HomeSponsoredคุณภาพชีวิตที่ดี…ต้องคิดตั้งแต่วันแรกที่ออกแบบ พฤกษากับ Lifetime Well-Living แนวคิดที่พาแบรนด์ก้าวสู่ Rising Star Award 2025

คุณภาพชีวิตที่ดี…ต้องคิดตั้งแต่วันแรกที่ออกแบบ พฤกษากับ Lifetime Well-Living แนวคิดที่พาแบรนด์ก้าวสู่ Rising Star Award 2025

แชร์ :

ปี 2568 เป็นปีที่ตลาดอสังหาฯ ยังคงเผชิญแรงกดดัน จากสภาพเศรษฐกิจชะลอตัว และหนี้ครัวเรือนสูง กระทบต่อกำลังซื้ออย่างหนัก กอปรกับในตลาดมีแบรนด์เต็มไปหมด ทำให้การแข่งขันสูง หลายๆ แบรนด์จึงเน้นในเรื่อง “โปรโมชั่น” เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่ง แต่หนึ่งในผู้เล่นที่เลือกเดินหมากอย่างแตกต่าง และสร้างแบรนด์ได้อย่างน่าสนใจคือ “บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)” หรือ “PRUKSA” ด้วยการประกาศจุดยืนแบรนด์ว่า ไม่ใช่เพียงแบรนด์ที่สร้างบ้าน แต่คือ แบรนด์ที่สร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับลูกบ้านทุกช่วงชีวิต ภายใต้แนวคิด Lifetime Well-Living อยู่ดี…ทั้งชีวิต”

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

จนสามารถสร้างแบรนด์ให้แตกต่างและเติบโตในสภาพตลาดที่เผชิญแรงกดดัน ด้วยการครองความนิยมอันดับ 1 ในการเปิดตัวโปรดักต์ไฮไลต์ โดยเฉพาะกลุ่มทาวน์เฮ้าส์ ทั้งยังติด Top 3 โครงการที่อยู่อาศัยเพื่อสุขภาพ (Wellness Residence) จนสามารถคว้ารางวัล Rising Star Award 2025 จาก Terra BKK แนวคิด Lifetime Well-Living อยู่ดี…ทั้งชีวิต คืออะไร แล้วช่วยสร้างแบรนด์พฤกษาให้ครองใจผู้บริโภคอย่างเหนียวแน่นได้อย่างไร Brand Buffet ชวนมาเจาะลึกเบื้องหลังแนวคิดนี้กัน

คุณอังคณา ลิขิตจรรยากุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดและองค์กรกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)

ไม่ใช่แค่สร้างบ้าน แต่คือ การสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี

ที่ผ่านมา หนึ่งในปัญหาหลักที่ผู้บริโภคมักเจอในการเลือกซื้อบ้านคือ จำนวนห้องไม่สอดรับกับการอยู่อาศัย แต่จากการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ทำให้เห็นพฤติกรรมการซื้อบ้านของผู้บริโภคยุคนี้เปลี่ยนไป โดยพบว่า Pain Point หลักไม่ใช่เรื่อง “จำนวนห้อง” ในบ้านแล้ว แต่เป็นเรื่อง “การใช้ชีวิตในบ้าน” ที่อาจไม่ตอบสุขภาวะที่ดี เช่น อากาศไม่ถ่ายเท ระบบการดูแลสุขภาพเข้าถึงยาก รวมถึงพื้นที่ใช้สอยไม่รองรับรับกับการเปลี่ยนแปลงของครอบครัวที่มีหลายเจนเนอเรชั่นอยู่รวมกัน

เมื่อเห็น Pain Point ผู้บริโภคแล้ว แทนที่พฤกษาจะแก้ปัญหาแบบเดิมๆ ด้วยการออกแบบบ้านให้สอดรับกับการใช้ชีวิต แต่กลับลุกขึ้นมาตั้งคำถามง่ายๆ กับตัวเองว่า จะทำอย่างไรให้ที่อยู่อาศัยทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ และคอนโด ไม่ใช่แค่บ้าน แต่เป็นพื้นที่ที่ลูกบ้านมี “คุณภาพชีวิต” ที่ดีขึ้นตั้งแต่วันแรกที่เข้าอยู่ได้จริง และจากการตั้งคำถามง่ายๆ นี่เอง พฤกษาได้ต่อยอดมาสู่การสร้างนิยามแบรนด์ใหม่ ด้วยแนวคิด “Lifetime Well-Living” หรือ “อยู่ดี…ทั้งชีวิต” ซึ่งไม่เพียงสะท้อนจุดยืนที่แบรนด์ยึดมั่นมากว่า 32 ปี ตั้งแต่วันแรกที่ก่อตั้งบริษัท เพื่อสร้างความสุขและคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับลูกบ้าน ทว่ายังเป็นจุดเริ่มต้นของการออกแบบบ้านพฤกษาในมุมมองใหม่ด้วย

เพราะนิยามคำว่า “อยู่ดี มีสุข” ในมุมมองพฤกษา ไม่ใช่แค่เรื่องฟังก์ชันของบ้าน แต่ต้องสร้าง “คุณภาพชีวิต” ที่ดีให้กับลูกบ้านในทุกแง่มุมและทุกช่วงวัยตลอดการใช้ชีวิต ดังนั้น คำว่า “อยู่ดี มีสุข” จึงตีความถึงการออกแบบที่ครอบคลุมทั้งเรื่องวิถีชีวิต และการดูแลสุขภาพทั้งกายและใจในบ้านยุคใหม่ ตลอดจนสังคม และสิ่งแวดล้อมในการอยู่อาศัยทั้งหมด

เปลี่ยนอินไซต์ เป็นโซลูชันการอยู่อาศัยที่ตอบการใช้ชีวิตจริง

เมื่อนิยาม Lifetime Well-Living อยู่ดี…ทั้งชีวิต กินความหมายหลายมิติ เพื่อผลักดันให้แนวคิดดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นรูปธรรมและจับต้องได้จริง ทำให้พฤกษาไม่เพียง “รับฟัง” ลูกค้าอย่างตั้งใจ และใส่ใจการใช้ชีวิตลูกบ้านทุกรายละเอียด ผ่านการวิเคราะห์อินไซต์เชิงลึก และศึกษาเทรนด์ เพื่อให้เข้าใจความต้องการผู้อยู่อาศัยในแต่ละช่วงวัยอย่างแท้จริง จากนั้นจึงนำอินไซต์เหล่านี้มาพัฒนาเป็นโซลูชันที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตจริงในทุกมิติของทุกช่วงชีวิต โดยครอบคลุม 3 แกนหลัก ได้แก่

1. WELL HOME สร้างมาตรฐานที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัย อยู่ได้ทั้งชีวิต

พฤกษาเชื่อว่า การมีคุณภาพชีวิตที่ดี ต้องเริ่มจากโครงสร้างบ้านที่ดี เพราะจะช่วยให้ผู้อยู่อาศัยมั่นใจ และอยู่ได้ทั้งชีวิต พฤกษาจึงได้นำศักยภาพจากกลุ่มธุรกิจอินโน พรีคาสท์ บริษัทในเครือ ที่มั่นคงทนทาน รองรับแผ่นดินไหว เพื่อให้บ้านแข็งแรง ปลอดภัย และได้มาตรฐานเดียวกันทุกหลัง โดยปีนี้บริษัทได้นำเทคโนโลยีดังกล่าวมาพัฒนาโปรดักต์ทั้งแนวราบและแนวสูงอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ยังนำผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลวิมุตมาร่วมออกแบบพื้นที่ให้เป็น Universal Design ที่รองรับการใช้ชีวิตของทุกเจนเนอเรชั่น และสอดรับกับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปตามช่วงวัย เช่น ช่วงที่มีลูกเล็ก ช่วงที่ต้องทำงานที่บ้าน หรือมีผู้สูงอายุ รวมถึงเลือกใช้วัสดุที่ไม่เป็นพิษต่อสุขภาพ เช่น นวัตกรรม Smart Home และระบบระบายอากาศ Active Airflow System ที่ช่วยเปลี่ยนบ้านให้เป็นพื้นที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์เพื่อให้คนในครอบครัวหายใจได้เต็มปอด ไปจนถึงบริการที่ดูแลแบบครบวงจร ตั้งแต่การติดตามความพึงพอใจหลังเข้าอยู่ 2 เดือน, การแจ้งเตือนวันหมดประกัน, จนถึงการตรวจคุณภาพบ้านโดยทีมงานมืออาชีพ เพื่อให้ลูกบ้าน “อยู่ดี และอุ่นใจ” ได้ทุกวัน

2. WELL CARE บริการสุขภาพที่ดูแลตั้งแต่วันแรก

พฤกษาไม่ได้หยุดอยู่แค่การออกแบบบ้านให้อยู่อย่างสบายกายและสบายใจ แต่ยังใส่ใจในการดูแลสุขภาพคนในครอบครัว โดยนำความเชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลวิมุต และโรงพยาบาลวิมุต-เทพธารินทร์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลในเครือของพฤกษา มาช่วยดูแลสุขภาพของลูกบ้านตั้งแต่วันแรกที่เข้าอยู่ และดูแลกันตลอดการอยู่อาศัย ทั้งบริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์ (Telemedicine) บริการแพทย์ประจำครอบครัว (Family Doctor) และ Well Care @Home ที่เข้าถึงมากกว่า 70 โครงการ และกว่า 27,700 ครอบครัว ตลอดจนสิทธิพิเศษด้านสุขภาพจากโรงพยาบาลวิมุตและวิมุต–เทพธารินทร์ ที่ออกแบบเฉพาะตามช่วงวัย โดยมีแผนจะขยายบริการใหม่ๆ ให้ครอบคลุมทั้งวัยเด็ก วัยทำงาน จนถึงผู้สูงอายุ

3. WELL COMMUNITY สร้างชุมชนที่ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นแบบจับต้องได้

สังคม และชุมชนรอบบ้าน เป็นอีกสิ่งที่พฤกษาให้ความสำคัญ เพราะจะช่วยสร้างประสบการณ์อยู่อาศัยที่แตกต่างและเติมเต็มคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับลูกบ้าน ตั้งแต่ต้นปีพฤกษาจึงจัดกิจกรรมหลากหลาย เพื่อให้ลูกบ้านได้ใช้เวลาร่วมกัน เช่น Well-living Market Fest, Well-Living Day, Well Paw กิจกรรมสำหรับสัตว์เลี้ยง, และเวิร์กชอปสำหรับทุกช่วงวัย

ดูแลคนให้ใช้ชีวิต “อยู่ดี มีสุข” อย่างยั่งยืน

การผลักดันแนวคิดนี้ให้ลึกซึ้ง ทำให้พฤกษาไม่ได้มองเพียงการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับลูกบ้าน แต่ยังมุ่งสร้างการอยู่ดี มีสุขให้กับ “คนในองค์กร” ด้วย เพราะถือเป็นผู้ส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับลูกบ้าน หากพนักงานได้ใช้ชีวิตแบบอยู่ดี จะส่งมอบประสบการณ์ที่ช่วยให้ลูกบ้านมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเช่นกัน พฤกษาจึงเปิดตัว Brand DNA องค์กรใหม่ภายใต้แนวคิด “WORK LIFE WELL-LIVED ชีวิตอย่างดี…ที่พฤกษา” ผ่านการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ใส่ใจดูแลพนักงานในทุกมิติ ทั้งการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เปิดกว้าง ให้ทุกคนแสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ การส่งเสริมทักษะการทำงานและการเติบโตในอาชีพ ตลอดจนสวัสดิการ และการดูแลสุขภาพกายและใจแบบจัดเต็ม

การทรานส์ฟอร์มแบรนด์ของพฤกษาในครั้งนี้ จึงไม่ใช่เพียงการสร้างความแตกต่างในเรื่องดีไซน์บ้านแบบเดิมๆ แต่คือ การตอกย้ำตัวตนของพฤกษาสู่การเป็นแบรนด์ที่สร้างการใช้ชีวิตที่ดี เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมการเลือกซื้อบ้านและไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคยุคใหม่ ส่งผลให้แบรนด์เติบโตอย่างโดดเด่น และครองใจผู้บริโภคต่อเนื่อง แม้ต้องเจอกับสภาพตลาดหดตัว จนคว้ารางวัล Rising Star Award 2025 มาครอง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวิธีคิดในการปรับเปลี่ยนตัวเอง และการยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง เพื่อให้ลูกบ้านและพนักงานอยากมาอยู่อาศัยในบ้านหลังนี้อยู่เสมอ

โดยในอนาคตพฤกษายังคงเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งธุรกิจในเครือ โดยผสานจุดแข็งของธุรกิจหลักด้านการพัฒนาอสังหาฯ ให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่ดีของทุกกลุ่มลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการพัฒนาที่อยู่อาศัยแบบเวลเนส เรสซิเดนซ์เต็มรูปแบบ โดยใช้จุดแข็งจากโรงพยาบาลวิมุต และโรงพยาบาลวิมุต-เทพธารินทร์ที่อยู่ในเครือ เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ของการอยู่อาศัยในประเทศไทยแบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกบ้านพฤกษาให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน โดยมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ที่ตอบโจทย์ Lifetime Well-Living เช่น โครงการ เดอะ รีเซิร์ฟ วิลล่า 89/1, The Palm Courtyard, เดอะ ปาล์ม วิภาวดี 64, แชปเตอร์ เจริญกรุง–ริเวอร์ไซด์ ฯลฯ พร้อมกับขยายบริการด้านสุขภาพ Well Care ให้ครอบคลุมทุกช่วงชีวิต และยกระดับ Well Community ด้วยการสร้าง “ต้นแบบชุมชนสุขภาพดี” เป็นชุมชนที่ปลอดภัยและช่วยกันได้จริง


แชร์ :

You may also like