แม้ทุกวันนี้โซเชียลมีเดียจะเป็นช่องทางให้คนที่หลงใหลในเสียงดนตรีแจ้งเกิดและเป็นที่รู้จักได้อย่างรวดเร็ว จนทำให้หลายคนและหลายเพลงโด่งดังเพียงไม่กี่ชั่วโมง แต่ “เวทีประกวดดนตรี” ยังเป็นช่องทางสำคัญ เพราะนอกจากการทำให้คนที่รักในเสียงดนตรีได้มีพื้นที่แสดงความสามารถ หากฝีมือของผู้เข้าแข่งขันคนไหนโดดเด่น หรือคว้าแชมป์มาครอบครอง ก็เป็นเหมือนสปริงบอร์ดสู่โอกาสที่ใหญ่ขึ้นในวงการดนตรีต่อไปได้เช่นกัน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเวทีประกวดดนตรีจึงกลับมาบูมมากขึ้น และหลายเวทีสร้างสีสันให้วงการดนตรีอย่างมาก หนึ่งในนั้นคือ THE POWER BAND ซึ่งเป็นการประกวดวงดนตรีสากลคุณภาพระดับประเทศของ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นเป็น Season 5 แล้ว และล่าสุดเพิ่งประกาศผลการแข่งขันไปหมาดๆ โดย 2 วงดนตรีจาก “วง สกลพัฒน์” และ “วง Dr.Jull” คว้าแชมป์ไปครอง
พื้นที่แห่ง “โอกาส” สานฝันคนดนตรีสู่ศิลปินอาชีพ
จากความเชื่อในศักยภาพด้านดนตรีของคนไทยไม่แพ้ชาติใด และต้องการเปิดโอกาสให้คนได้มี “พื้นที่” แสดงความสามารถทางด้านดนตรี เพราะเชื่อว่าจะช่วยให้คนดนตรีได้มีเวทีในการพัฒนาตัวเองไปสู่สิ่งที่ฝันได้ THE POWER BAND ถือเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ให้คนที่รักในเสียงดนตรีได้มาโชว์พลัง และมีผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรีมาช่วยวิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็งให้ผู้เข้าประกวดแบบจุดต่อจุด พร้อมด้วยกิจกรรมค่ายดนตรี หรือ THE POWER BAND MUSIC CAMP ที่จะช่วยให้น้องๆ ได้เรียนรู้ทักษะด้านดนตรีในแต่ละด้านจากมิวสิคกูรูตัวจริง
“เวทีนี้ไม่ใช่แค่เวทีประกวดวงดนตรี แต่เป็นพื้นที่แห่งโอกาสให้คนดนตรีได้แสดงศักยภาพและยกระดับวงการดนตรีให้ก้าวไปอีกขั้น” คุณธีรชาติ ธนสารกิจ รองประธานเจ้าหน้าที่สายงานภาพลักษณ์และสื่อสารองค์กร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ บอกถึงความแตกต่างของ THE POWER BAND จึงทำให้แต่ละปีมีเหล่าคนดนตรีเข้ามาแสดงพลังทางดนตรีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และปัจจุบันมีวงดนตรีเข้ามาแข่งขันกว่า 1,148 วง โดยปีนี้มีผู้เข้าร่วมประกวดกว่า 326 วง
แต่สิ่งสำคัญกว่านั้นคือ การได้เห็นพลัง และความสามารถของคนที่หลงใหลในเสียงดนตรีเพิ่มขึ้น อีกทั้งหลายวงยังโดดเด่นจนถูกดึงตัวไปปั้นเป็นศิลปินมืออาชีพโลดแล่นในวงการ อย่างวง Kyptonyte และวง PINGPING PANPAN ทำให้หลังจากนี้หวังว่าจะได้เห็นดาวดวงใหม่เกิดขึ้นจากเวทีนี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
มากกว่ารางวัล คือ การได้ “เพื่อน”
สำหรับการแข่งขันปีนี้ ยังคงเข้มข้นเหมือนเดิม แต่ ดร.ณรงค์ ปรางค์เจริญ คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล บอกว่า สิ่งที่พิเศษกว่าเดิมคือ มีวงที่เคยชนะการแข่งขันกลับมาประกวดอีก สะท้อนให้เห็นว่า เวทีนี้เปิดโอกาสให้ทุกคน ถ้าวันนี้แพ้ พรุ่งนี้ก็เริ่มใหม่ ถ้าชนะ พรุ่งนี้ก็กลับมาแข่งใหม่ได้อีก และไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ ก็เป็นวันเริ่มต้นที่จะโชว์ให้เห็นว่าดนตรีสามารถสร้าง Possibility ได้มากมาย ที่สำคัญคือ ได้เพื่อนด้วย
สำหรับในปีนี้มีวงดนตรีผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ 29 วง แบ่งเป็นรุ่นมัธยมศึกษา 17 วง และรุ่นบุคคลทั่วไป 12 วง โดย “วง สกลพัฒน์” โรงเรียนสกลนครพัฒนศึกษา จ.สกลนคร คว้าแชมป์สุดยอดวงดนตรีระดับมัธยมฯ ส่วนวงที่สามารถคว้าแชมป์รุ่นบุคคลทั่วไป เส้นทางสู่ศิลปินมือาชีพ ได้แก่ “วง Dr.Jull” จ.นครปฐม โดยทั้ง 2 วง ได้รับถ้วยรางวัลเกียรติยศ และเงินรางวัล 150,000 บาท พร้อมร่วมทำซิงเกิลเพลง และมิวสิกวิดีโอกับค่ายเพลงภายใต้การดูแลของ บริษัท มิวซิกมูฟ จำกัด และโอกาสในการร่วมแสดงในเทศกาลดนตรีระดับประเทศ
“ลองทำให้เต็มที่” – “ทำด้วยใจ” เคล็ด (ไม่) ลับสู่แชมป์
ตัวแทนจาก วง สกลพัฒน์ บอกว่า รู้สึกดีใจและภูมิใจมากๆ ขอบคุณสมาชิกทุกคนที่ร่วมกันทำวง รวมถึงอาจารย์และคณะกรรม ซึ่งปีนี้มาประกวดเป็นปีที่ 3 แล้ว ปีแรกไม่ได้รางวัลอะไรเลย แต่ก็สู้ต่อ เพราะเวทีนี้ไม่ใช่แค่เวทีแข่งขัน แต่ให้ทั้งมิตรภาพ และได้ความรู้อะไรมากมาย จึงนำประสบการณ์เหล่านี้มาพัฒนาจนมาถึงวันนี้ จึงอยากให้ทุกคนที่มีฝันในดนตรี “ลองทำดูก่อน” เพราะการล้มเหลวแค่ 1 ครั้ง ไม่ได้แปลว่า เราล้มเหลว แต่มันคือ จุดเริ่มต้นของความสำเร็จในอนาคต
แม้จะเข้ามาประกวดหลายครั้ง แต่ยอมรับว่าการแข่งขันในปีนี้ “ยาก” มาก เพราะทุกวงมีฝีมือหมดเลย จึงต้องแอคทีฟตัวเองมากขึ้น พร้อมกับเลือกแนวเพลงที่มีเอกลักษณ์ และสะท้อนความเป็นตัวตนของวงออกมาให้มากที่สุด จนกลายเป็นจุดเด่นที่ทำให้มัดใจคณะกรรมการ ซึ่งหลังจากนี้อยากจะเล่นดนตรีไปเรื่อยๆ เพราะเป็นสิ่งที่ชอบและเลือกแล้ว
ส่วนตัวแทนจาก วง Dr.Jull บอกว่า รู้สึกตื่นเต้น และดีใจที่ได้แชมป์ เพราะคาดหวังเอาไว้ และฝึกซ้อมกันหนักมาก แทบไม่ได้นอนกันเลย จึงดีใจที่เป็นไปตามที่หวัง อีกทั้งยังได้ประสบการณ์ดีๆ รวมถึงเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ มากมาย โดยรอบนี้ใช้แนวเพลงอาร์แอนด์บี ซึ่งเป็นแนวที่ชอบและสามารถแสดงตัวตนออกมาได้ชัดเจน ส่งผลให้วงโดดเด่นและคว้ารางวัลในครั้งนี้ จึงอยากขอบคุณรายการนี้ และที่สำคัญคือ ผู้ปกครองที่คอยสนับสนุนมาตลอด ถ้าไม่มีพวกเขาก็ไม่มีพวกเราในวันนี้ และอยากให้ทุกคนที่มาประกวดไม่ต้องกลัว ทำให้เต็มที่ ถ้าเรามีความสุข คนดูก็มีความสุขอย่างแน่นอน
สำหรับคนดนตรีที่พลาดการประกวดในปีนี้ เตรียมฝึกซ้อมฝีมือไว้เลย โอกาสหน้าไม่แน่ว่าศิลปินคนต่อไปอาจเป็นคุณ








