HomeBrand Move !!“ชนินทธ์” มั่นใจเคลียร์ปัญหาขัดแย้ง “ดุสิตธานี” นั่งซีอีโอแทน “ศุภจี” ปี 69 หวังพลิกทำกำไร 

“ชนินทธ์” มั่นใจเคลียร์ปัญหาขัดแย้ง “ดุสิตธานี” นั่งซีอีโอแทน “ศุภจี” ปี 69 หวังพลิกทำกำไร 

แชร์ :

หลังจากคุณศุภจี สุธรรมพันธุ์ ลาออกจากตำแหน่งกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ. ดุสิตธานี เพื่อเตรียมรับตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

“ดุสิตธานี” ได้แต่งตั้ง คุณชนินทธ์ โทณวณิก รักษาการประธานกรรมการ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มอีกหนึ่งตำแหน่ง เพื่อให้การบริหารจัดการและนโยบายต่างๆ ในระยะเปลี่ยนผ่าน

หนึ่งในปัญหาที่กำลังถูกจับตาคือ ความขัดแย้งของ 3 ทายาทดุสิตธานี  คือ คุณชนินทธ์ โทณวณิก (พี่ชายคนโต) และคุณสินี เธียรประสิทธิ์-สุนงค์ สาลีรัฐวิภาค” (น้องสาว)

จนนำไปสู่การจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 26 กันยายน 2568 โดยมีวาระสำคัญ คือ “พิจารณาอนุมัติถอดถอน คุณชนินทธ์ โทณวณิก ออกจากกรรมการบริษัท

คุณชนินทธ์ กล่าวในประเด็นความขัดแย้งของทายาทว่า “ปัญหาต่างๆ ที่มีอยู่แก้ไขได้ ผมค่อนข้างมั่นใจ อยากให้มีความเชื่อมั่นใน ดุสิตธานี รับรองว่าในหลักการแล้วสามารถจบลงด้วยดี ไม่ต้องเป็นห่วง ทุกคนมีความต้องการที่อยากจะเห็นทุกอย่างออกมาดี” 

ปีหน้าหวังดุสิตธานี “กำไร” 

ตลอดช่วง 10 ปีที่คุณศุภจี เข้ามาบริหารดุสิตธานี ได้ขยายธุรกิจเพิ่มเติมจากเดิม 2 ธุรกิจหลัก คือโรงแรมและธุรกิจการศึกษา  ปัจจุบันมี 5 ธุรกิจ ที่เพิ่มเติมเข้ามา เช่น ธุรกิจฟู้ด การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทำให้มีการกระจายแหล่งรายได้

ขยายจำนวนโรงแรมและวิลล่าจาก 27 แห่ง เพิ่มเป็น 297 แห่ง โดยเป็นโรงแรม 57 แห่ง และวิลล่า 240 หลัง จากจุดหมายปลายทางใน 8 ประเทศทั่วโลก ขยายสู่ 18 ประเทศทั่วโลก และจากแบรนด์โรงแรม 4 แบรนด์ ปัจจุบัน “ดุสิตธานี” มีแบรนด์ภายใต้การบริหารถึง 9 แบรนด์ ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า

แม้ว่างบการเงินของ “ดุสิตธานี” มีผลขาดทุนสะสมกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเหตุให้งดจ่ายเงินปันผลตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา แต่ความจริง คือ บริษัทกำลังสร้าง “รายได้” ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และสูงกว่าเมื่อ 10 ปีก่อนกว่าเท่าตัว จากปี 2557 ที่กลุ่มดุสิตธานีมีรายได้รวม 5,370 ล้านบาท เพิ่มเป็น 11,204 ล้านบาทในปี 2567

หลังจากนี้รายได้จะเพิ่มขึ้นแตะหลัก 10,000 ล้านบาทต่อเนื่อง คาดว่าจะพลิกทำกำไรได้ในปี 2569

จุดเปลี่ยนของดุสิตธานี คือการรับรู้รายได้จากการขายโครงการดุสิต เรสซิเดนเซส (Dusit Residences) ที่ขายไปแล้ว 90% มูลค่ากว่า 16,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีการทยอยโอนและรับรู้รายได้ 80% ในปี 2569 รวมถึงโรงแรมอีกกว่า 50 แห่งทั่วโลกที่อยู่ในแผนการขยายธุรกิจของดุสิตธานี

การลงทุนในโครงการ Dusit Central Park มูลค่ากว่า 46,000 ล้านบาท ถือเป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาวให้ดุสิตธานี

การดำเนินงานของกลุ่มดุสิตธานีหลังจากนี้ จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากแผนงานเดิมที่ได้ถูกวางรากฐานไว้อย่างมั่นคงตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรม ธุรกิจการศึกษา ธุรกิจอาหาร และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 

ติดตามพวกเราได้ที่ LINE


แชร์ :

You may also like