เวียตเจ็ทไทยแลนด์
เวียตเจ็ทไทยแลนด์รุกขยายเส้นทางการบินครึ่งปีหลัง เตรียมเปิดตัวเที่ยวบินตรงสู่เมืองสำคัญทั่วเอเชียหลายเส้นทางภายในปี 2568 โดยเฉพาะ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอินเดีย พร้อมประกาศรับพนักงานใหม่ 5,000 ตำแหน่งรับการเติบโต
สำหรับเครือข่ายเส้นทางระหว่างประเทศที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องของเวียตเจ็ทไทยแลนด์ คุณวรเนติ หล้าพระบาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเวียตเจ็ทไทยแลนด์ กล่าวว่า สะท้อนถึงการเติบโตอย่างมั่นคง และการขยายตัวในระดับภูมิภาค
“เส้นทางบินใหม่ช่วยให้เราสามารถให้บริการผู้โดยสารได้มากขึ้น เสริมสร้างความแข็งแกร่งในตลาด และมีส่วนช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวและการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจ”
ทั้งนี้ หนึ่งในเส้นทางใหม่ ได้แก่
- เส้นทางบินจากกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) สู่โซล (อินชอน) เริ่มวันที่ 1 ตุลาคม
- โอซาก้า (คันไซ) เริ่มวันที่ 1 ธันวาคม และโตเกียว (นาริตะ) เริ่มวันที่ 15 ธันวาคม เส้นทางเหล่านี้ช่วยเปิดทางเชื่อมต่อระหว่างไทยกับเมืองสำคัญในเอเชีย ซึ่งช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เดินทางมาไทย และเป็นเส้นทางที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากนักท่องเที่ยวชาวไทยเช่นกัน
บินตรง ภูเก็ต – มุมไบ
นอกจากนี้ ยังมีเที่ยวบินตรงจากภูเก็ตสู่มุมไบ ซึ่งจะเริ่มให้บริการในวันที่ 14 สิงหาคม 2568 ตามมาด้วยเส้นทางจากกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) สู่โกลกาตาในวันที่ 16 พฤศจิกายน และอาเมดาบัดในวันที่ 4 ธันวาคม
การเปิดเส้นทางเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของเวียตเจ็ทไทยแลนด์ในประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดท่องเที่ยวที่เติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาค และช่วยเสริมความเชื่อมโยงระหว่างไทยกับเมืองสำคัญของอินเดียให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นด้วยอีกทางหนึ่ง
รับพนักงานใหม่ 5,000 ตำแหน่ง
เพื่อรองรับการเติบโตดังกล่าว เวียตเจ็ทไทยแลนด์เตรียมเปิดรับสมัครพนักงานใหม่กว่า 5,000 อัตราในหลายสายงาน ไม่ว่าจะเป็นนักบิน ลูกเรือ วิศวกร ช่างเทคนิค พนักงานภาคพื้นดิน และตำแหน่งในสายงานอื่น ๆ เช่น ทรัพยากรบุคคล ไอที การตลาด การเงิน และอื่น ๆ โดยคุณวรเนติระบุว่า การขยายตัวครั้งนี้ไม่เพียงเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการ แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการสร้างงานและพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมการบินอีกด้วย
ส่วนในด้านคุณภาพการให้บริการและมาตรฐานการดำเนินงาน เวียตเจ็ทไทยแลนด์ยังได้รับรางวัล “Best Low-Cost Airline Brand – Thailand 2025” จาก Global Brand Awards และ “Most Passenger-Friendly Cabin Crew – 2025” จาก International Finance Magazine ด้วยเช่นกัน