่แค่ “ปลาใหญ่” กิน “ปลาเล็ก” แต่เป็นเรื่องของ “ปลาเร็ว” ชนะ “ปลาช้า” แต่เป็นเรื่องของสินค้า บริการ และที่เราต้องตอบโจทย์ลูกค้าให้ทันท่วงที” คุณศุภวุฒิกล่าว
เปิดแผนโค้งท้ายส่ง “Blissful Hampers” เจาะกลุ่มองค์กรและงานคราฟต์ รับปีใหม่
สำหรับโค้งสุดท้ายของปี 2568 กูร์เมต์ มาร์เก็ต ได้ตอกย้ำการเป็น “Premium Gifting Destination” ผ่านแคมเปญ “Gourmet Market Blissful Hampers 2026”
คุณพลอยชมพู อัมพุช ผู้อำนวยการใหญ่บริหารสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ต ระบุว่า ตลาดกระเช้าปีนี้คาดว่าจะโตถึง 10% โดยมีกลุ่มลูกค้าองค์กร (B2B) เป็นหัวใจหลักถึง 85% อีก 15% เป็นลูกค้าต่างชาติ กระเช้าขายดี ได้แก่ ผลไม้พรีเมียม สินค้าชุมชน คุกกี้ และช็อกโกแลต ขณะที่อินไซต์ที่น่าสนใจคือ ลูกค้าชาวไทยเริ่มนิยม “จัดกระเช้าเอง” มากกว่าซื้อแบบสำเร็จรูป เพื่อสะท้อนตัวตนและความใส่ใจ
กลยุทธ์สำคัญในปีนี้คือการ “Collaboration” อย่างจริงจัง โดยจับมือกับแบรนด์ Vassana เปิดตัวคอลเล็กชั่น “Wish Craft” นำงานหัตถศิลป์ไทยจากชุมชน เช่น กระจูดและงานจักสานจากกลุ่มเปราะบาง มายกระดับเป็นกระเช้าพรีเมียม ซึ่งสอดคล้องกับเทรนด์ความยั่งยืน (Sustainability) ที่ผู้บริโภคยุคใหม่ โดยแผนงานสำหรับปี 2569 เพื่อขยับจากความเป็น Premium สู่ Experiential Retail ประกอบด้วย 5 แกนหลัก ได้แก่
- Consumer Insights: การมอนิเตอร์สถานการณ์รายวันอย่างเข้มข้น เพื่อให้เร็วกว่าสิ่งที่ลูกค้ารู้
- Experiential Retail: สร้างประสบการณ์ที่มากกว่าการช้อปปิ้ง พัฒนาพื้นที่ให้เป็นที่ที่คนมา “กิน ดื่ม ช้อป” ในที่เดียว
- Ecosystem & Partnership: เน้นการเติบโตไปพร้อมกับพาร์ทเนอร์ ทั้งการนำเข้าสินค้า (Import) ที่ปัจจุบันมีสัดส่วน 15% และมีแผนเพิ่มความหลากหลายจาก สเปน เปรู และญี่ปุ่น
- Multi-Format: การขยายสาขาที่ไม่เน้นปริมาณ แต่เน้นความอยู่รอดและประสิทธิภาพ (Efficiency) โดยเตรียมรีโนเวทสาขาเดิม และเปิดสาขาใหม่ในรูปแบบสแตนด์อะโลน (Standalone) ขนาด 800 – 2,500 ตร.ม. ภายในครึ่งปีหลังของปีหน้า
- Beyond Service: การยกระดับบริการผ่านเทคโนโลยี เช่น การปรับโฉมรถเข็นใหม่และระบบการชำระเงินที่รวดเร็ว
“กูร์เมต์ มาร์เก็ตจึงเดินหน้าคอลแลบกับประเทศต่าง ๆ เช่น ญี่ปุ่น อิตาลี เกาหลี รวมถึงล่าสุด สเปน และเปรู เพื่อนำเข้าสินค้ากลุ่มสุขภาพ เช่น บลูเบอร์รี ผงโกโก้ และสินค้า Functional Food ซึ่งในอนาคตมีแนวโน้มกลายเป็นสินค้าเบสิคมากขึ้น”
ส่วนแผนขยายสาขายังคงเดินอย่างระมัดระวัง โดยปีหน้า (2569) จะเปิดใหม่ 1–2 สาขา พร้อมรีโนเวตสาขาเดิม และพัฒนาสแตนด์อะโลนขนาด 800–2,500 ตารางเมตรในครึ่งปีหลัง โดยไม่มีนโยบายขยายจำนวนมาก ทุกสาขาต้อง “อยู่ได้ด้วยตัวเอง”
เสริมพอร์ต “อาหารสด” และ “สินค้านำเข้า” ตอบโจทย์คนยุคใหม่
อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้กูร์เมต์ มาร์เก็ต ที่ทำให้ยังคงมีผลประกอบการเป็น “บวก” คือการรักษาพอร์ตโฟลิโอสินค้าที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะ อาหารสด (Fresh Food) ที่ครองสัดส่วนถึง 50% ของรายได้ ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่ผู้บริโภคยังต้องการสัมผัสคุณภาพด้วยตัวเอง
นอกจากนี้ การเพิ่มสัดส่วนสินค้านำเข้า (Imported Goods) อีก 15% และมีอัตราเติบโตกว่า 10% ต่อปี เป็นการสร้างความแตกต่าง(Differentiation) ที่หาไม่ได้จากร้านสะดวกซื้อทั่วไป ความท้าทายในอนาคตคือการทำให้สินค้าพรีเมียมเหล่านี้กลายเป็น “สินค้าพื้นฐาน” (Basic) ที่เข้าถึงง่ายขึ้น แต่ยังคงความเอ็กซ์คลูซีฟในแง่ของขนาดและคุณภาพที่เหนือกว่า
นับเป็นอีกหนึ่งการขยับตัวที่สะท้อนบทบาทการแข่งขันของค้าปลีกยุคใหม่ไม่ได้สู้กันด้วยพื้นที่ขายที่ใหญ่ที่สุด หากแต่คือความเข้าใจบริบทพื้นที่ (Location-based) และความสามารถในการปรับเปลี่ยน (Agility) ตามไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปเพื่อครองใจลูกค้าให้ได้มากที่สุด






