HomeBrand Move !!ครึ่งปีแรก “ไปรษณีย์ไทย” โชว์กำไร 631 ล้าน เพิ่มขึ้น 4 เท่า ประกาศกลยุทธ์ “1-4-2” ก้าวสู่ขนส่งอันดับ 1

ครึ่งปีแรก “ไปรษณีย์ไทย” โชว์กำไร 631 ล้าน เพิ่มขึ้น 4 เท่า ประกาศกลยุทธ์ “1-4-2” ก้าวสู่ขนส่งอันดับ 1

แชร์ :

“ไปรษณีย์ไทย” องค์กร 142 ปี เจอการแข่งขัน “สงครามราคา” ในธุรกิจขนส่งพัสดุ จากผู้เล่นรายใหม่และแพลตฟอร์มมาร์เก็ตเพลสรายใหญ่ต่างชาติให้บริการขนส่งเอง ทำให้ปี 2564-2565 “ขาดทุนหนัก” ต้องเดินหน้าปรับองค์กรทั้งลดต้นทุนและหาโอกาสสร้างราpได้ในธุรกิจใหม่

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ย้อนดูรายได้และกำไร “ไปรษณีย์ไทย” 

– ปี 2563 รายได้ 23,712 ล้านบาท กำไรสุทธิ 238 ล้านบาท

– ปี 2564 รายได้ 21,226 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 1,730 ล้านบาท

– ปี 2565 รายได้ 19,546 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 3,018 ล้านบาท

หลังขาดทุนอยู่ 2 ปี ในปี 2566 “ไปรษณีย์ไทย” พลิกทำกำไร 78 ล้านบาท โดยมีรายได้รวม 20,934 ล้านบาท เติบโต 7.40%

มาปี 2567 ไปรษณีย์ไทย ต้องเจอตัวเลข “ขาดทุน” อีกครั้ง โดยมีรายได้รวม 20,993 ล้านบาท ขาดทุน 186  ล้านบาท ปัจจัยหลักมาจากมีค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้อยู่ในแผน ไม่ว่าจะเป็น การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ค่าวิชาชีพ และเงินเยียวยา รวมทั้งการปรับปรุงภาษีจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่าสินทรัพย์

ปี 2568 ไปรษณีย์ไทย พลิกกลับมาทำกำไรได้อีกครั้ง โดยครึ่งปีแรกมีรายได้รวม 11,544 ล้านบาท เติบโต 8.88%  มีกำไรสุทธิ 631.56 ล้านบาท เติบโต 362.34% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน  ทั้งปี 2568 คาดว่าจะมีรายได้รวม 22,000 ล้านบาท และเป็นอีกปีที่ทำกำไรได้

ครึ่งปีแรกขนส่งพัสดุรายได้เพิ่ม11% 

ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่าช่วงครึ่งปีแรก 2568 ไปรษณีย์ไทย มีรายได้เพิ่มขึ้น 10% และกำไรเพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่าตัว เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน  มาจาก 3 ปัจจัย

1. ขยายเครือข่ายโลจิสติกส์  ที่สามารถส่งของหรือพัสดุที่แตกต่างกันได้อย่างรวดเร็วและคุณภาพสูงสุด ไม่ว่าจะส่งพัสดุปกติ ส่งเย็น (Cold Chain Express) ส่งของชิ้นใหญ่

2. พัฒนาบริการค้าปลีก เป็นอีกช่องทางการดูแลชุมชน ด้วยการส่งสินค้าจากชุมชนไปถึงมือผู้บริโภคทั่วประเทศ ร่วมกันพัฒนาสินค้าและแพ็กเกจจิ้ง เป็นการพัฒนาวิสาหกิจชุมชนให้มีรายได้มากขึ้น นำสินค้าชุมชนวางขายในช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ของไปรษณีย์  ในเชิงธุรกิจก็เป็นการสร้างปริมาณชิ้นงานส่งพัสดุของไปรษณีย์ไทยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อสินค้าชุมชนขายได้ดี  เพราะปัจจุบันแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเป็นผู้ควบคุมปริมาณการส่งชิ้นงานให้บริษัทขนส่งและมีการแข่งขันสูง

3. ใช้เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพื่อใช้เครือข่ายและบริการจัดการการขนส่งให้มีประสิทธิภาพและสร้างรายได้สูงสุด โดยครึ่งปีแรกลดค่าใช้จ่ายขนส่งได้ 100 ล้านบาท

ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้สูงสุด คือ ธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ คิดเป็น 46.83% ของรายได้ทั้งหมด โดยมีรายได้รวม 5,406 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.56% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และปริมาณชิ้นงานเพิ่มขึ้น 6%

ประกาศกลยุทธ์ “1-4-2” เป็นขนส่งอันดับ 1

ในวาระ 142 ปี ไปรษณีย์ไทย ได้ตอกย้ำศักยภาพธุรกิจขนส่งของชาติ วางกลยุทธ์ “1-4-2” ให้เป็นกลไกสำคัญขับเคลื่อนไปรษณีย์ไทยเติบโต  ดังนี้

“1” การเป็นขนส่งอันดับ 1 ของคนไทยด้านความเชื่อมั่น ทั้งคุณภาพบริการตั้งแต่ระบบรับฝาก ส่งต่อ และนำจ่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีเครือข่ายครอบคลุมเข้าถึงทุกพื้นที่ทั่วประเทศรวมกว่า 50,000 แห่ง เพื่อให้บริการแบบมืออาชีพและเหนือความคาดหวังของลูกค้าในทุก Touch point

– ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า ด้วยนโยบาย Zero Complain ซึ่งประกาศใช้ตั้งแต่ปี 2566  คือการใช้บริการกับไปรษณีย์ไทย ไม่ใช่ไม่เกิดปัญหา แต่เมื่อเกิดปัญหาต้องแก้ไขให้รวดเร็วจนลูกค้าไม่ Complain ซึ่งเป็นที่มาของการปรับโครงสร้างบุคลากรครั้งใหญ่ ด้วยการเพิ่มหน่วยงานสนับสนุน After-Sales Service ที่เพิ่มขึ้น 4 เท่าตัว หรือกว่า 1,500 คน  เป็นหน่วยงานที่ดูแลลูกค้าในทุกพื้นที่ สนับสนุนและแก้ปัญหาให้ลูกค้า

– ปีที่ผ่านมาไปรษณีย์ไทยมีคะแนน Top of Mind ของแบรนด์ 99.54% และมีคะแนนความไว้วางใจในแบรนด์ 96.11% สะท้อนถึงการเป็นแบรนด์ที่ได้รับความเชื่อมั่นและไว้ใจจากคนไทย

“4 พลัง” ขับเคลื่อนองค์กเติบโต

– พลังความเร็ว ที่มุ่งส่งมอบการให้บริการที่รวดเร็วและแม่นยำ โดยบริการที่มีความโดดเด่นและได้รับความนิยมสูงสุดยังคงเป็นบริการส่งด่วน EMS ที่ทำรายได้คิดเป็น 43.31% ของรายได้รวมของไปรษณีย์ไทย  โดยบริการ EMS ทั่วประเทศ สามารถส่งได้ภายใน 24 ชั่วโมง มีสัดส่วน 79% (เพิ่มขึ้นจาก 64% ในปีก่อน)

– พลังเพื่อธุรกิจ ที่ออกแบบโซลูชันรองรับตั้งแต่ผู้ประกอบการรายเล็กถึงรายใหญ่ เช่น การให้บริการคลังสินค้าครบวงจร หรือ THP Fulfillment ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจที่มีภาคธุรกิจขนาดใหญ่ลงทุนมีการเติบโตและขยายตัวของธุรกิจขนาดเล็ก – กลาง ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานที่จะเอื้อต่อการขยายฐานลูกค้าเป้าหมายของผู้ใช้บริการ

– พลังเชื่อมโลก พร้อมพาธุรกิจไทยเติบโตได้ครอบคลุม 205 ปลายทาง 193 ประเทศ  เพื่อให้ประเทศไทยเป็น “โลจิสติกส์ ฮับ” ของภูมิภาคนี้

– พลังความล้ำ นำเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมใหม่มาปรับใช้ในการพัฒนาบริการเพื่อตอบโจทย์โครงสร้างเศรษฐกิจ เช่น Digital Postbox บริการตู้ไปรษณีย์ดิจิทัลจาก Prompt Post ที่ต่อยอดการส่งจดหมายแบบ Physical  สู่ Digital สามารถรับ-ส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ รวดเร็ว ใช้งานง่าย ปลอดภัย ติดตามสถานะได้  บริการ D/ID ระบบการจ่าหน้าแบบดิจิทัล ที่สามารถแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ส่งและผู้รับเป็นรหัส 6 หลัก ซึ่งจะเปิดตัวในเดือนกันยายนนี้

 “2” คือ 2 แกนหลัก ขับเคลื่อนธุรกิจพร้อมดูแลสังคมอย่างยั่งยืน ได้แก่ 

– ด้านสิ่งแวดล้อม โดยได้นำยานยนต์ไฟฟ้ามาใช้ในระบบงาน มุ่งดำเนินงานด้าน Circular Economy ผลักดันโครงการ Green Hub ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร อาทิ โครงการ reBOX โครงการ reBAG โครงการ e-Waste ฯลฯ ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 4,670 ตันคาร์บอนเทียบเท่าในปีที่ผ่านมา

ปรับเปลี่ยนเสื้อเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ไทยโดยเครื่องแบบแต่ละชุดใช้ผ้าที่ใช้กรรมวิธีช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 0.77 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือเท่ากับการลดระยะทางขับรถยนต์ได้ประมาณ 3.08 กิโลเมตร ซึ่งจากปริมาณการผลิตทั้งหมดสามารถลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 53,360 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือเท่ากับการลดระยะทางขับรถยนต์ได้ประมาณ 213,440 กิโลเมตร เท่ากับการเดินทางรอบโลก 5 รอบ

– ด้านสังคม มุ่งสร้างชุมชนที่ยั่งยืน ด้วยการสร้างงาน สร้างอาชีพ ซึ่งไปรษณีย์ไทยมุ่งสนับสนุนเกษตรกรไทยกระจายสินค้า และผลผลิตผ่านเครือข่ายไปรษณีย์กว่า 1,200 แห่ง และแพลตฟอร์ม ThailandPostMart โดยครึ่งปีแรกของปี 2568 สร้างรายได้แล้วกว่า 360 ล้านบาท เติบโต 10% และคาดว่าปี 2568 จะสามารถสร้างรายได้รวม 760 ล้านบาท

ก้าวสู่ Tech Post เต็มรูปแบบ

นอกจากกลยุทธ์ “1-4-2” แล้ว ไปรษณีย์ไทยยังมุ่งสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ที่เพิ่มมากขึ้น ช่วงครึ่งปีหลังนี้จะสร้างการจดจำและสร้างประสบการณ์ใหม่ทั้งในด้านสินค้า บริการ และไลฟ์สไตล์ ภายใต้แนวคิด “POSTsible Together เป็นไปรฯ ได้ ไปรฯ ด้วยกัน” อีกทั้งยกระดับองค์กรสู่การเป็น Tech Post เต็มรูปแบบ ด้วยการนำเทคโนโลยี AI มาขับเคลื่อนองค์กร

– การเปิดตัว Super App เป็นแอปพลิเคชัน ที่รวบรวมบริการหลากหลายของไปรษณีย์ไทยไว้ในแพลตฟอร์มเดียว เพื่อให้ผู้ใช้สามารถติดตามพัสดุ สร้างใบจ่าหน้า เรียกรับพัสดุ ชำระค่าบริการ และเข้าถึงสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ได้อย่างครบวงจร พร้อมรองรับการเชื่อมต่อกับบริการภาครัฐและพันธมิตรภาคเอกชน

– เสริมศักยภาพ SME ไทย ให้สามารถเติบโตได้ ซึ่งที่ผ่านมาได้ร่วมกับแพลตฟอร์ม Amazon ในการส่งสินค้าจากผู้ประกอบไทยเข้าคลัง Amazon FBA (Fulfillment by Amazon) ซึ่งออกแบบมาสำหรับผู้ขายบน Amazon.com ที่ต้องการส่งสินค้าเข้าคลังในสหรัฐอเมริกา โดยไปรษณีย์ไทย เป็นผู้รวบรวมสินค้าในประเทศไทย ดำเนินพิธีการศุลกากร และส่งสินค้าสู่คลัง FBA เพื่อสนับสนุนผู้ค้ารายย่อยและ SME ไทยกระจายสินค้าสู่ตลาดอเมริกา

– ต่อยอดแนวคิดการขนส่ง Parcel Defined Logistics ให้มีความเฉพาะตัวมากยิ่งขึ้นในรูปแบบ Specialized Logistics เช่น Healthcare Logistics for Pet หรือการขนส่งสินค้าเพื่อกลุ่มสัตว์เลี้ยง การขนส่งสินค้ามูลค่าสูง และการขนส่งนมแม่ เป็นต้น

– ด้านบริการทางการเงิน ไปรษณีย์ไทยพัฒนา e-Payment ให้รองรับการชำระ COD และเชื่อมต่อกับพันธมิตรหลากหลาย ทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น กรมการขนส่งทางบก ทิพยประกันภัย WeChat Pay และ Alipay เพื่อขยายช่องทางชำระเงินอย่างครอบคลุมทุกความต้องการ

บทบาทของ “ไปรษณีย์ไทย” ต่อไปนี้คือการเป็น Information Logistics Company ให้บริการลูกค้าทั้ง Physical และ Digital เพื่อตอบโจทย์ประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ลูกค้า โปรดักท์ของไปรษณีย์ไทย คือ ประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience) ตั้งแต่เริ่มต้นกระทั่งจบการใช้บริการและกลับมาใช้บริการใหม่

“ทุกคนดูซีรีส์สงครามส่งด่วน (Mad Unicorn) มาแล้ว แต่สำหรับไปรษณีย์ไทย เรามองว่าสงครามส่งด่วนไม่มีวันจบ เพราะสิ่งที่ที่เรากำลังแข่งขันในสงครามนี้  คือแข่งกับพฤติกรรมผู้บริโภคและการแข่งขันในจุดนี้ไม่มีวันจบ เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปเรื่อยๆ  เราต้องพัฒนาและปรับปรุงบริการตลอดเวลา เพื่อทำให้ไปรษณีย์ไทยเติบโตอย่างยั่งยืน”  

ติดตามพวกเราได้ที่ LINE


แชร์ :

You may also like