HomeBrand Move !!“ป้อม-ภาวุธ” เปิด 3 ประเด็น “น่ากังวล” ต่อการเติบโตของธุรกิจไทยในปี 2026

“ป้อม-ภาวุธ” เปิด 3 ประเด็น “น่ากังวล” ต่อการเติบโตของธุรกิจไทยในปี 2026

แชร์ :

 

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

“ป้อม-ภาวุธ” เปิด 3 ประเด็นน่ากังวลต่อการเติบโตของธุรกิจไทยในปี 2026 “แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซปิดกั้นข้อมูล-บัญชีม้า-เฟรมเวิร์กด้าน RECIPROCAL TRADE ระหว่างไทย – สหรัฐ” คาดกระทบภาคธุรกิจทั้งออนไลน์-ออฟไลน์ให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

ห่วง Framework RECIPROCAL TRADE ไทย-สหรัฐ ทำเสียเปรียบ

นอกจากประเด็นแร่ Rare Earth ที่ทำให้คนไทยหลายคนเกิดความกังวลว่าประเทศไทยจะเสียประโยชน์ หรือตกเป็นเป้าในสมรภูมิ Geopolitics ระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนแผ่นดินใหญ่แล้ว ในด้านเศรษฐกิจ ก็มีการเผยอีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจจากพบปะกันระหว่างผู้นำไทยและสหรัฐอเมริกาเช่นกัน โดยประเด็นดังกล่าวเป็นข้อความที่ปรากฏอยู่ใน JOINT STATEMENT ON A FRAMEWORK FOR A UNITED STATES-THAILAND AGREEMENT ON RECIPROCAL TRADE ที่ระบุว่า

The United States and Thailand will finalize commitments by Thailand to address barriers impacting digital trade, services, and investment.  Thailand commits to refrain from imposing digital services taxes or measures that discriminate against U.S. digital services or digital products; to ensure the free transfer of data across trusted borders for the conduct of business; to support a permanent moratorium on customs duties on electronic transmissions at the WTO; to refrain from imposing screen quotas for film; to ease foreign ownership restrictions for U.S. investment in Thailand’s telecommunications sector; and to remove in-country processing requirements for all domestic retail electronic payment transactions for debit cards issued in Thailand.

 

หรือถอดเป็นใจความภาษาไทยได้ว่า สหรัฐอเมริกาและไทยจะดำเนินการสรุปข้อตกลงในการแก้ไขอุปสรรคที่ส่งผลกระทบต่อการค้า บริการ และการลงทุนดิจิทัล ในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้

    • ประเทศไทยให้คำมั่นที่จะงดเว้นการจัดเก็บภาษีบริการดิจิทัล หรือมาตรการที่เลือกปฏิบัติต่อบริการดิจิทัลหรือผลิตภัณฑ์ดิจิทัลของสหรัฐอเมริกา
    • รับรองการถ่ายโอนข้อมูลอย่างเสรีข้ามพรมแดนที่เชื่อถือได้เพื่อการดำเนินธุรกิจ
    • สนับสนุนการระงับภาษีศุลกากรสำหรับการส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างถาวรที่องค์การการค้าโลก (WTO)
    • งดเว้นการกำหนดโควตาภาพยนตร์
    • ผ่อนปรนข้อจำกัดการถือครองกรรมสิทธิ์ของชาวต่างชาติสำหรับการลงทุนของสหรัฐฯ ในภาคโทรคมนาคมของไทย
    • ยกเลิกข้อกำหนดที่ระบุให้บัตรเดบิทที่ออกในประเทศไทย ต้องประมวลผลการทำธุรกรรมต่าง ๆ ภายในประเทศไทยเท่านั้น

จากเฟรมเวิร์กดังกล่าว จุดที่ คุณภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Pay Solutions ให้ความเห็นว่าน่ากังวล คือการยกเลิกข้อกำหนดที่ระบุให้บัตรเดบิทที่ออกในประเทศไทย ต้องประมวลผลการทำธุรกรรมต่าง ๆ ภายในประเทศไทยเท่านั้น

“เมื่อก่อนธนาคารแห่งประเทศไทยพยายามกํากับว่า ถ้าคุณจะใช้บัตรเดบิท Transaction ต้องประมวลผลภายในประเทศเท่านั้น เหตุเพราะเรากังวลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล แต่ถ้ามีข้อนี้ เท่ากับว่า ในอนาคตการ process ด้านการเงินและธุรกรรมอาจสามารถทำนอกประเทศได้ ซึ่งมองได้หลายมุมมาก”

ทั้งนี้ จากภาพดังกล่าวพบว่า การใช้จ่ายผ่านบัตรรูปแบบต่าง ๆ ในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

“อีกข้อคือ เมื่อมีการประมวลผลในประเทศ เขาก็ต้องมาลงทุน ตั้งระบบในประเทศไทย เงินก็อยู่ในประเทศไทย แต่ถ้ามีตัวนี้ปุ๊บ เขากลับไป Process ที่ต่างประเทศได้ ข้อมูลมันก็ไม่อยู่ในประเทศเราแล้ว และอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นสำหรับภาคธุรกิจของไทยด้วย นอกจากนี้ การส่งข้อมูลออกไป เราก็ไม่รู้ว่าเขาจะเอาไปทำอะไรต่อครับ”

แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซขึ้นค่าธรรมเนียม-ปิดกั้นข้อมูล

shutterstock_ecommerce social commerce online shopping

อีกหนึ่งประเด็นที่น่ากังวลสำหรับการแข่งขันของภาคธุรกิจไทยในปีหน้า ก็คือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ปัจจุบันมีการปิดกั้นการเข้าถึงข้อมูลผู้ซื้อ ทำให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ไม่สามารถทราบได้ว่า ผู้ซื้อของตนเองนั้นเป็นใคร และไม่สามารถนำข้อมูลเหล่านั้นไปต่อยอดได้ เท่ากับว่าต้องผูกติดกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซมากขึ้นเรื่อย ๆ

นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องค่าธรรมเนียมที่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซมีการเรียกเก็บจากผู้ประกอบการได้โดยไม่มีการควบคุมที่เหมาะสม ซึ่งในจุดนี้ คุณภาวุธเสนอแนวทางแก้ไขว่า ภาคธุรกิจควรให้ความสำคัญกับการสร้างช่องทางของตัวเอง เพื่อลดการพึ่งพาแพลตฟอร์มต่าง ๆ รวมถึงภาครัฐควรให้ความสำคัญกับการมีแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซกลาง

“ปีนี้เราได้เห็นว่าแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซพยายามปรับค่าบริการขึ้นมาก เราจึงพยายามจะกระตุ้นให้ผู้ประกอบการไทยให้ความสำคัญกับการสร้างช่องทางของตนเองเพื่อลดการพึ่งพาแพลตฟอร์มเหล่านั้น ซึ่งถ้าข้อมูลลูกค้าอยู่ใน Platform ของตัวเอง เราก็ไม่ต้องเสียค่าคอมมิชชั่นมาก ๆ เหมือนในปัจจุบัน”

“นอกจากนี้ ผมมีการทำงานร่วมกับคณะกรรมาธิการฯ เพื่อจะปรับกฎหมายให้แพลตฟอร์มเปิดข้อมูลเหล่านี้ออกมาให้ได้ รวมถึงการกำหนดกรอบให้ชัดเจนว่า การขึ้นค่าธรรมเนียมต้องมีกฎเกณฑ์จะขึ้นเองไม่ได้ หรือจะผูกขาดขนส่งไม่ได้ ฯลฯ เป็นต้น”

“อีกอันที่ต้องทำคือการสร้าง Platform ของประเทศ ซึ่งวันนี้ก็มีนโยบายเรื่อง Open Platform แล้ว ผมมีโครงการหนึ่งชื่อว่า Open Commerce Network (OCN) ตอนนี้ก็เดินสายคุยกับหลายที่เหมือนกัน และก็เริ่มมีหน่วยงานบางแห่งสนใจแล้วนะครับ  ฉะนั้นวันนี้ก็พยายามจะให้เห็นเป็น Framework Digital ทั้งประเทศ และ Pay Solution ก็อยากเป็นหนึ่งฟันเฟืองเหล่านั้น” คุณภาวุธกล่าว

จับบัญชีม้าด้วย AI

ในประเด็นสุดท้ายคือการเติบโตของแก๊งอาชญากรรมออนไลน์ กับการสร้างบัญชีม้า และทำธุรกรรมผิดกฎหมาย ซึ่งในส่วนของ Pay Solutions พบว่า มีการพบเส้นทางของเงินผิดกฎหมายเพิ่มขึ้นในหลายรูปแบบ

การทำ Payment ทุกวันนี้มีความท้าทายมากกว่าเมื่อ 10 ปีก่อนอย่างมาก ข้อดีคือตอนนี้เราทำงานใกล้ชิดกับหน่วยงานภาครัฐ มีทีมวอร์รูมอยู่ ฉะนั้นพอมีเส้นเงินผิดกฎหมายเข้ามาแล้วที่เรา เราจะสามารถหยุดมันได้ก่อน”

“ตอนนี้เราเริ่มมีการ Integrate ระบบเรา เข้ากับระบบของภาครัฐแล้วนะครับ เกี่ยวกับการป้องกันพวกบัญชีม้านะครับ รวมถึงเงินที่เกี่ยวกับการโกงต่าง ๆ โดยตอนนี้ เรามี Centralized Blacklist เดี๋ยวจะเริ่มนำ AI เข้าไปเทรน ทุกรายการที่มีการชำระเข้ามา เราจะเริ่มมีการวิเคราะห์มากขึ้นว่า IP มาจากไหน แล้วก็เอา AI ไปวิ่งเช็คทุกรายการ แล้วก็จะเริ่มนำ AI มาใช้กับลูกค้าด้วย เพราะว่าข้อมูลค่อนข้างเยอะ” 

ขณะที่ความท้าทายของ Pay Solutions เองนั้น คุณภาวุธให้ทัศนะว่า “ที่ผ่านมา เราเป็นผู้ประกอบการด้าน Payment ที่มีความเป็นไทยสูงที่สุดแล้ว และพยายามลงไปในตลาดที่ไม่มีใครลง นั่นคือการช่วยผู้ประกอบการไทย ซึ่งในปีหน้า สิ่งที่เรากังวลคือการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบของสหรัฐฯ ที่เปิดออกมา ว่าจะกระทบกับเราไหม แต่คิดว่าแบงค์ชาติพยายามป้องกันเอาไว้ได้อยู่”

“ส่วนเรื่องความท้าทายด้านธุรกิจ ก็คือผู้ประกอบการไทยจะสู้ไหวไหม เมื่อถูกแพลตฟอร์มผูกขาด และดึงการใช้จ่ายไปหมดเลย แล้วถ้าถึงตอนนั้น ผู้ประกอบการไทยจะทำอย่างไร มันคือความท้าทายว่ารัฐจะช่วยเราได้ขนาดไหน ลดการผูกขาดได้อย่างไรบ้าง ซึ่งต้องอาศัยรัฐบาลที่เข้าใจจริง ๆ ครับ” คุณภาวุธกล่าวทิ้งท้าย


แชร์ :

You may also like