
สรุปไตรมาส 3 ปีนี้ CPALL มีกำไรสุทธิ 6,597 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.6% มาจากการดำเนินงานดีขึ้นของกลุ่มธุรกิจร้านสะดวกซื้อ และธุรกิจอื่นๆ เป็นหลัก
ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven
ไตรมาส 3 ปีนี้ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven เปิดร้านใหม่ 169 สาขา ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2568 มีสาขาทั่วประเทศ 15,764 สาขา โดยสาขาส่วนใหญ่เป็น ร้านสแตนด์อโลน หรือประมาณ 86% ของสาขาทั้งหมด ส่วนที่เหลือเป็นร้านในสถานีบริการน้ำมัน ปตท.
ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ไตรมาส 3 ปีนี้ มีรายได้จากการขายสินค้าและบริการรวม 113,853 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.6% มีกำไรสุทธิ 5,202 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.4% เทียบไตรมาสเดียวกันปีก่อน
– ยอดขายเฉลี่ยต่อร้านต่อวัน 81,339 บาท (สาขาเดิมลดลง 0.5%)
– ยอดซื้อต่อบิล 86 บาท
– จำนวนลูกค้าต่อสาขาต่อวัน 943 คน (ลดลงเทียบปีก่อน จากจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง)
ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ใช้กลยุทธ์สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยโฟกัสการรักษาฐานลูกค้าเดิมและขยายฐานลูกค้าใหม่ ด้วยการนำเสนอสินค้าใหม่ พร้อมโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดลูกค้าในแต่ละช่วงเวลา รวมถึงการเพิ่มรายได้จากการขายสินค้า ผ่านกลยุทธ์ O2O คือ 7Delivery และ All Online ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดี โดยมีสัดส่วน 11% ของยอดขายสินค้ารวม
ไตรมาส 3 ปีนี้ สัดส่วนยอดขายร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven มาจากสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม 76% และสินค้าอุปโภคบริโภค 23.5%
ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2568 มีร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ในกัมพูชา 125 สาขา และใน สปป.ลาว 20 สาขา
เป้าหมายปี 2568 วางแผนเปิดสาขาใหม่ในประเทศไทยรวม 700 สาขา
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE



