
หลังจากคลิปเสียงดังกล่าวถูกเผยแพร่ โดยฝั่งกัมพูชา จนแพร่หลายในประเทศไทย สมาชิกวุฒิสภาจำนวน 36 คน ได้เข้ายื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร เข้าข่าย “ขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์” และ ละเมิดมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4)(5) และมาตรา 170 (1)(4) ทำให้สถานะการเป็นนายกรัฐมนตรีอาจสิ้นสุด “เฉพาะตัว”
กระทั่งศาลรัฐธรรมนูญได้มีการนัดไต่สวนพยานบุคคล ทั้งนายกรัฐมนตรีแพทองธารและเลขาธิการ สมช. ก่อนจะนัดอ่านคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม 2568 เมื่อเวลา 15.00 น.
โดยมีผลสรุปว่า ผู้ถูกร้อง (นายกฯ) ขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ “ไม่มีน้ำหนักเพียงพอ”
อย่างไรก็ตามในประเด็นที่ว่า ได้แสดงความอ่อนแอทางการเมืองภายในของประเทศ รวมทั้งการกระทำส่งผลต่อภาพลักษณ์ชื่อเสียงของนายกรัฐมนตรี และเคลือบแคลงสงสัยต่อความเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ทำให้ศาลศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า “ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้สิ้นสุดลงเฉพาะตัว” ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 (1)(4) ประกอบมาตรา 160 (5) นับตั้งแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ คือวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 และคณะรัฐมนตรีพ้นตำแหน่งทั้งคณะ



