ซีพีเอฟ ส่ง “Bucher Salami & Chorizo” สองซาลามีพรีเมียมนำเข้าจากฝรั่งเศส บุก 7-Eleven ครั้งแรก เน้นเจาะกลุ่มพรีเมียม – นักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยจะเริ่มวางขายเฉพาะในสาขาพิเศษ เช่น สาขาที่มีชีส-ไวน์แดง-ขนมปังกรอบจำหน่ายร่วมด้วย เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถจับคู่ได้ เริ่ม 31 ก.ค. 68 นี้เป็นต้นไป
สำหรับการเปิดตัวครั้งนี้ คุณสุจริต มัยลาภ กรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพีเอฟ โกลบอล ฟู้ดโซลูชั่น จำกัด (CPFGS) กล่าวว่า เป็นการยกระดับอาหารกลุ่ม Cold Cuts ของ Bucher ให้เข้าถึงคนไทยมากขึ้น และถือเป็นครั้งแรกที่ซาลามีแท้จากฝรั่งเศสถูกนำมาจำหน่ายในร้านสะดวกซื้ออย่าง 7- Eleven ด้วย โดยจะมีทั้งสิ้น 2 โปรดักท์ ได้แก่ Rosette Salami และ Chorizo Salami (ไส้กรอกสไตล์สเปนมีรสชาติเผ็ดกว่า) และเป็นการนำเข้าจากผู้ผลิตชื่อดัง Montagne Noire ภายใต้ความร่วมมือกับสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทยเลยทีเดียว

คุณสุจริต มัยลาภ กรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพีเอฟ โกลบอล ฟู้ดโซลูชั่น จำกัด (CPFGS)
เจาะตลาดพรีเมียม – นักท่องเท่ียวต่างชาติ
ในส่วนของการจำหน่ายพบว่าทางซีพีเอฟได้ออกแบบเป็นลักษณะ Grab & Go น้ำหนัก 30 กรัม ในราคา 59 บาท และมีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้บริโภคยุคใหม่ที่ชื่นชอบรสชาติระดับพรีเมียมในรูปแบบที่เข้าถึงง่าย พร้อมเจาะนักตลาดท่องเที่ยวด้วย เช่น บรรดาหัวเมืองหลักอย่าง ภูเก็ต พัทยา ย่านที่พักอาศัยที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาก เป็นต้น
ทั้งนี้ จำนวนสาขาพิเศษที่จะวางจำหน่ายในระยะเริ่มต้นพบว่ามี 419 สาขา ขณะที่คุณสุจริตเผยว่า มีเป้าหมายจะขยายไปยังสาขาของ 7 – Eleven อื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่มีสาขา 7-Eleven ประมาณ 6,000 แห่ง ได้มีการตั้งเป้านำสินค้าไปวางจำหน่ายให้ได้ 50%
“ตอนนี้เรากำลังศึกษาอยู่ว่าลูกค้าที่ซื้อส่วนใหญ่คือกลุ่มไหน และจะขยายให้มันใหญ่ขึ้นได้อย่างไร ซึ่งในอนาคตอาจจะมีการพัฒนาตัวสินค้าด้วยว่า อาจจะไม่ใช่เป็นซองแล้วสไลซ์มาแบบนี้อย่างเดียว มันอาจจะมีสินค้าแบบอื่นที่มีการผสมผสานกับอะไรบางอย่าง เพราะฉะนั้นอันนี้มันเป็นแค่จุดเริ่มต้น”
ความพรีเมียมที่อาจเปลี่ยนไปในบริบทของการรัดเข็มขัด
คุณสุจริตยังได้กล่าวถึงรูปแบบของการพัฒนาสินค้าในกลุ่มพรีเมียมของซีพีเอฟด้วยว่า อาจมีรูปแบบที่เปลี่ยนไปตามภาวะเศรษฐกิจ
“ในอดีต ลูกค้าอาจจะกำเงินเข้าร้าน 50 – 60 บาท เดี๋ยวนี้อาจจะกำเงินเข้าร้าน 30 – 40 บาท เพราะฉะนั้น ถ้าเราสามารถทำแพ็กไซซ์ให้เล็กลงเขาก็จะซื้อได้มากขึ้น และอาจจะทำให้สินค้าขยายตัวได้อีก ไม่จำเป็นต้องขายแพ็กใหญ่ เราปรับลงมาให้สามารถที่จะตอบรับกับการใช้จ่ายของคนทุกวันนี้ได้”
เช่นเดียวกับสินค้ากลุ่มพรีเมียมที่มีการปรับทัพเช่นกัน โดยคุณสุจริตเล่าว่า เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี ผู้บริโภคจะระมัดระวังเรื่องสุขภาพ
“ในหลายประเทศ เราพบว่าช่วงเศรษฐกิจไม่ดี ผู้บริโภคจะระมัดระวังเรื่องสุขภาพ กินอะไรต้องแน่ใจว่าไม่ป่วย กินแล้วป้องกันโรค เพราะการไปหาหมอจะมีการรักษาเยอะ อีกทั้งคำว่าพรีเมียม มันอาจจะไม่จำเป็นต้องแพง แต่อาจจะเป็นพรีเมียมในเชิงของทำให้สุขภาพดีขึ้น หรือการทำให้คนมี premium health (สุขภาพระดับพรีเมียม) ที่ดีขึ้น ด้วยอาหารของเรา”





