การรับประทานอาหารมื้อเช้าอาจเป็นสิ่งที่ถูกมองข้ามมากขึ้นในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย หลังมีการเปิดเผยจากผู้บริหาร McDonald’s ว่า คนกลุ่มนี้เลือกที่จะข้ามมื้อดังกล่าวไป “เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย”
ผู้ที่ออกมาเปิดเผยเรื่องดังกล่าวคือ Chris Kempczinski ซีอีโอของ McDonald’s ว่า ลูกค้าของ McDonald’s ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในตอนนี้คือกลุ่มที่มีรายได้ระดับกลาง และกลุ่มรายได้น้อย พร้อมระบุว่า คนเหล่านี้เลือกที่จะไม่รับประทานอาหารมื้อเช้า (หรืออาจจะทำอาหารรับประทานเองที่บ้านแทน)
Kempczinski กล่าวต่อไปด้วยว่า ตอนนี้ ผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกาแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม นั่นคือ กลุ่มรายได้ระดับบนที่ยังคงมีการจับจ่ายใช้สอย ยังคงเดินทางท่องเที่ยว และมีความมั่นใจในเศรษฐกิจ กับกลุ่มรายได้ระดับกลางและล่าง ที่เริ่มเผชิญกับความยากลำบากในการดำรงชีวิต และไม่สามารถรับมือกับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้นได้ดีนัก
ขณะที่ภาพรวมของราคาอาหารในสหรัฐอเมริกา พบว่า มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.9% (เทียบระหว่างเดือนกรกฎาคม 2025 กับเดือนกรกฎาคมปี 2024) หรือหากเจาะเป็นราคาอาหารบางประเภท เช่น เนื้อวัว พบว่ามีราคาเพิ่มขึ้น 12% (เทียบระหว่างเดือนมิถุนายน 2024 กับเดือนมิถุนายน 2025) และเมื่อวัตถุดิบราคาแพงขึ้น การรับประทานอาหารนอกบ้าน ก็ยิ่งแพงขึ้นตามไปด้วย
Kempczinski ระบุว่า ปัจจัยดังกล่าวทำให้ร้านอาหารในสหรัฐอเมริกาเริ่มทยอยปิดสาขา หรือไม่ก็ปิดกิจการ ดังที่เกิดขึ้นกับ Red Lobster, TGI Fridays ฯลฯ
นอกจากนี้ การสำรวจของ The Associated Press-NORC Center for Public Affairs Research ยังพบด้วยว่า 53% ของอเมริกันชนยอมรับว่า ราคาอาหารที่แพงขึ้นคือปัจจัยหลักที่ทำให้พวกเขาเครียด และวิตกกังวล และมีถึง 33% ที่ยอมรับว่า ราคาสินค้าอุปโภคที่ปรับตัวสูงขึ้นก็น่ากังวลเช่นกัน (การสำรวจดังกล่าวทำขึ้นระหว่างวันที่ 10-14 กรกฎาคม 2025)
Photo Credit : NUMBER 24 – Authorized Shutterstock Partner in Thailand
เป็นเพื่อนกับเราได้ที่ LINE




