หากพูดถึง “ไมซ์ซิตี้” (MICE City) ของไทย “อิมแพ็ค เมืองทองธานี” คืออีกหนึ่งชื่อที่หลายคนนึกถึง เพราะด้วยอายุอานาม 26 ปี ผ่านการจัดงานระดับประเทศมาแล้วมากกมาย ทำให้ที่แห่งนี้เป็นหนึ่งสถานที่แห่งความทรงจำของใครหลายคนได้ไม่ยาก ตั้งแต่คอนเสิร์ต อีเวนต์ ตลอดจนกิจกรรมต่างๆมากมาย
ล่าสุด “อิมแพ็ค” ประกาศวิสัยทัศน์ครั้งใหญ่ยกระดับตัวเองจาก “สถานที่จัดงาน” ไปสู่ “อาณาจักรไมซ์ครบวงจร” ที่ผสานโรงแรม ศูนย์การค้า และอีเวนต์บันเทิงระดับโลกเข้าด้วยกัน แน่นอนความเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่ได้มองแค่ “ตลาดไทย” แต่เล็งขึ้นแท่น ผู้นำไมซ์เอเชีย พร้อมดึงการจัดงานระดับโกลเข้ามาในไทยมากขึ้น โดยมี 3 จิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่จะเข้ามาเติมเต็มซึ่งกันและกัน ตั้งแต่ โรงแรม, คอนเสิร์ต–อีเวนต์, และศูนย์การค้า ที่จะเป็นกลไกเร่งเครื่องรายได้แตะ 9,000 ล้านบาทในปี 2573
คุณพอลล์ กาญจนพาสน์
พลิกโฉม “อิมแพ็ค เมืองทองธานี” สู่หมุดหมายใหม่ World-Class Entertainment
ภายใต้การบริหารงานของ “คุณพอลล์ กาญจนพาสน์” ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด กับยุทธ์ศาสตร์ใหม่ที่กำลังจะเปลี่ยนภาพจำของ “อิมแพ็ค เมืองทองธานี” ไปตลอดกาล สู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ไม่ใช่แค่การต่อจิ๊กซอว์ แต่คือการสร้างอาณาจักร MICE & Entertainment ครบวงจรแห่งใหม่ของเอเชีย การประกาศเซ็นสัญญากับเชนโรงแรมระดับโลกอย่าง “ฮิลตัน“ และการจับมือกับ “ไลฟ์ เนชั่น” ไม่ใช่แค่ข่าวใหญ่ แต่เป็นสัญญาณปักธงความสำเร็จสั่นสะเทือนไปทั้งวงการ
วิสัยทัศน์ใหม่นี้เริ่มต้นที่การประกาศการลงทุนเบื้องต้น 3,000 ล้านบาท ในการก่อสร้างโรงแรมเตรียมจะสร้างใหม่ 2 แห่ง ได้แก่ โรงแรมระดับ 5 ดาว ภายใต้แบรนด์ฮิลตัน จำนวน 300 ห้อง และโรงแรมระดับ 4 ดาว ภายใต้แบรนด์ฮิลตัน การ์เด้นท์ อินน์ 700 ห้อง การขยับครั้งนี้จะดันจำนวนห้องพักในพื้นที่ของอิมแพ็คจากปัจจุบันที่มีราว 700 ห้อง (โนโวเทลและไอบิส) พุ่งทะยานสู่ 2,000 ห้องภายในต้นปี 2571 ตัวเลข 2,000 ห้องนี้ไม่ใช่แค่ตัวเลขกลมๆ แต่เป็น “มาตรฐานขั้นต่ำ” ที่งานแสดงสินค้าระดับโลกต้องการ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ร่วมงานนับหมื่นนับแสนคน ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางและสามารถอยู่ในพื้นที่จัดงานได้อย่างครบวงจร
“เราเสียโอกาสจากงานเทรดโชว์ใหญ่ๆ ไป เพราะที่พักในพื้นที่ไม่เพียงพอ” นี่คือ Pain Point สำคัญที่อิมแพ็คกำลังจะทลายกำแพงนี้ทิ้งอย่างสิ้นเชิง การทุ่มงบลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างโรงแรมใหม่ 2 แบรนด์ในเครือฮิลตัน คือ “ฮิลตัน“ และ “ฮิลตัน การ์เดนท์ อินน์”เข้ามารองรับการจัดงานภายในพื้นที่จะทำให้อิมแพ็คสามารถจัดงานสเกลใหญ่ๆระดับโลกได้สบายเพราะห้องพักมีเพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งงานระดับโลกส่วนใหญ่มักจะต้องการสถานที่ๆมีห้องพักระดับ 2,000 ห้องขึ้นไปอยู่แล้ว”คุณพอลล์กล่าว
โดยวางเป้าหมายภายใน 8 ปี หรือ ปี 2576 จะขยายโรงแรมในพื้นที่อิมแพค เมืองทองธานีให้ได้ 5,000 ห้อง เนื่องจากปัจจุบันที่มีโรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ อิมแพ็ค และ โรงแรมไอบิส กรุงเทพ อิมแพ็ค รวมแล้วประมาณ 1,000 ห้อง แต่ยังไม่เพียงพอ ขณะที่จำนวนห้องพักที่อยู่ใกล้อิมแพค เมืองทองธานีในรัศมี 5 กิโลเมตร ก็มีไม่ถึง 5,000 ห้อง นั่นทำให้เป็นอุปสรรคต่อการจัดงานขนาดใหญ่
“การมีโรงแรมเพิ่มเข้ามาจะสามารถรองรับการจัดงานทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ซึ่งเป็นการจัดงานขนาดใหญ่ได้ ขณะเดียวกันโรงแรมก็จะมีลูกค้าเป็นกลุ่มไมซ์ ซึ่งมีการใช้จ่ายสูงกว่านักท่องเที่ยวทั่วไปเข้ามาได้มากขึ้น”
รีโนเวตใหญ่ “อิมแพ็ค” อารีน่า รอบ 26 ปี พร้อมผนึก “ไลฟ์เนชั่น” เพิ่มประสิทธิภาพการจัดงาน
อีกทั้งในส่วนของ “อิมแพ็ค อารีน่า” ก็เตรียมจะปรับปรุงครั้งใหญ่ในรอบ 26 ปี หลังที่ผ่านมามีการอัพเกรดเล็กน้อย เช่นเก้าอี้ ปรับปรุงห้องน้ภายใต้งบลงทุน 10 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งจะดำเนินการโดย บริษัท อิมแพ็ค ไลฟ์เนชั่น จำกัด ซึ่งอิมแพ็คถืออยู่ 51% และไลฟ์เนชั่น ถืออยู่ 49 % ในการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดงานอีเวนต์รูปแบบต่างๆ โดยจะเน้นบริหารจัดการต้นทุนการจัดงานให้ถูกลงราว 10-20% หลังจากก่อนหน้านี้อิมแพ็ค โกรท รีท ได้ให้ อิมแพ็ค ไลฟ์ เนชั่น เช่าอาคารและที่ดินในส่วนของอิมแพ็ค อารีน่า เป็นระยะเวลา 20 ปี คิดเป็นมูลค่ารวมตามสัญญากว่า 4,617 ล้านบาท
ความร่วมมือดังกล่าวยังมีเป้าหมายเพื่อดึงอีเวนต์ คอนเสิร์ต รวมถึงผู้จัดงานอื่นๆ เข้ามาจัดคอนเสิร์ตในอิมแพ็ค อารีน่าเพิ่มขึ้น เพื่อทำให้มีอีเวนต์เข้ามาในพื้นที่มากขึ้น เข้ามาจัดมากขึ้น ซึ่งรูปแบบอาจจะมี VIP BOX Member Club, ระบบอาหารเครื่องดื่มครบวงจร ตลอดจนการขายงานรายปี มีเครื่องดื่มอาหารบริหารรอบๆ เหมือนในต่างประเทศ โดยคาดการณ์ว่า “อิมแพ็ค อารีน่า” โฉมใหม่นี้จะสามารถเริ่มทำการปรับปรุงได้ในช่วง มกราคม 2569 เป็นต้นไป โดยจะเป็นการทยอยรีโนเวตทีละส่วน ซึ่งจะไม่กระทบต่อการจัดงาน และน่าจะใช้ระยะเวลาปรับปรุงราว 18 เดือนทั้งหมดเพื่อรองรับเทรนด์ตั๋วคอนเสิร์ตที่มีแต่เพิ่มขึ้น เป็นการสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าแบบใหม่ๆ
แม้สภาพเศรษฐกิจจะไม่ดีแต่คนก็ยังนิยมดูคอนเสิร์ต นิยมจับจ่ายเพื่อความชื่นชอบ และไลฟ์สไตล์อยู่ สะท้อนได้จากการจัดคอนเสิร์ตในประเทศไทยก็เพิ่มขึ้น โดยแต่ละปีประเทศไทยมีจำนวนคอนเสิร์ตทั้งระดับนานาชาติและในประเทศประมาณ 250-300 งาน ถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากไม่เพียงเเต่สร้างเม็ดเงินจากการจ้างงานในอุตสาหกรรมอีเวนต์ ยังมีเม็ดเงินที่เกิดการใช้จ่ายในด้านการเดินทาง ที่พัก
“ยอดจองจัดงานคอนเสิร์ตเต็มทุกเสาร์–อาทิตย์มาตั้งแต่หลังโควิดไปจนถึง 6-9 เดือนข้างหน้า คอนเสิร์ตเป็นอะไรที่ไม่ต้องห่วงเลย ป็อปปูล่ามากมีแต่มาเพิ่ม ตั้งแต่โควิดพฤติกรรมคนเปลี่ยนยอมเซฟเงินไม่ใช้จ่ายเสื้อผ้า หรือพักผ่อน แต่จ่ายเรื่องประสบการณ์มากขี้น“
ขณะที่ภาพรวมครึ่งปีแรกที่ผ่านมา (มกราคม–มิถุนายน 2568) มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง ยอดจัดงานรวมอยู่ที่ 341 งาน แบ่งเป็น ประชุม สัมมนา 167 งาน อินเซนทีฟ 16 งาน ประชุมขนาดใหญ่ (Convention) 5 งาน คอนเสิร์ตไทย คอนเสิร์ตต่างประเทศ 41 งาน เอ็กซิบิชั่นระดับนานาชาติ 33 งาน งานแต่งงาน 58 งาน และงานเลี้ยงสังสรรค์ 21 งาน
ส่วนจำนวนการจองพื้นที่ช่วงครึ่งปีหลัง (กรกฎาคม–ธันวาคม 2568) มียอดจองกว่า 300 งาน ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีไฮไลต์สำคัญ ๆ เช่น SUMMER SONIC BANGKOK 2025 (23-24 ส.ค.68) BIG BAD WOLF BOOKS ,Tyler, The Creator – CHROMAKOPIA :THE WORLD TOUR (16 ก.ย.68) งานแสดงสินค้าสวนสนุกและแหล่งท่องเที่ยวประเทศไทย (15-17 ต.ค.68) MARIAH CAREY The Celebration of Mimi (11 ต.ค.68) ลอย ริม เลค (1-5 พ.ย.68) มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42
สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่า คือแผนการที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการขยายโรงแรม นั่นคือ “โปรเจกต์ช็อปปิ้งมอลล์“ ขนาด 2-3 แสนตารางเมตร อิมแพ็คมองว่า โรงแรมต้องมาก่อน เพื่อสร้างฐานลูกค้าและทราฟฟิก ก่อนที่ศูนย์การค้าจะตามมาเติมเต็มไลฟ์สไตล์ให้สมบูรณ์ การมีกลุ่มทุนจากฮ่องกงให้ความสนใจร่วมทุน ยิ่งตอกย้ำศักยภาพของโปรเจกต์นี้ แต่อิมแพ็คก็ยังยืนอยู่บนความแข็งแกร่งของตัวเอง สะท้อนความเชื่อมั่นทางการเงินและเครดิตที่แข็งแกร่ง
ผุดแผนรื้อ ‘ธันเดอร์โดม–สนามฟุตบอล” สร้าง Indoor Stadium ความจุ 4 หมื่นที่นั่ง
อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่น่าจับตาของความเคลื่อนไหวครั้งนี้ คือแผนการรื้อ ธันเดอร์โดม และ สนามฟุตบอล (Thunder Dome Stadium) ที่บางกอกแลนด์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ อิมแพ็ค ได้ให้การกีฬาแห่งประเทศไทยเช่าเป็นเวลา 30 ปี โดยจะหมดสัญญาในปี 2570 ทำให้มีแผนในการปรับใหม่ ด้วยการรื้อพื้นที่ทั้งหมด พร้อมพัฒนาเป็นพื้นที่จัดอีเวนต์ทั้งแบบ Indoor และ Outdoor (พื้นที่Entertainment Events)ใหม่ทั้งหมด
“อีก 3 ปี พื้นที่ Thunder Dome Stadium จะกลับมาเป็นของเรา เรากำลังทำแผนการพัฒนาพื้นที่จัดอีเวนต์อยู่ เบื้องต้นคาดว่าจะเป็นการทำใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่เอาสนามฟุตบอลออก เนื่องจากมองว่า สนามฟุตบอลมีปัญหาเรื่องหญ้าที่เกี่ยวเนื่องกับค่าบำรุงรักษาที่ค่อนข้างสูง ถ้าเอาหญ้าออก ก็จะทำ Indoor Concert ความจุ 4.5 หมื่นคน แต่สุดท้ายความจุจะมากน้อยขึ้นอยู่กับแบบอาจจะ 3.8 – 4.5 หมื่นคน” คุณพอลล์กล่าว
สยายปีก “อินโดนีเซีย–จีน” เจาะนักเดินทางไมซ์ที่มีศักยภาพสูง
อิมแพ็คไม่ได้มองแค่การขยายในประเทศ แต่เล็งบุกตลาด อินเดียและจีน ซึ่งเป็นกลุ่มนักเดินทางไมซ์ที่มีศักยภาพสูง และพร้อมใช้จ่ายกับงานประชุม คอนเสิร์ต และประสบการณ์ใหม่ ๆ นอกจากนี้ยังมีการตั้งทีม Business Development เจาะตลาดจีน และการวางตำแหน่ง Impact Speed Fest ริมทะเลสาบเมืองทอง เป็นสัญญาณว่าอิมแพ็คจะไม่ใช่แค่ “เวทีรับงาน” แต่จะกลายเป็น ผู้สร้างงาน เพื่อดึงกลุ่มลูกค้าใหม่เข้ามาเองด้วย
นอกจากนี้ยังมีแผนเปิดแบรนด์ร้านอาหารจีนชื่อ XIANYUAN พื้นที่ 900 ตารางเมตร บริเวณชั้น 5 ในโครงการ ดุสิต เซ็นทรัลพาร์ค โดยจะเปิดในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ โดยล่าสุดอิมแพ็คได้ยกเลิกสัญญากับทางเลอโนท ประเทศฝรั่งเศส และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Culinova เพื่อมาบริหารจัดการเอง ที่มีความยืดหยุ่นในการหารายได้ที่ดีกว่า
ทั้งหมดนี้คือย่างก้าวสำคัญของ “อิมแพ็ค” หลังจากการมาถึงของรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่ช่วยลดปัญหาจราจรและเพิ่มการเข้าถึง ไปจนถึงการวางโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับอนาคต อิมแพ็คกำลังเดินหน้าเต็มกำลัง พร้อมปักธงว่า “อิมแพ็คื เมืองทองธานี” พร้อมแล้วที่จะเป็น World-Class Destination ที่นักเดินทางธุรกิจและผู้รักความบันเทิงทั่วโลกต้องจับตามอง โดยตั้งเป้าหมายในปี 2568มีรายได้เติบโตกว่า 4,000 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายว่าในปี 2573 จะมีรายได้แตะ 9,000 ล้านบาท ผ่านโครงสร้างรายได้ของบริษัทมาจาก 5 ส่วน ได้แก่ ธุรกิจให้บริการเช่าพื้นที่จัดงาน ธุรกิจรับจ้างจัดงานครบวงจร ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจอาหาร เครื่องดื่ม และธุรกิจโรงเรียนสอนประกอบอาหาร