หากกล่าวถึงผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรในประเทศไทย ชื่อของ “บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ย่อมติดในทำเนียบการรับรู้ (Brand Awareness) ของผู้บริโภคอย่างแน่นอน ภายใต้ความแข็งแกร่งของ ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ คือการจัดวาง 5 เสาหลักธุรกิจ ที่ก้าวข้ามจากการพัฒนาคอนโด สู่พอร์ตที่กระจายครอบคลุมทั้งที่อยู่อาศัย บ้าน โรงแรม บริการ และคลังสินค้า สร้าง Ecosystem ทางธุรกิจ ลดความเสี่ยงและต่อยอดการเติบโตได้อย่างมั่นคง ทั้งกลุ่มพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ภายใต้ ORIGIN VERTICAL กลุ่มพัฒนาโครงการบ้านจัดสรร ภายใต้ บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI กลุ่มธุรกิจบริการ (Service Business) ภายใต้บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI กลุ่มธุรกิจเมกะเทรนด์ระยะยาว (Mega Trends Business) ภายใต้ บริษัท อัลฟ่า อินดัสเตรียล โซลูชั่นส์ จำกัด (ALPHA)
ทว่า อีกหนึ่งธุรกิจที่เป็นดาวรุ่ง และสอดรับกับเติบโตของตลาดท่องเที่ยวในประเทศไทย คือ “โรงแรม” รวมถึงพื้นที่ค้าปลีก อาคารสำนักงาน ในกลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Hospitality & Tourism) ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท ออริจิ้น โฮเทล จำกัด (มหาชน) ที่หมายมั่นปั้นมือกลายเป็น New S-Curve สร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
Brand Buffet ชวนผู้อ่านไปทำความรู้จัก บริษัท ออริจิ้น โฮเทล จำกัด (มหาชน) ที่ขับเคลื่อนธุรกิจหลากหลาย กลายเป็นเสาหลักสำคัญที่สร้างรายได้ประจำอย่างต่อเนื่อง หรือ Recurring Income Business หลังรุกตลาดไม่นาน สามารถขยายพอร์ตโฟลิโอโตแบบก้าวกระโดด และภายใต้ยุทธศาสตร์ 5 ปีข้างหน้า (2569-2573) บริษัทจะเสริมแกร่งพอร์ตโฟลิโอเพิ่มเป็น 33 โครงการ* โดยแบ่งเป็นโรงแรม และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ จำนวน 29 โครงการ จำนวน 7,799 ห้อง และมีพื้นที่เชิงพาณิชย์ และอาคารสำนักงานรวม 4 โครงการ พื้นที่ทั้งสิ้น 52,358 ตร.ม. รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 58,000 ล้านบาท
ปัจจุบัน ออริจิ้น โฮเทล มีธุรกิจหลัก 3 กลุ่ม ประกอบด้วย
1. กลุ่มธุรกิจโรงแรม (Hotel Business) พัฒนาและเปิดให้บริการ จำนวน 9 แห่ง จำนวน 2,306 ห้องพัก มูลค่า 13,370 ล้านบาท ทั้งนี้ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาทั้งหัวเมืองท่องเที่ยวอย่าง ภูเก็ต เชียงใหม่ และชลบุรี
2. ธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่า (Office Building Business) ปัจจุบันเตรียมเปิดให้บริการอาคารสำนักงานให้เช่า 1 แห่ง คือ Origin Complex Sanampao มีพื้นที่รวม 32,200 ตารางเมตร
3. ธุรกิจการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ (Commercial Development Business) ปัจจุบันมีรวม 2 แห่ง พื้นที่รวม 6,659 ตารางเมตร อาทิ พอร์โทเบลโล มอลล์ ศรีราชา และ Neighbor 24 นอกจากนี้ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 3 แห่ง ในกรุงเทพ และ EEC
ล่าสุด ออริจิ้น โฮเทล ยังได้ จับมือ แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ร่วมเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ พัฒนาโรงแรมกลุ่ม ออริจิ้น โฮเทล ภายใต้แบรนด์ของ Marriott รวมจำนวน 3 แห่ง มีโครงการแรกที่พัฒนาร่วมกันในกรุงเทพ ได้แก่ Bangkok Marriott Sukhumvit Onnut จำนวน 252 ห้อง, และ Courtyard by Marriott Bangkok Sukhumvit Onnut จำนวน 232 ห้อง ล่าสุดมีการตกลงร่วมกันพัฒนาโครงการในจังหวัดภูเก็ต ภายใต้ Brand Moxy คือ โครงการ Moxy Phuket Chaofah จำนวน 255 ห้อง มูลค่ารวมของทั้ง 3 โครงการประมาณ 8,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ออริจิ้น โฮเทล และ แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ยังมีแผนในการพัฒนาโรงแรมในอนาคตเพิ่มเติมอีกบนทำเล Tourist Destination ได้แก่ กรุงเทพ ภูเก็ต ชลบุรี เชียงใหม่ มูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้นกว่า 10,000 ล้านบาท
บริษัทฯ มีกระบวนการจัดการทรัพย์สินที่ชัดเจน ตั้งแต่ Build – Operate – Exit – Re Investment เพื่อสร้างเสถียรภาพทางธุรกิจอย่างมั่นคงกระแสเงินสดที่ได้จากการ Exit นำมาสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ เป็น Cycle เพื่อมุ่งมั่นสร้างโอกาสเติบโตแบบคู่ขนานอย่างต่อเนื่องทั้งผ่านการพัฒนาโครงการเอง และการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ๆ
โดยในปี 2568 บริษัทสามารถปิดการขายโรงแรม 2 แห่ง คือ โรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก ทองหล่อ (Staybridge Suites Bangkok Thonglor) ให้กับบริษัท ตันบุญ จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจโรงแรมในเครือครอบครัวของคุณตัน ภาสกรนที ทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดรับสุทธิ (Cash in Flow) เพิ่มขึ้นกว่า 500 ล้านบาท พร้อมสามารถบันทึกกำไรได้ในไตรมาส 4 ปี 2568 ทันที ส่วนโรงแรมอีก 1 แห่งที่ได้ปิดดีลขายหุ้นไปก่อนหน้าคือ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล แบงค็อก สุขุมวิท ทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดรับสุทธิ (Extra Cash) เพิ่มขึ้นกว่า 800 ล้านบาท และสามารถรับรู้กำไรได้ในรอบไตรมาส 3 ปี 2568
การขาย Asset ในกลุ่มธุรกิจ Recurring Income Business หรือการขายหุ้นในโรงแรมหลังเปิดดำเนินงานนั้นอยู่ในแผนตั้งแต่เริ่มต้นอยู่แล้ว โดยบริษัทยังมีโรงแรมอีกหลายแห่งที่มีแผนจะขายออกหรือนำเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ในอนาคต รวมถึงแผนที่จะระดมทุนด้วยการเสนอขายหุ้นกู้ให้กับนักลงทุนในเร็วๆ นี้ ซึ่งจะทำให้มีกระแสเงินสดเข้ามาเพื่อรองรับแผนการเติบโตในอนาคต
ผนึกพันธมิตรทางธุรกิจมุ่งสู่ NEXT LEVEL
ทั้งนี้ภายใต้กลยุทธ์การเติบโตในกลุ่มธุรกิจ Recurring Income Business มุ่งสู่ NEXT LEVEL โดยบริษัทได้เดินหน้า Business Expansion แบบ Open Platform จับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศเพื่อพัฒนาโรงแรมร่วมกัน ปัจจุบันแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่ม Development Partners, กลุ่ม Landlord Partners และ กลุ่ม Investment Partners
การขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตได้ “แม่ทัพ” สำคัญ อย่าง “ชาญชัย พันธุ์โสภา” มารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เพื่อพา “ออริจิ้น โฮเทล” ขยายตัวตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ด้วย
แม่ทัพโดดเด่นมากความสามารถ แบรนด์ในพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลาย ล้วนเป็น “จิ๊กซอว์” ของ “ออริจิ้น โฮเทล” ทว่า หัวใจของธุรกิจยังมี “ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง” เติบโตแบบคู่ขนานอย่างต่อเนื่องทั้งผ่านการพัฒนาโครงการเอง และการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ๆ เพื่อมุ่งหวังให้โครงการเป็นตัวกระตุ้นการเติบโตและส่งมอบผลประโยชน์ให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งล่าสุดบริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2568 จำนวน 2 ชุด ได้แก่ ชุดที่ 1 อายุ 1 ปี 5 เดือน อัตราดอกเบี้ย 6.4-6.5%. และชุดที่ 2 อายุ 2 ปี 4 เดือน อัตราดอกเบี้ย 6.7-6.8% โดยจะมีการจ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ ซึ่งจะเสนอขายหุ้นกู้วันที่ 22-24 ธันวาคม 2569 โดยผู้จองซื้อหุ้นกู้จองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท ทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท
การออกหุ้นกู้ดังกล่าว สะท้อนถึงการเตรียมพร้อมด้านกระสุนทุน เพื่อเดินหน้าพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มโรงแรม ธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่า ธุรกิจการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
ปัจจุบัน บริษัทฯ อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งยังไม่มีผลใช้บังคับ สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากร่างหนังสือชี้ชวน ได้ที่ www.sec.or.th
คำเตือน : การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุนสำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้สามารกศึกษารายละเอียดเต็มได้ที่ www.sec.or.th หรือติดต่อผ่านผู้ติดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งยังไม่มีผลใช้บังคับ
หมายเหตุ : การจัดสรรขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ เงื่อนไขการจัดจำหน่ายเป็นไปตามที่กำหนดในร่างหนังสือชี้ชวน










