อุตสาหกรรมเพลงไทยในช่วงหลายปีมานี้คึกคักขึ้นมาก มีทั้งค่ายเพลง และวงดนตรีหน้าใหม่เกิดขึ้นในวงการมากมาย อีกทั้งหลายคนยังสร้างชื่อเสียงโด่งดังในต่างประเทศ ส่วนหนึ่งมาจากความทุ่มเทและการมีเวทีประกวดให้เหล่าคนดนตรีได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่ หนึ่งในนั้นก็คือ THE POWER BAND ของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ซึ่งปีนี้จัดมาถึง SEASON 5 แล้ว แต่การจะก้าวสู่การเป็นนักดนตรีมืออาชีพที่ประสบความเร็จนั้น นอกจากการฝึกซ้อม และมีพื้นที่ให้คนดนตรีได้แสดงพลังแล้ว “ครอบครัว” ยังเป็นอีกหนึ่งคีย์ไดร์ฟสำคัญเช่นเดียวกัน
หลายคนอาจยังนึกภาพไม่ออกว่าพลังครอบครัวสำคัญอย่างไร? เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น Brand Buffet พามาดู 2 ครอบครัว “อภัยจิตต์” และ “รุจิเทศ” ที่เข้าประกวด THE POWER BAND
ยึดความสุขของลูกเป็นตัวตั้ง และเดินไปด้วยกัน
เริ่มจากครอบครัวที่มีความรักและมุ่งมั่นในเส้นทางสายดนตรีอย่างครอบครัวอภัยจิตต์ โดยลูกชาย 3 คน ของ คุณภาณุมาศ อภัยจิตต์ หรือแม่กวาง คือ คุณ – ด.ช.นรภัทร อภัยจิตต์ (มือกีตาร์), คิน – ด.ช.ภคิน อภัยจิตต์ (เบส) และเคน – ด.ช.ปภังกร อภัยจิตต์ (คีย์บอร์ด) เป็นนักดนตรีอยู่ในวงเดียวกัน นั่นคือ MOOMA คุณภาณุมาศจึงยึด “ความสุขของลูก” เป็นตัวตั้ง เพราะเชื่อว่าถ้าลูกได้ทำในสิ่งที่รักจะสามารถทำสิ่งนั้นได้ดีและทำได้นาน
แต่ในขณะเดียวกันก็เข้าใจดีว่า การจะไปถึงฝันนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย จึงคอยเดินเป็นเพื่อนไปด้วยกัน พร้อมกับซัพพอร์ตความฝันของลูกเสมอ ด้วยการทำ Homeschool โดยจดทะเบียนกับเขตพื้นที่การศึกษา เพื่อให้ลูกได้เรียนและมีเวลาไปแข่ง หรือเข้าเรียนคอร์สต่างๆ เพื่อพัฒนาทักษะทางดนตรีอย่างเต็มที่ ทั้งยังคอยหาข้อมูลเวทีการแข่งขัน โดยดูว่าเวทีไหนที่อนุญาตให้เด็กต่างโรงเรียน ไม่จำกัดอายุขั้นต่ำร่วมแข่งขันได้ เพื่อพาลูกๆ ไปเปิดประสบการณ์ โดยได้พาไปแข่งและโชว์มาแล้วไม่ต่ำกว่า 100 เวที กระทั่งได้มาเจอรายการ THE POWER BAND และร่วมประกวดตั้งแต่ซีซันที่ 3 – 5
“THE POWER BAND เป็นเวทีที่มีมาตรฐานทางความรู้ด้านดนตรีมากที่สุดเท่าที่เคยไปแข่งมา มีเกณฑ์การตัดสินที่น่าเชื่อถือ คอมเมนต์ของกรรมการทุกครั้งแม่จะมีการบันทึกไว้ตลอด เพื่อกลับมาพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น และจะสอนลูกๆ เสมอว่า ผลการตัดสินทุกสิ่งทุกอย่างไม่ใช่ความสำเร็จของชีวิต เราอาจจะไม่ได้รางวัลอะไรใน THE POWER BAND แต่เรามีความสุขในการได้เข้าร่วมกิจกรรม เพื่อไม่ให้ลูกๆ คาดหวังกับผลรางวัล และทำให้เต็มที่”
โดยปัจจุบันวง MOOMA กำลังวางแผนทำเพลงของตัวเองแล้ว เพราะจะรอให้โอกาสวิ่งหาอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องวิ่งไปหาโอกาส ซึ่งทุกคนจะได้ฟังกันเร็วๆ นี้ ที่เพจและยูทูปของ MOOMA
ไม่กดดันคือ กำลังใจที่ดีที่สุด
ส่วนครอบครัวรุจิเทศ เป็นอีกครอบครัวดนตรีที่มีลูกสาว 3 คน เล่นดนตรีอยู่ในวง Destiny ได้แก่ จันทน์กะพ้อ – ด.ญ.วัลชนก รุจิเทศ (นักร้อง), จามจุรี – ด.ญ.หทัยวัล รุจิเทศ (กลอง) และ ชมจันทร์ – ด.ญ.พิชนก รุจิเทศ (คีย์บอร์ด) และเข้าประกวด THE POWER BAND 2025 SEASON 5 เป็นครั้งแรก โดยทั้ง 3 คน เริ่มเรียนดนตรีมาตั้งแต่อนุบาล ประกอบกับที่บ้านเปิดสถาบันสอนดนตรี JP.MUSIC จึงทำให้พวกเขามีความรักและผูกพันกับการเล่นดนตรีมากว่า 10 ปี โดยคุณหทัยชนก รุจิเทศ หรือ แม่อ๊อฟ บอกว่า ในหนึ่งสัปดาห์ลูกๆ จะซ้อมดนตรี 5 วัน และทุกวันเสาร์จะซ้อมกับเพื่อนๆ ในวง ส่วนวันอาทิตย์จะชวนกันไปเล่นดนตรีเปิดหมวกที่จตุจักร โดยทุกคนสามารถสลับตำแหน่งกันได้หมด ไม่ว่าจะเป็นกีตาร์ กลอง หรือนักร้องนำ
คุณหทัยชนก บอกว่า ก่อนหน้านี้เห็นว่าลูกชอบเล่นดนตรี จึงให้ลูกเรียนมาเรื่อยๆ แต่พอได้มาแข่ง THE POWER BAND ทำให้เห็นความฝันทางดนตรีของเด็กๆ ชัดเจนยิ่งขึ้น จึงคอยสนับสนุนและให้กำลังใจอยู่ข้างๆ เพื่อไม่ให้เด็กกดดันตัวเอง เพราะทุกวันนี้ซ้อมดนตรีกันค่อนข้างหนัก แต่ทั้ง 3 คน ก็แบ่งเวลาเรียนได้ดี โดยจะนำข้าวไปทานที่โรงเรียน เพราะไม่อยากไปเสียเวลาต่อแถวที่โรงอาหาร เมื่อมีเวลาว่างหลังจากทานข้าว ก็จะทำการบ้านเลย และตอนเย็นจะซ้อมดนตรีกันเต็มที่ เพื่อรอบชิงชนะเลิศ
“ตอนนี้เหมือนลูกได้ปริญญา 2 ใบ คือ ปริญญาด้านการศึกษา และปริญญาด้านดนตรี ซึ่งใบหลังอาจจะไม่ได้รับเป็นใบปริญญา แต่คือความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ที่เขาสามารถที่จะหยิบมาใช้ได้ในชีวิต” แม่อ๊อฟ ย้ำถึงความภูมิใจ
เรียกได้ว่า ความเข้าใจและการสนับสนุนจากพ่อแม่ตั้งแต่ก้าวแรก ไม่เพียงเป็นพลังสำคัญที่ทำให้ทุกฝันเป็นไปได้ แต่ยังช่วยหล่อหลอมนักดนตรีคนหนึ่งที่มีฝันได้เติบโตบนเส้นทางนี้อย่างแข็งแกร่งขึ้นด้วย








