ท่ามกลางกระแส New Normal ที่เปลี่ยนบ้านให้กลายเป็นศูนย์กลางของการใช้ชีวิต Norse Republics (นอร์ส รีพับบลิค) ผู้นำเข้าแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ระดับโลกสไตล์สแกนดิเนเวียน (อาทิ HAY, Fritz Hansen, Vitra) ภายใต้การนำของ “คุณวีกฤษฏิ์ พลาฤทธิ์ ” กรรมการผู้จัดการ นอร์ส รีพับบลิค ยังคงเดินหน้าสร้างแรงกระเพื่อมให้กับวงการดีไซน์เมืองไทยอย่างต่อเนื่อง เผยทิศทางธุรกิจปีหน้า มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ (Experience) ผ่านโปรเจกต์พิเศษ และการขยายบริการเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่มองว่า “เฟอร์นิเจอร์” คือการลงทุนทางความรู้สึก
จากจุดเริ่มต้นที่ต้องการนำเสนองานดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง วันนี้ NORSE Republics ไม่ได้ขายเพียงฟังก์ชัน แต่ขาย “สุนทรียแห่งการใช้ชีวิต” คุณวีกฤษฏิ์ เผยอินไซต์ที่น่าสนใจว่า การทำตลาดตลอด 10 ปีที่ผ่านมาจึงมุ่งเน้นไปที่ Storytelling เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อ ชื่นชอบในงานศิลปะ โดยคาแรคเตอร์ของแบรนด์จะมาพร้อมความ Humble ซึ่งเป็นสิ่งที่สะท้อนตัวตนของแบรนด์ ภายใต้แนวคิด “Built to be Lived With” โดยเชื่อว่างานออกแบบที่ดีต้องอยู่ร่วมกับผู้คนได้อย่างกลมกลืน
จาก Pain Point สู่โอกาสเมื่อเฟอร์นิเจอร์ “ขายยาก” กว่ารถยนต์
คุณวีกฤษฏิ์ ยังเปิดเผยถึงความท้าทายในตลาดรีเทลว่า เฟอร์นิเจอร์ถือเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคมักละเลย โดยจะให้ความสำคัญเป็นลำดับท้ายๆ เมื่อเทียบกับแฟชั่นหรือรถยนต์ แต่ Norse Republics กลับมองเห็นโอกาสในการสร้างการเติบโต โดยเฉพาะในช่วงหลังโควิด-19 ที่ผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับ Space ในบ้านมากขึ้น
เฟอร์นิเจอร์เป็นสินค้าที่ขายยากกว่ารถยนต์หรือแฟชั่น เพราะมักถูกละเลยเป็นลำดับท้ายๆ แต่หลังโควิด-19 ผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับ Space มากขึ้น เราจึงเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับงานดีไซน์ และชื่นชอบเฟอร์นิเจอร์ที่ผสานความมีศิลปะ และ Timeless โดยที่ไม่ได้มองหาความหวือหวา แต่ต้องการงานดีไซน์ที่สะท้อนรสนิยมและอยู่ได้นาน ดังนั้นกลยุทธ์ของเราจึงไม่ใช่แค่การขายฟังก์ชัน แต่คือการขาย Storytelling และ Emotional Value” คุณวีกฤษฏิ์กล่าว
10 ปีแห่งการสร้าง “Humble Luxury” และบทพิสูจน์ว่าเฟอร์นิเจอร์คือ “Emotional Value”
กลยุทธ์หลักของแบรนด์จึงไม่ใช่การขายที่ฟังก์ชันแต่คือ Storytelling และ Emotional Value โดยเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีคาแรคเตอร์ชัดเจน ผ่านคาแรคเตอร์ของแบรนด์ที่มีความ “Humble” ไม่ต้องการความหวือหวา แต่ต้องการงานดีไซน์ที่สะท้อนตัวตนและคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน ซึ่งกลายเป็นฐานลูกค้า Loyalty ที่เหนียวแน่นและเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
“ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา NORSE Republics ไม่ได้เป็นเพียงทำธุรกิจนำเข้าเฟอร์นิเจอร์ แต่เป็นความมุ่งมั่นในการสร้างคอมมูนิตี้คนรักงานดีไซน์ โดยเชื่อมโยงกับการใช้ชีวิตประจำวันของคนไทย เพราะเราเชื่อว่างานออกแบบที่ดีควรจะอยู่ร่วมกับเราได้อย่างกลมกลืน และสะท้อนคาแร็กเตอร์ของผู้เป็นเจ้าของ การเปิดตัวพื้นที่ใหม่ ๆ ทั้งนิทรรศการของ Jean Prouvé ที่นำมาจัดแสดงเป็นครั้งแรกในเมืองไทย, การรีโนเวท NORSE Store แห่งนี้ครั้งยิ่งใหญ่ในรอบ 10 ปี, การเพิ่ม Book Corner, การร่วมมือกับพันธมิตรอย่าง O.B.A. ในการสร้างสรรค์ Home Fragrance รวมไปถึงเซอร์วิสใหม่ ๆ ที่เราออกแบบมาเพื่อรองรับทุกความต้องการนี้ มั่นใจว่าจะมาช่วยเติมเต็มประสบการณ์ไลฟ์สไตล์อย่างครบครัน เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัส เข้าถึง และเลือกสรรดีไซน์ที่ใช่ มากยิ่งขึ้น”
ทั้งนี้เพื่อปิดช่องว่างและอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าแบบ One-stop service ทาง Norse Republics ได้เปิดตัวบริการออกแบบและจัดวางเฟอร์นิเจอร์ (Interior Styling) ในชื่อม NORSE Design Service อย่างเป็นทางการ โดยทีมสถาปนิกและสไตลิสต์มืออาชีพ เพื่อช่วยลูกค้าในการเลือกสรรและจัดวาง เฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านให้สอดคล้องกับคาแร็กเตอร์และการใช้งานของผู้อยู่อาศัย รวมทั้งเติมเต็มบริบทของพื้นที่โปรดของคุณได้อย่างลงตัว รองรับทั้งกลุ่มลูกค้าบ้าน (Home User) และกลุ่ม Commercial เช่น คาเฟ่ ออฟฟิศ และโรงแรม ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนลูกค้าแบ่งเป็น Retail 70% และ Commercial 30%
มุ่งสู่ Omni-channel เต็มรูปแบบ
นอกจากหน้าร้านที่มีอยู่แล้ว จากนี้ไปในยุคที่เส้นแบ่งระหว่างออฟไลน์และออนไลน์จางลง Norse Republics เตรียมยกระดับแพลตฟอร์ม E-Commerce เต็มรูปแบบในปีหน้า เพื่อรองรับพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไป โดยปัจจุบันยอดขายออนไลน์คิดเป็น 10% ของพอร์ต และมีแนวโน้มเติบโตขึ้น โดยเฉพาะสินค้าชิ้นเล็กและแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักดีอยู่แล้ว
ควบคู่กับการเปิดตัว NORSE Store สุขุมวิท 49 โฉมใหม่ที่ปรับปรุงโดย In-house Design Team เพิ่ม “Book Corner” รวบรวมหนังสือหายากจากสำนักพิมพ์ดังอย่าง Assouline และ Taschen พร้อมเสริมทัพแบรนด์ใหม่ระดับโลกอย่าง Louis Poulsen และ B.D. Barcelona เพื่อขยายฐานลูกค้าทั้งกลุ่ม Retail และ Commercial
ไฮไลท์แห่งปี: ดึงตำนาน Jean Prouvé จัดนิทรรศการครั้งแรกเอเชีย
ทั้งนี้เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 10 ปี NORSE สร้างปรากฏการณ์ด้วยการจัดนิทรรศการ “Jean Prouvé Exhibition: The Art of Construction” นำผลงานของ Jean Prouvé (ฌอง พูร์เว่) สถาปนิกและดีไซเนอร์ระดับตำนานชาวฝรั่งเศส มาจัดแสดงเป็นครั้งแรกในประเทศไทย
โดยนิทรรศการนี้สะท้อนปรัชญาการออกแบบที่ผสานศิลปะเข้ากับวิศวกรรม ไฮไลท์สำคัญคือ เก้าอี้ Antony Limited Edition 2025 ดีไซน์ปี 1954 ที่ Vitra นำกลับมาผลิตใหม่ โดดเด่นด้วยโครงสร้างเหล็กสีแดง Rouge Corsaire และที่นั่งไม้สนยุโรปเคลือบแว็กซ์ ซึ่งมีแรงบันดาลใจมาจากโครงสร้างปีกเครื่องบินที่ต้องเบาแต่แข็งแรง สะท้อนประวัติศาสตร์งานดีไซน์ยุค Mid-Century ได้อย่างทรงพลัง โดยเปิดให้เข้าชมฟรี ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2568 จนถึง 31 มีนาคม 2569 ที่ชั้น 2 NORSE Store ซอยสุขุมวิท 49 ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถจับจองเป็นเจ้าของเก้าอี้ Antony รุ่น Limited Edition 2025 ได้ภายในวันที่ 29 ธันวาคม 2568 นี้เท่านั้น
นอกจากนี้ ยังได้เติมเต็มประสบการณ์ด้านไลฟ์สไตล์อย่างครบครัน ด้วยการร่วมมือกับแบรนด์ชั้นนำเปิดตัวพื้นที่สร้างแรงบันดาลใจใหม่ อาทิ Book Corner Curated by NORSE พื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยหนังสือสร้างแรงบันดาลใจจากสำนักพิมพ์ชั้นนำระดับโลก อาทิ Assouline, Gestalten, Apartamento, Taschen และอีกมากมาย เพื่อเป็นแหล่งรวมความรู้ด้านดีไซน์ ศิลปะ และสถาปัตยกรรมให้กับทุกคน ตลอดจนการผนึกพาร์ทเนอร์เพื่อสร้างการรับรู้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น
- NORSE X O.B.A.: รุกตลาด Home Fragrance ร่วมกับแบรนด์เครื่องหอม O.B.A. สร้างสรรค์กลิ่น “ROSEN” (Unisex) ที่ได้แรงบันดาลใจจากป่าสนนอร์ดิก ผสานกลิ่นซิตรัส กุหลาบ และหญ้าแฝก เพื่อสร้างบรรยากาศผ่อนคลายภายในบ้าน
- Art Collaboration: จับมือกับ Bloody Hell Big Head (BHBH) ศิลปินวาดภาพประกอบชาวไทย ออกคอลเลกชันฉลอง 10 ปี สะท้อนภาพลักษณ์แบรนด์ที่สนับสนุน Local Talent และเข้าถึงง่าย
สำหรับโรดแมปธุรกิจในปีหน้า NORSE Republics เตรียมสร้างความสดใหม่ให้กับตลาด ตั้งแต่การทำ Strategic Collaboration ร่วมกับ SC Asset Project: โปรเจกต์ “Pause of Senses” เนรมิตบ้านโบราณใจกลางสุขุมวิท 20 ให้เป็น Pop-up Space (ม.ค. – เม.ย. 2569) เน้นเปิดประสบการณ์ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ก่อนพื้นที่นั้นจะถูกเปลี่ยนแปลง
“เป้าหมายสูงสุดของเราไม่ใช่แค่ตัวเลขยอดขาย แต่คือการทำให้งานดีไซน์กลายเป็นเรื่องใกล้ตัว และยกระดับความเข้าใจด้านศิลปะการตกแต่งบ้านของคนไทยให้เทียบเท่าระดับสากลอย่างญี่ปุ่นหรือเกาหลี” คุณวีกฤษฏิ์กล่าวทิ้งท้าย










