อัฐยายซื้อขนมยายกันไปมาในโลกเทคโนโลยี เมื่อ “Nvidia” ประกาศลงทุนใน OpenAI ครั้งใหญ่ มูลค่า 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หวังเสริมแกร่งเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ โดยหลังจากประกาศอย่างเป็นทางการ หุ้นของ Nvidia ก็ปรับตัวขึ้นทันที 4% ทำให้บริษัทมีมูลค่าสูงสุดเท่าที่เคยมีมา นั่นคือ 4.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
การลงทุนครั้งนี้ ทาง Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia ยังได้กล่าวยกย่อง OpenAI ที่บริษัทลงทุน ว่าเป็นบริษัทซอฟท์แวร์ที่เติบโตเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วย พร้อมระบุว่า ดีลดังกล่าวจะเปิดให้ OpenAI ได้เข้าถึง Data Center ของ Nvidia อย่างน้อย 10 กิกะวัตต์ เพื่อนำไปใช้เทรนโมเดล AI รุ่นใหม่ของบริษัท (หรือเทียบเท่ากระแสไฟฟ้าที่จ่ายให้กับบ้าน 8 ล้านหลังคาเรือน)
อย่างไรก็ดี ในอีกมุมก็มีการมองว่า ดีลดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะความพยายามในการพัฒนาขีดความสามารถของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ให้ฉลาดเหนือมนุษย์อาจมาถึงทางตันแล้ว จึงทำให้ Nvidia ต้องตัดสินใจดังที่ปรากฏเป็นข่าว นั่นคืออนุญาตให้ OpenAI ได้เข้าใช้ Data Center ของตนเอง เพื่อเร่งขีดความสามารถของโมเดล AI ท่ามกลางความต้องการใช้งานของคนทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ส่วนผลตอบแทนที่ Nvidia ได้รับก็คือมูลค่าหุ้นที่พุ่งขึ้นราว 4% จนทำให้ Nvidia กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก (4.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ) ซึ่งก่อนหน้านี้ Oracle ที่เคยประกาศลงทุนใน OpenAI มูลค่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐ ก็เคยได้รับประสบการณ์เดียวกันมาแล้ว โดยหุ้นของ Oracle หลังประกาศลงทุนใน OpenAI พุ่งขึ้นจนบริษัทมีมูลค่าเกือบ 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว
อีกหนึ่งผลตอบแทนที่ Nvidia จะได้รับก็คือ การที่ OpenAI ระบุว่า จะนำเงินลงทุนจาก Nvidia ไปจ่ายเป็นค่าชิปให้กับ Nvidia นั่นเอง
Huawei ผุด SuperPoDs ท้าชนการพัฒนา AI
คุณเอริค สวี่ (Eric Xu) รองประธานและประธานกรรมการบริหารแบบหมุนเวียนตามวาระของหัวเว่ยกล่าวถึงเทคโนโลยี SuperPoDs ในงาน Huawei Connect 2025 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี แม้จะมีการประเมินว่า เทคโนโลยีด้านชิปสำหรับ AI ของจีนยังก้าวช้ากว่าสหรัฐอเมริกา แต่ข่าวคราวในฝั่งโลกตะวันออกก็ไม่น้อยหน้า เมื่อมีรายงานว่า หัวเว่ย (Huawei) บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนได้เปิดตัว SuperPoDs และ SuperClusters ในงาน HUAWEI CONNECT 2025 ด้วยเช่นกัน โดย SuperPoD คือระบบประมวลผลขนาดใหญ่ที่ทำงานเสมือนเป็นเครื่องเดียว (Single Logical Machine) แต่จริง ๆ แล้ว ภายในประกอบด้วยเครื่องจริงหลายเครื่อง (Multiple Physical Machines) ซึ่งหัวเว่ยระบุว่า การมี SuperPoDs ทำให้การวิเคราะห์ และประมวลผลเกิดขึ้นร่วมกันได้อย่างเป็นระบบ และลดข้อจำกัดด้านสายไฟเบอร์ ความหน่วงในการส่งผ่านข้อมูลลงได้
นอกจากนั้นยังมีการเปิดตัว Atlas 950 SuperCluster ซึ่งเป็นคลัสเตอร์ประมวลผลขนาดใหญ่ที่ประกอบขึ้นจาก Huawei SuperPoDs หลายชุดด้วย โดย SuperPoDs และ SuperClusters จะเข้ามาช่วยสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี AI ทั้งในปัจจุบันและอนาคตให้กับบริษัทเทคโนโลยีของจีน ท่ามกลางความท้าทายด้านการกีดกันทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาที่ยังคงมีมาตรการตอบโต้กันไปมานั่นเอง
ทั้งนี้ การเปิดตัว SuperPoDs มีขึ้นหลังจากหน่วยงานของจีนอย่าง Cyberspace Administration of China ได้สั่งห้ามบริษัทเทคโนโลยีในประเทศ (เช่น อาลีบาบา, ByteDance) ซื้อชิป AI ของ Nvidia รวมถึงผลิตภัณฑ์อย่าง RTX Pro 6000D (ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาสำหรับตลาดในจีนโดยเฉพาะ) มาใช้งาน