HomePR Newsทองคำร้อนแรง! แต่ยังไม่เกิดฟองสบู่ แม้ทำ All New High ต่อเนื่อง ทองไทยขึ้นมาแล้ว 39.6%

ทองคำร้อนแรง! แต่ยังไม่เกิดฟองสบู่ แม้ทำ All New High ต่อเนื่อง ทองไทยขึ้นมาแล้ว 39.6%

สรุป 4 ปัจจัยพื้นฐานทองคำยังคงแข็งแกร่ง 

แชร์ :

“วายแอลจี” ชี้ทองคำร้อนแรงเกินต้าน ปีนี้ปรับขึ้นแล้วกว่า 47% ทองไทยขึ้นมาแล้ว 39.6% แต่ยังไม่เข้าข่ายภาวะฟองสบู่ ชี้ปัจจัยทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานยังแข็งแกร่ง แม้ระยะสั้นเข้าเขตซื้อมากเกินไป อาจมีแรงขายทำกำไร แต่ระยะกลาง ระยะยาว ไปต่อมีโอกาสเห็น 4,000 ดอลลาร์

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

คุณฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน เเอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) เปิดเผยว่าจากต้นปีถึงปัจจุบัน ( 1 ต.ค. 2568 ) ราคาทองคำโลกปรับขึ้นมาแล้ว 47% ขณะที่ราคาทองคำแท่งในประเทศปรับขึ้นมาแล้ว 39.6%

ปีนี้ราคาทองคำได้ขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ทองคำกลายเป็นสินทรัพย์ที่ร้อนแรงอย่างมาก จนทำให้เริ่มมีความกังวลว่าทองคำจะเข้าใกล้ภาวะฟองสบู่หรือไม่

หากพิจารณาจากทั้งปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคแล้ว จะพบว่าราคาทองคำยังไม่เข้าภาวะฟองสบู่ และยังมีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นไปต่อ ทั้งจากแนวโน้มระยะกลางและระยะยาว แม้ว่าระยะสั้นราคาทองคำปรับตัวขึ้นจนเข้าสู่สภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) จึงต้องระวังแรงขายทำกำไรและแรงขายทางเทคนิคที่จะสลับออกมา

อย่างไรก็ดีตราบใดที่ราคายังยืน 3,409 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ได้ หรือ 52,000-51,000 บาทต่อบาททองคำ ยังคงประเมินว่าเป็น “พักเพื่อขึ้นต่อ” ประเมินแนวรับแรกไว้ที่  3,740 – 3,600 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ หรือ 57,600 – 55,400 บาทต่อบาททองคำ จะเป็นจุดพักที่อาจใช้เป็นแนวเข้าซื้อเพิ่มเติม หลังจากราคาทะลุแนวต้านบริเวณ 3,850 ดอลลาร์สหรัฐ

YLG ประเมินเป้าหมายถัดไปของปีนี้ ที่ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 61,600 บาทต่อบาททองคำ

สรุป 4 ปัจจัยพื้นฐานทองคำยังคงแข็งแกร่ง 

1. กระแสความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐ ฯ  (เฟด) ถูกจับตามากขึ้น เมื่อประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้วิพากวิจารณ์การทำงานของนายเจอโรม  พาวเวลล์ ประธานเฟดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากความเป็นอิสระของเฟดถูกกัดกร่อน  จะบั่นทอนสถานะของดอลลาร์สหรัฐฯ ในฐานะสกุลเงินสำรอง  และลดความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ  ซึ่งจะหนุนทองคำ

2. แนวโน้มเฟดเดินหน้าลดดอกเบี้ย หลังจากที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 22,000 ตำแหน่งในเดือน ส.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 75,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.3%   ส่งผลให้นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในในการประชุมสัปดาห์หน้า ซึ่งจะส่งผลดีต่อทองคำที่เป็นสินทรัพย์ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายดอกเบี้ยขาลง

3. แรงซื้อจากธนาคารกลางทั่วโลก YLG มองว่า กระแสลดการพึ่งพาดอลลาร์ (de-dollarization) เป็นส่วนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการเร่งตัวของแรงซื้อทองคำในหมู่ธนาคารกลางทั่วโลกอย่างต่อเนื่องนับจากปี 2565 – 2567  ธนาคารกลางเข้าซื้อทองคำมากกว่า 1,000 ตันต่อปี  ซึ่งถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงปี 2553 -2564 ที่ 478 ตันกว่า 2 เท่า  โดยเฉพาะจีนที่ซื้อทองอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องมากขึ้น

ล่าสุดธนาคารกลางจีน ( PBOC ) เพิ่มการถือครองทองคำในเดือน ส.ค. เป็นเดือนที่ 10 ติดต่อกัน โดย PBOC ถือครองทองเพิ่มขึ้น 60,000 ออนซ์ หรือ 1.87 ตัน สู่ระดับ 74.02 ล้านทรอยออนซ์  หรือ 2,302.47 ตันในเดือนที่แล้ว  ทำให้สัดส่วนทองคำของจีนในเงินทุนสำรองเพิ่มจาก 3.8% เป็นเกือบ 7%

4.  กระแสเงินทุนไหลเข้าจากกองทุน ETF ทองคำ หลังจากเกิดกระแสเงินทุนไหลออกต่อเนื่อง 2 ปีติดต่อกันในปี 2566-2567  แต่ปีนี้หนึ่งในผู้ซื้อหลักที่กลับมา คือ กองทุน ETF ทองคำทั่วโลก  และเป็นอีกปัจจัยที่กลับมาหนุนทองคำอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้พบว่าตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่  26 ก.ย. กองทุน ETF ทอง “ทั่วโลก” ยังคงถือครองทองคำเพิ่มรวม  587.8 ตันสู่ระดับ 3,7806.6 ตัน

นอกจากนี้ทองคำยังได้รับปัจจัยหนุนชั่วคราวจนทำให้ทองคำเกิด All Time High จากการปิดทำการชั่วคราวของรัฐบาลสหรัฐฯ (Government Shutdown) ซึ่งถือว่าเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก และโดยทั่วไปก็มักจะกินเวลาไม่นาน  สำหรับทุก ๆ สัปดาห์ที่เกิดการ shutdown จะทำให้อัตราการเติบโตของ GDP ที่แท้จริงลดลงราว -0.15% แต่จะมีผลบวกในขนาดเท่ากันกลับคืนมาในไตรมาสถัดไป และคาดว่าจะมีผลกระทบต่อการจ้างงานเดือนตุลาคมที่อาจจะขยับขึ้น 0.1–0.2% หากการ shutdown ยืดเยื้อเกินวันที่ 18 ตุลาคม

ส่วนนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในทองคำในช่วงนี้ YLG แนะนำลงทุนผ่านตลาดฟิวเจอร์สเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในช่วงที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นในระดับสูง เพราะใช้เงินลงทุนเพียง 10% ของราคาทองคำ และสามารถทำกำไรได้ทุกสภาวะตลาด

ติดตามพวกเราได้ที่ LINE


แชร์ :

You may also like