“อนุทิน” แถลงเปิดตัว “ศุภจี สุธรรมพันธุ์” นั่ง รมว.พาณิชย์

หลังมีกระแสข่าว คุณศุภจี สุธรรมพันธุ์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ถูกทาบทามจาก คุณอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้เข้ามานั่งตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

วันนี้ (10 ก.ย. 2568) เวลา 13.20 น. คุณศุภจี ได้เดินทางมายังพรรคภูมิใจไทย เพื่อมาพบและหารือกับนายกรัฐมนตรี และคุณเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

จากนั้นเวลา 15.30 น. นายกฯ พร้อมด้วยคุณศุภจี และคุณเอกนิติ ได้ร่วมกันแถลงข่าว

นายกฯเปิดตัว “ศุภจี” นั่ง รมว.พาณิชย์

นายกฯ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า เป็นคนไปทาบทามคุณศุภจี ซึ่งเป็นนักบริหารมืออาชีพ ประสบความสำเร็จจากการบริหารธุรกิจมามากมาย มีประสบการณ์ มีความสามารถในการบริหารจัดการกิจการองค์กรขนาดใหญ่ จึงขอให้มาช่วยทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนและประโยชน์สูงสุดของประเทศ

โดยให้คุณศุภจี นั่งในตำแหน่ง รมว. พาณิชย์ เป็นโควต้าคนนอก ซึ่งคุณศุภจี ได้ตอบรับ โดยจะมาปฏิบัติหน้าที่ภายใต้การกำกับดูแลของคุณเอกนิติ รองนายกฯ และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ

วันนี้เบื้องต้นหารือนโยบายที่จะทำร่วมกันในเวลาที่มีอยู่ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศและประชาชน นายกฯยืนยันว่ารัฐบาลนี้ จะมีมืออาชีพมาช่วยงานในด้านการพาณิชย์ คอมเมิร์ซ การค้าขาย การสร้างรายได้ให้กับประเทศ มุ่งแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ได้มากสุด ทำให้ประชาชนกลับมามีโอกาสและมีคุณภาพชีวิตที่ดี

บุคคลภายนอกที่เข้ามาร่วมทำงาน มีประวัติดีงาม ผลงานเป็นที่ประจักษ์ เสียสละทุ่มเท เมื่อมาบริหารประเทศ บริหารราชการแผ่นดิน มีหน้าที่สำคัญทำให้ประชาชนทั้งประเทศรับประโยชน์และโอกาส จึงต้องมั่นใจว่าจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด

“ศุภจี” เปิดใจพร้อมทำงาน

คุณศุภจี กล่าวว่ามีความตั้งใจเข้ามาร่วมงานกับนายกฯ ระยะเวลาสั้นๆ ของการทำงานถือว่ามีความท้าทาย และมีความสำคัญ เพื่อให้ประเทศต้องเดินไปข้างหน้า ไม่ว่าระยะเวลาจะสั้นแค่ไหน ในฐานะที่ได้มีโอกาสทำงานมาหลากหลาย รวมทั้งมีประสบการณ์ทำงานระหว่างประเทศมาด้วย ตั้งใจนำประสบการณ์ความสามารถที่มีทั้งหมดมาทุ่มเททำงานในระยะเวลาสั้นๆ นี้ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

“การทำงานในรัฐบาลชุดนี้มีธงเดียวกับนายกฯ คือทำประโยชน์สูงสุดให้ประเทศชาติและประชาชนให้เต็มที่เต็มความสามารถ”

ขอบคุณที่ชื่นชอบและได้รับความคาดหวังถือเป็นกำลังใจที่ดี ยิ่งเป็นกำลังใจและต้องไม่ทำให้คนผิดหวัง จะประสานการทำงานกับทุกคนทั้งนโยบายของนายกฯ และรองนายกฯ ในการทำเรื่องเศรษฐกิจของประเทศให้กลับมาให้ได้ในระยะเวลาอันสั้น

การเป็น รมว.พาณิชย์ ถือเป็นความท้าทายและจะตั้งใจทำงาน แต่คงทำไม่ได้ทุกอย่างในระยะเวลาสั้นๆ จะเลือกทำให้เกิดผลอย่างดีที่สุด ในระยะเวลาที่มีอยู่ให้ได้มากที่สุด

นโยบายการทำงาน รัฐมนตรีทุกคนต้องรอดูนโยบายภาพใหญ่ของรัฐบาลก่อนและมีหน้าที่ทำประโยชน์สูงสุดให้ประเทศ

เปิดประวัติประสบการณ์บริหารธุรกิจกว่า 30 ปี

คุณแต๋ม ศุภจี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี จากคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และปริญญาโทบริหารธุรกิจ สาขาการเงินและการบัญชีต่างประเทศ มหาวิทยาลัย Northrop สหรัฐ

ถือเป็นผู้บริหารหญิงแกร่ง มีประสบการณ์การบริหารธุรกิจกว่า 30 ปี ใน 3 อุตสาหกรรมที่แตกต่างกัน ทั้ง IBM, ไทยคม และดุสิตธานี ปัจจุบันอายุ 60 ปี

ประวัติการทำงานกับ IBM รวม 23 ปี เป็นผู้หญิงไทย “คนแรก” ที่ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงขององค์กรไอทีระดับโลก โดยรับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด ด้วยวัย 37 ปี

เส้นทางต่อมาในปี 2554 – 2558 ก้าวสู่อุตสาหกรรมดาวเทียม ในตำแหน่งประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยคม ตลอดการทำงาน 4 ปี ก็ช่วยพลิกให้ “ไทยคม” จากขาดทุนมาทำกำไร

ปี 2559 ถึงปัจจุบัน คุณศุภจี เปลี่ยนบทบาทอีกครั้งมาสู่อุตสาหกรรม Hospitality กับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มดุสิตธานี นับเป็นซีอีโอนอกตระกูลของผู้ก่อตั้ง “คนแรก”

ผลงาน 9ปี ดุสิตธานี

ผลงานการบริหารธุรกิจกลุ่มดุสิตธานี ตามแผนลงทุนกลยุทธ์ 9 ปี (2559-2568) เรียบร้อยตามเป้าหมาย

1. ช่วงสร้างฐาน (2559-2561) ช่วง 3 ปีแรก โฟกัสการสร้างคน วัฒนธรรมองค์กร การพัฒนาทักษะพนักงาน ยกระดับศักยภาพของแบรนด์ “ดุสิตธานี” ให้ตอบโจทย์ทุกเซกเมนต์

2. ช่วง Take Off (2562-2565) ขยายการเติบโตทั้งธุรกิจโรงแรม ธุรกิจการศึกษา และขยายสู่ธุรกิจอาหาร ด้วยการจัดตั้งบริษัท ดุสิต ฟู้ดส์ จำกัด รวมถึงการเดินหน้าลงทุนบิ๊กโปรเจกต์ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสาน (Mixed-Use) มูลค่ากว่า 46,000 ล้านบาท (ล่าสุดเปิดดำเนินการแล้ว)

3. ช่วง Unlock Value (2566-2568) เป็นช่วงเก็บเกี่ยวการเติบโตจากการลงทุนไปก่อนหน้านี้ ทั้งจากธุรกิจโรงแรม จากปี 2559 มีโรงแรม 27 แห่งใน 8 ประเทศ ปัจจุบัน ณ ไตรมาสแรกปี 2568 กลุ่มดุสิตธานีมีโรงแรมและวิลล่าภายใต้การบริหารจัดการรวม 294 แห่ง จำนวนห้องพักรวม 12,909 ห้อง ใน 18 ประเทศ เป็นโรงแรม 55 แห่งและวิลล่าหรู 239 แห่ง

ในปี 2568 จะรับรู้รายได้จากโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ เต็มปี หลังจากเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2567 ไตรมาส 4 ปีนี้รับรู้รายได้จากการโอนโครงการ Dusit Residences

รวมทั้งรายได้จากการลงทุนในธุรกิจอาหารผ่านบริษัท ดุสิต ฟู้ดส์ จำกัด ซึ่งปัจจุบันลงทุนใน บริษัท เอ็บเพอคิวร์ เคเทอริ่ง จำกัด, บริษัท บองชู เบเกอรี่ เอเชีย จำกัด เป็นเจ้าของแฟรนไชส์ขนมเบเกอรี่ “บองชู” (BONJOUR) มีสาขารวมทั้งสิ้น 99 แห่ง ทั้งในประเทศไทย จีน และเวียดนาม และมีโรงงานผลิตเบเกอรี่ที่นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดระยอง ขณะนี้บริษัทกำลังอยู่ในขั้นตอนเตรียมนำธุรกิจอาหารเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (IPO)

ทิศทางธุรกิจปี 2568 ดุสิตธานี ตั้งเป้าหมายรายได้ 9,000 ล้านบาท เติบโต 20-25% เมื่อเทียบกับปี 2567 โดยเป็นการเติบโตของธุรกิจโรงแรม 20-25% ธุรกิจอาหาร 10-15% ธุรกิจการศึกษา 10-12% และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากกว่า 100%

ปี 2568 ดุสิตธานี น่าจะกลับมาเทิร์นอะราวด์ หลังจากเจอกับภาวะขาดทุนจากผลกระทบโควิด จากเครื่องยนต์ทุกเครื่องของธุรกิจที่คุณศุภจี วางฐานไว้ตลอด 9 ปี จะค่อยๆ สร้างการเติบโตทำให้ภาพรวมของกลุ่มดุสิตธานีกลับมาเติบโตและสร้างกำไรได้

สิ่งที่คุณศุภจี มักพูดเสมอในการทำงานคือ “คนเราไม่จำเป็นต้องรู้ร้อยเปอร์เซ็นต์จึงลงมือทำ แต่ควรลงมือทำร้อยเปอร์เซ็นต์ในสิ่งที่เรารู้”

ติดตามพวกเราได้ที่ LINE