
Photo Credit : NUMBER 24 – Authorized Shutterstock Partner in Thailand
บมจ. ซีพี ออลล์ (CPALL) รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2568 มีรายได้รวม 256,574 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.4% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายสินค้าของทุกกลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกและศูนย์การค้า และกลุ่มมธุรกิจอื่นๆ รวมทั้งกลยุทธ์ O2O ของแต่ละหน่วยธุรกิจยังคงเป็นปัจจัยเสริมในการเติบโตของรายได้อีกทางหนึ่ง
สรุปไตรมาส 2 ปีนี้ CPALL มีกำไรสุทธิ 6,768 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.5% จากปีก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นของกลุ่มธุรกิจร้านสะดวกซื้อเป็นหลัก และการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่าย
สำหรับ 6 เดือนแรกของปี 2568 รายได้รวมก่อนหักรายการระหว่างกัน แบ่งสัดส่วนตามธุรกิจหลัก ได้ดังนี้ 1. รายได้จากธุรกิจร้านสะดวกซื้อและธุรกิจอื่นๆ มีสัดส่วน 53% และ 2. รายได้จากธุรกิจค้าส่งค้าปลีกและศูนย์การค้า มีสัดส่วน 47%
สรุปธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven
ในไตรมาส 2 ปี 2568 ธุรกิจร้านสะดวกซื้อมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการรวม 117,706 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.1% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ ธุรกิจร้านสะดวกซื้อยังมีรายได้อื่นอีกจำนวน 7,312 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักจากรายได้จากการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ และอื่นๆ ในขณะที่มีการบันทึกเงินปันผลรับจากบริษัทย่อยจำนวน 4,990 ล้านบาท
กลุ่มธุรกิจร้านสะดวกซื้อยังคงรายงานกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 12,290 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 9,155 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.8% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ในไตรมาส 2 ปี 2568 ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ เปิดร้านสาขาใหม่รวม 165 สาขา ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2568 มีจำนวนร้านสาขาทั่วประเทศ 15,595 สาขา แบ่งเป็น
1. ร้านสาขาบริษัท 7,959 สาขา (ประมาณ 51%) ร้านเปิดใหม่ 91 สาขา ในไตรมาสนี้
2. ร้าน SBP และร้านค้าที่ได้รับสิทธิช่วงอาณาเขต 7,636 สาขา (ประมาณ 49%) ร้านเปิดใหม่สุทธิ 74 สาขา ในไตรมาสนี้
ร้านสาขาส่วนใหญ่ยังเป็นร้านที่ตั้งเป็นเอกเทศ (stand alone) ประมาณ 86% ของสาขาทั้งหมด และส่วนที่เหลือเป็นร้านในสถานีบริการน้ำมัน ปตท.
– ร้านสะดวกซื้อ มียอดขายเฉลี่ยต่อร้านต่อวันอยู่ที่ 85,690 บาท และยอดขายเฉลี่ยของร้านสาขาเดิมลดลงเล็กน้อยหรือราว 0.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมียอดซื้อต่อบิล 88 บาท
– จำนวนลูกค้าต่อสาขาต่อวันเฉลี่ย 966 คน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปัจจัยเรื่องอากาศที่ส่งผลกระทบต่อการเดินทางภายในประเทศ รวมทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงเช่นกัน
– ธุรกิจร้านสะดวกซื้อยังคงใช้กลยุทธ์สอดรับกับสถานการณ์ตลอดเวลา โดยคำนึงถึงการรักษาฐานลูกค้าเดิม และขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ โดยนำเสนอสินค้าใหม่ๆ พร้อมกับโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดลูกค้าในแต่ละช่วงเวลา รวมถึงการเพิ่มรายได้จากการขายสินค้า ผ่านกลยุทธ์ O2O อาทิ 7Delivery และ All Online ซึ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดี โดยมีสัดส่วน 11% ของรายได้จากการขายสินค้ารวม
– สัดส่วนของรายได้จากการขาย 76.4% มาจากสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และ 23.6% มาจากสินค้าอุปโภค
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 CPALL ดำเนินธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ในประเทศกัมพูชารวม 123 สาขา และมีสาขาในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จำนวน 18 สาขา
เป้าหมายปี 2568 วางแผนลงทุนเปิดร้านสาขาใหม่ในประเทศไทยรวม 700 สาขา รวมทั้งเปิดร้านใหม่ในประเทศกัมพูชา และในสปป.ลาว เพิ่มขึ้นอีกด้วย รวมทั้งการปรับปรุงสาขาเดิม โดยใช้งบลงทุนประมาณ 12,000 – 13,600 ล้านบาท
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE



