แม้จะเป็นการเปิดตัวที่หลายคนรอคอย สำหรับ iPhone 17 จาก Apple เมื่อช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา แต่ในสถานการณ์ของปีนี้ ก็ทำให้มีการจับตาหลาย ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นจากอีเวนท์นี้ร่วมด้วย นอกเหนือจากฟีเจอร์ใหม่ของสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าว โดยปัจจัยแรกที่พบว่ามีความน่าสนใจก็คือ มูลค่าหุ้นของ Apple ที่ลดลง 1.6% หลังจากเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่
นอกจากนั้น ในส่วนของราคาขายพบว่ามีความพยายามตรึงราคาเริ่มต้นของ iPhone รุ่นใหม่เอาไว้ที่จุดเดิม นั่นคือ 799 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 25,376 บาท สำหรับรุ่นพื้นฐาน ขนาดความจุ 256GB) โดยในจุดนี้ถูกตั้งข้อสังเกตว่า เพื่อให้ลูกค้ายังสามารถอัปเกรดได้
ขณะที่ในมุมของนักวิเคราะห์มองว่า การทำเช่นนี้อาจไม่เป็นผลดีกับ Apple เองเท่าไร เนื่องจากบริษัทต้องแบกรับต้นทุนการผลิตเอาไว้กับตัวเอง (แม้จะมีความพยายามในการบาลานซ์เรื่องต้นทุนกับขนาดตลาดก็ตาม) และนี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้หุ้นของ Apple ปรับตัวลดลงด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ Apple สร้างความแตกต่างให้กับ iPhone 17 Series ในปีนี้ก็มีอยู่ นั่นคือ การเปิดตัวรุ่น Air ที่เน้นความบางเป็นพิเศษ หรือการใช้ชิป A19 และ A19 Pro ในผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ดังกล่าว
ในส่วนของราคาก็เป็นที่จับตาเช่นกัน โดยราคาที่ Apple ตั้งไว้สำหรับประเทศไทย พบว่า เริ่มต้นที่ 29,900 บาท สำหรับ iPhone 17 ความจุ 256GB
ส่วน iPhone Air พบว่าราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 39,900 บาท สำหรับความจุ 256GB ส่วนรุ่นที่แพงที่สุดในการเปิดตัวครั้งนี้ก็คือ รุ่น Pro Max ขนาดความจุ 2TB โดยพบว่าราคาสูงถึง 80,900 บาท ซึ่งอาจเป็นราคาที่แพงที่สุดเท่าที่เคยมีมาสำหรับสินค้าในตระกูล iPhone เลยก็เป็นได้





